บทที่ 2
เจอกับหมอดินอีกแล้ว
ช่วงสายของวันนี้ห้องเสื้อของฉันยุ่งเหยิงมากราวกับว่ามีฝูงซอมบี้มาบุกร้าน ด้วยเพราะว่าร้านมีคอลเลกชั่นใหม่ล่าสุดที่ใกล้ฤดูใบไม้ล่วงแล้วแต่ด้วยเพราะว่ามีพายุเข้ามาหลายลูกทำให้อาการครึ้มฟ้าครึ้มฝนอยู่หลายครั้ง ฉันว่าภูมิแพ้ก็เริ่มจะเข้ามาอีกครั้งแล้วค่ะดูจากการเป็นหวัดที่เริ่มขึ้นมาตั้งแต่เมื่อคืน “ฮัดชิ้ว!”
“คุณเอวา โอเคไหมคะ?”
“จ้ะ” ตอบกลับพนักงานที่ถามไถ่ด้วยความห่วงใยพร้อมกับยื่นทิชชูมาให้เช็ดน้ำมูกที่ใสไหลเยิ้มออกมา (บรรยายอะไรขนาดนั้น) “เดี๋ยวช่วยปิดร้านแทนด้วยนะคะ พอดีช่วงบ่ายแก่ๆ เอวานัดกับเพื่อนไปทานข้าวด้วยกัน”
“ได้เลยค่ะคุณเอวา”
ปกติฉันคุยกับพนักงานของตัวเอง แทนด้วยชื่อเพื่อให้พวกเขาไม่ต้องเกร็งเกินไปฉันมักจะเป็นคนที่ค่อนข้างเฟรนลี่และไม่ถือตัวกับพนักงานของตัวเองหรือคนอื่น และอย่างที่บอกข้างต้นห้องเสื้อมีลูกค้าเยอะพนักงานแค่สี่ห้าคนไม่พอที่จะไปเสนอเสื้อผ้าแนะนำให้ลูกค้าฉันจึงต้องพาตัวเองออกไปต้อนรับลูกค้า
เพราะต้องกินข้าวกับเพื่อนก็เลยแต่งตัวสบายๆ คือกางเกงยีนขาสั้นสีดำปลายรุ่ยซึ่งเป็นคอเลกชั่นของแบรนด์ฉันเอง พร้อมกับเสื้อยืดสีขาวบางทับเข้าไปในกางเกงยีนขาสั้นเอวสูงเพื่อโชว์เรียวขายาว ฉันสูง 168 ซม. เวลาใส่กางเกงมันก็สั้นจนต้องใส่ซับด้านในอีกที ผมสีดำยาวปะบ่าก็รวบเป็นมวยขึ้นกลางศีรษะแต่งหน้าเบาสุด
สายตาของฉันปะทะเข้ากับหญิงสาวที่แต่งตัวเรียบร้อยมากๆ ยังกับลูกคุณหนูเธอกำลังเลือกชุดเดรสเซตสีชมพูอยู่ ฉันจึงเดินเข้าไปฉีกยิ้มกว้างเรียกสายตากลมโตให้หันมามองกัน น่ารักจังแหะ
“สวัสดีค่ะคุณลูกค้า ชอบชุดเดรสตัวไหนคะ?”
“ยังไม่รู้เลยค่ะ พอดีว่ามีไปทานข้าวกับคนที่คุยด้วย...”
“ดินเนอร์ใช่ไหมคะ? ขอแนะนำตัวนี้เลยค่ะ” ฉันพูดตัดบทเธอจากนั้นก็คว้าเอาชุดเดรสสีชมพูมาทาบทับบนเรือนร่างของเธอที่เตี้ยกว่าฉัน เอาจริงวันนี้งดส้นสูงสวมแค่ผ้าใบสีขาวเท่านั้นถึงได้รู้ไงว่าเธอเตี้ยและตัวเล็กเท่าฉันเลย
แต่ที่ไม่เหมือนคงจะเป็นหน้าอกเนี่ยล่ะ จะภูมิใจดีไหมที่ตัวเองหน้าอกใหญ่
“ตัวนี้เหมาะกับคุณลูกค้ามากค่ะ เป็นเดรสสั้นผ้าหนังกลับแขนยาวผ้าลูกไม้ตกแต่งโบว์เล็กๆ น่ารักพอดี สวยหวานเหมาะกับบุคลิกคุณลูกค้าสุดๆ เลยค่ะ” รอยยิ้มของฉันส่งไปให้เธอที่มองชุดเดรสที่ฉันแนะนำให้ ซึ่งมันเข้ากับเธอแบบหาที่ติไม่ได้เลยนะ
“สวยมากเลยค่ะ” ฉันเชิญให้เธอเข้าไปลองชุดซึ่งพอออกมาฉันก็ปรบมือเชียร์เธอสุดใจ “บอกเลยค่ะว่าดินเนอร์คืนนี้จะทำให้คุณผู้ชายตะลึง”
“คุณก็พูดเกินไป”
“ไม่เกินไปหรอกค่ะ คุณลูกค้าสวยหวานมากพอสวมเดรสตัวนี้แล้วเหมือนกับว่าฉันตัดเย็บเพื่อคุณลูกค้าโดยเฉพาะเลย” รู้สึกภูมิใจเป็นบ้า เดรสชุดนี้เหมาะกับหล่อนสุดแล้วฉันไม่คิดว่าใครจะใส่เดรสตัวนี้แล้วดูดีเท่าหล่อนมาก่อน
“คะ? คุณเป็น... เจ้าของห้องเสื้อเหรอคะ”
“ถูกต้องค่ะ” ฉีกยิ้มส่งให้หล่อนที่ยืนทำหน้าอึ้งอยู่
“ตกใจมากเลยค่ะ” เอามือทาบอกพลางหันไปมองกระจกที่ติดอยู่ตรงห้องลองเสื้อ “งั้นฉันเอาตัวนี้ค่ะ”
“คิดถูกเลยค่ะ เดี๋ยวขอไปหยิบตัวใหม่ให้นะคะ” พูดจบฉันก็เดินเข้าไปยังด้านหลังเพื่อหาชุดเดรสที่เหลือเพียงแค่ตัวเดียวและไซส์ S ไซส์ของคุณลูกค้าท่านนั้น ฉันก็เดินออกจากห้องตัดเย็บไปยังเคาน์เตอร์เพื่อคิดเงินและใส่ถุงแบรนด์ของตัวเอง
“เท่าไหร่คะ?”
“หนึ่งพันสามร้อยค่ะ” รับบัตรเครดิตมาจัดการเรียบร้อยฉันก็ยื่นถุงส่งให้และยกมือไหว้ขอบคุณ “ถ้ามัดผมหางม้าแล้วปล่อยผมด้านข้างจะสวยราวกับนางฟ้าเลยค่ะ”
“ขอบคุณมากเลยนะคะ คำแนะนำของคุณเจ้าของร้านทำให้ฉันมั่นใจในตัวเองมากเลยค่ะ”
“ไว้มาที่ห้องเสื้อ Ava’R อีกนะคะ”