PROMISES LOVER
คำสัญญาระหว่างเรา... มันไม่เคยเปลี่ยนแปลง
‘รัก’ มากแค่ไหน ที่ตรงนี้ก็ยังเป็นคุณ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
สองเท้าที่เพิ่งจะก้าวออกจากห้องน้ำเป็นอันหยุดชะงัก สายตาทอดมองไปยังประตูไม้ลวดลายประดับสวยงามมือซ้ายกุมปมผ้าขนหนูสีขาวที่ห่อหุ้มร่างกาย ฉันได้แต่เดินสาวเท้าไปหยุดตรงประตูมือขวาที่ว่างก็กำไปที่ลูกบิดเพราะภายหลังประตูบานนี้ฉันไม่คิดจะกลัวอะไรถ้าไม่ใช่พ่อมาเคาะประตูก็คงจะเป็น...
“คุณเอวาครับ คุณ...!”
เตชินทร์ บอดี้การ์ดหน้าหล่อ หุ่นล่ำอายุสามสิบห้าปี คนที่พ่อของฉันไว้ใจให้ดูแลฉันตั้งแต่อายุเพียงแค่สิบขวบ
สายตาคมมองฉันไล่มาถึงหน้าอกที่ยังมีหยดน้ำ เขาก็เบนหน้าหนีไปอีกทางด้วยความเขินอายจนฉันอมยิ้ม
“มีอะไรคะ?” เอ่ยปากถามแต่ใบหน้าของเขาก็ยังคงไม่ยอมที่จะหันมามอง
“คุณท่านเรียกหาครับ”
“ฝากบอกพ่ออีกยี่สิบนาที เอวาลงไปค่ะ” ตอบกลับเขาที่พยักหน้าจนฉันต้องเอื้อมมือที่ว่างคว้าปลายคางเขาให้หันมามองกัน เลิกคิ้วขึ้นมองเตชินทร์ “เขินอะไร? คุณเห็นฉันมาตั้งแต่เด็กๆ นะ”
“ก็ตอนนั้นคุณยังเด็ก ตอนนี้คุณโตเป็นสาวแล้ว”
“ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยนี่คะ? ฉันก็เหมือนเดิมทุกอย่าง”
เตชินทร์ไม่พูดอะไรก่อนจะค่อยๆ ดึงมือฉันออกจากปลายคาง สีหน้าของเขาดูจริงจังจนฉันไปไม่เป็นเลยล่ะ
“ทีหลังคุณห้ามเปิดประตูให้ผม ขณะที่ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อย ตกลงไหมครับ?” กลอกตาพลางพยักหน้ารับ นับวันเขายิ่งทำตัวเป็นพ่อคนที่สองของฉันไปแล้วนะเนี่ย พ่อจริงๆ ยังไม่เห็นจะบ่นเลย... บ่นเป็นตาลุงข้างบ้านไปได้
ปิดประตูลงและเดินไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อตรงไปทำงานยังห้องเสื้อของตัวเองที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ฉันชื่อ ‘เอวา’ อายุยี่สิบห้าปีเป็นลูกสาวคนเดียวของมาเฟียใหญ่อัตพล ทรัพย์บุญโชคที่มีกิจการส่งออกอะไหล่รถและอะไหล่เครื่องบิน ร่ำรวยจากการทำงานด้านนี้ส่วนฉันก็เป็นรองประธานของบริษัทเสื้อผ้าแบรนด์ที่ตัวเองทำอยู่ชื่อว่า Ava’R ความหมายก็ไม่มีอะไรมากหรอกนะ เพียงแต่ว่าฉันอยากมีตัวเองอาร์เข้ามาด้วยเฉยๆ
พ่อของฉันร่ำรวยและมีอิทธิพลมากดังนั้นการมีบอดี้การ์ดส่วนตัวไม่ใช่อะไร พ่อแค่อยากให้ฉันปลอดภัยจากใครก็ไม่รู้ที่พ่อไม่เอ่ยชื่อแต่ฉันก็เข้าใจดีนะเป็นลูกสาวมาเฟียจะมีคนปองร้ายก็คงไม่แปลก เตชินทร์ถึงได้มาดูแลฉันอยู่ตลอดไม่คาดสายตาด้วยซ้ำ ตามติดยังกับเงาและฉันก็รู้สึกดีนะที่พ่อเลือกเขามาดูแลฉันเพราะเหมือนฉันได้มีพี่ชายไง
เสื้อเชิ้ตชีฟองสีขาวถูกสวมท่อนบนบางเบาให้เห็นชั้นในสีดำชัดเจนปลดกระดุมลงมาสองเม็ด ทรวงอกของฉันดันล้นทะลักออกมาคัพซีก็แบบนี้รู้สึกหนักไหล่ฉันชะมัดหยิบกระโปรงทรงเอเอวสูงสีดำสั้นเลยเข่าแนบลำตัวแหวกข้างทางซ้าย เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยผมสีดำน้ำตาลปะบ่าฉันก็ปล่อยไว้แบบนั้นหวีหน้าม้าซีทรูให้เข้าที่เข้าทางก็หยิบกระเป๋าสะพาย Gucci อันที่จริงก็อยากจะออกแบบกระเป๋าตัวเองเหมือนกันนะ แต่เอาไว้ทีหลังแล้วกันอย่างน้อยก็มีแพลนที่จะทำแล้ว
“มอนิ่งค่ะพ่อ” คล้องแขนกอดลำคอแกร่งที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะอาหารตัวยาว ฉันก็กดแนบริมฝีปากลงบนแก้มสากพ่อที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เป็นอันหยุดชะงักและยกมือลูบศีรษะฉัน
“พ่อนึกว่าหนูจะไม่เข้าห้องเสื้อซะอีก” พ่อเอ่ยถามขณะที่ฉันนั่งลงเก้าอี้ด้านซ้ายมือพ่อ มองเตชินทร์ที่ยืนกุมมืออยู่ด้านหลังพ่อฉันก็พยักหน้าให้เขามานั่งด้วยกัน แต่ทว่าร่างสูงก็ปฏิเสธ
“ไปสิคะ เอวาต้องไปตัดเสื้อสูทให้พ่อ”
“สูทพ่อมีเยอะแล้วนะ”
“แต่ที่เอวาทำ พ่อยังไม่มี” ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะมองข้าวต้มกุ้งที่แกะเปลือกแล้วส่งกลิ่นหอมแตะจมูก จึงเงยหน้ามองเตชินทร์อีกครั้ง “พ่ออยากได้สีอะไรคะ?”
“อืม ปกติพ่อชอบสีน้ำเงินนะ แต่ถ้าลูกทำพ่อเอาสีน้ำตาลดีกว่า”
“โอเคค่ะ” เพราะวัดตัวพ่อไปเมื่อสองวันก่อนพ่อก็บ่นใหญ่เลยว่าไม่จำเป็นต้องตัดเสื้อให้ท่านก็ได้ แต่ฉันอยากให้ของขวัญพ่อบ้างนี่นา “คุณเตชินทร์ มานั่งทานข้าวกับเอวาสิ”
ใบหน้าหล่อเหลาตกใจทันทีพลางมองสบตากับพ่อของฉันที่หันไปมองด้วยสีหน้ายังไงฉันก็ไม่รู้หรอกนะ ทว่าเตชินทร์กลับส่ายหน้าไปมาเพื่อปฏิเสธฉันอีกครั้ง
“คุณเอวาทานเถอะครับ ผมทานเรียบร้อยแล้ว”
“แต่ว่า...”
“เตชินทร์บอกแบบนั้น ลูกไม่ควรไปบังคับเขานะเอวา”
ฉันย่นจมูกอย่างไม่พอใจเท่าไหร่ มองสบตากับเตชินทร์ที่เบนหน้ามองไปทางอื่น พอพ่ออยู่เขาเป็นแบบนี้ตลอดเลยแต่พอพ่อไม่อยู่เขาตามใจฉันทุกอย่างเลยนะ ขนาดนั้นกินข้าวร่วมโต๊ะกันเขายังฟังเลยแล้วมาตอนนี้ล่ะ...
เมื่อกินข้าวเสร็จเรียบร้อยฉันก็ออกจากคฤหาสน์ของตัวเองมีการ์ดหลายคนประจำอยู่ตรงประตูบ้านและด้านนอก มองรถหรูสีเทาซึ่งเป็นรถของเตชินทร์คันนี้พาฉันไปไหนมาไหนด้วยตั้งหลายปี ปอร์เช่ 911 สองประตูหรูหราเอาการ ราคาก็แพงหูฉีกสุดๆ
“ทำไมคุณถึงไม่มากินข้าวกับฉัน” หลังจากที่รถหรูแล่นออกจากรั้วบ้านฉันก็หันไปเล่นงานคนตัวสูงที่ตั้งหน้าตั้งตาขับรถพาฉันไปยังห้องเสื้อและอยู่กับฉันตลอดเวลา แทบจะไม่กระดิกตัวไปไหน
“คุณท่านอยู่ ผมเป็นบอดี้การ์ดจะไปร่วมโต๊ะกับเจ้านายได้ยังไง?”