#วันพฤหัสสีเขียว 2

1155 Words
#วันพฤหัสสีเขียว 2 “มานี่ ๆ นี่นักแข่งคนใหม่ ชื่อเธิร์สเดย์” พี่ณัฐแนะนำให้ได้รู้จัก ฉันเหลือบตามองแล้วยิ้มให้น้อย ๆ เขายังดูเด็กอยู่เลย อายุก็น่าจะสักยี่สิบ ยี่สิบเอ็ดประมาณนั้น “เอาละ เดี๋ยวว่าง ๆ ค่อยทำความรู้จักกัน แต่ว่า หลังทานข้าวเสร็จช่วยสัมภาษณ์นักแข่งแล้วตัดคลิปโปรโมทหน่อยนะ บรีฟพี่ส่งให้ในไลน์แล้ว” พี่ณัฐได้ทีล่ะสั่งรัวเลยนะ “พี่ณัฐคะ ขอขึ้นเงินเดือนค่ะ งานหนักมากค่ะ” “แหม อย่ามาพูดแกน่ะได้เยอะพอ ๆ กับพี่เลยเถอะ” พี่ณัฐเอ่ยแซว “รุ่นบุกเบิกเลยนะนั่น มาตั้งแต่เขาตั้งเสาอาคาร” พี่เจี๊ยบเอ่ยแซว แต่ก็จริงอย่างที่บอกนั่นแหละ มาตั้งแต่พี่ชายฉันมาดูที่ให้เจ้านาย เคยบอกหรือยังนะ ฉันกับพี่เป็นลูกแม่บ้านของเจ้านายที่ญี่ปุ่น แล้วพอแม่เสียเจ้านายก็ส่งเสียให้เรียนและพาย้ายมาอยู่ที่ประเทศไทยเมื่อหลายปีก่อน เจ้านายให้พี่ชายฉันหาที่ทางทำสนาม พี่เจี๊ยบก็มาจากบริษัทที่ญี่ปุ่นเราเลยสนิทกันเป็นพิเศษและเขาก็ชอบแซวว่าฉันมาตั้งแต่เริ่มตั้งเสาเข็ม “พี่อ่ะ เดี๋ยวคนอื่นว่าหรอก” ฉันบอกไม่จริงจัง “ใครจะว่าก็ช่างสิ เราทำงานเต็มที่เหมือนกัน” พี่ณัฐเอ่ยบอก จากนั้นเราก็เปลี่ยนเรื่องคุยไปเรื่อย หลังจากทานข้าวเสร็จฉันกับมินนี่ก็ช่วยกันเตรียมกล้องเพื่อถ่ายวีดีโอสัมภาษณ์นักแข่งตามที่ได้รับบรีฟมาจากพี่ณัฐ ซึ่งก็เป็นนักแข่งที่รู้จักกันอยู่แล้ว คงไม่มีปัญหาและหวังว่าพวกเขาจะไม่แกล้งฉันระหว่างทำงานหรอกนะ พอทานข้าวเสร็จเราก็นั่งคุยกันนิดหน่อยเกี่ยวกับงานที่ต้องทำ กระทั่งโทรศัพท์ฉันมีสายเรียกเข้าจากคนเป็นพี่ชายและพ่วงด้วยตำแหน่งเลขาเจ้านาย ไม่อยากจะรับเลยหากโทรมาในเวลางานแบบนี้ “ค่ะ” (ทำอะไรอยู่ ทานข้าวหรือยัง) พี่เกรฟถามอย่างปกติ ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้เจอกันเพราะเจ้านายมีงานต่างประเทศตอนนี้ก็น่าจะอยู่ที่สิงค์โปรล่ะนะพี่ชายฉันกับเจ้านายน่ะ “ทานแล้วค่ะ พี่มีอะไรหรือเปล่า” ฉันรีบถามออกไปเพราะอยากจะไปทำงานต่อให้เสร็จแล้ว (ทีมสปอร์นเซอร์อยากได้คลิปโปรโมตภายในพรุ่งนี้ก่อนเที่ยง...) “ฮะ!? จะบ้าหรือเปล่า” ฉันเก็บกล่องอาหารไปทิ้งถังขยะจากนั้นก็รีบเดินกลับไปที่โต๊ะ ฉันว่าพี่ณัฐเองก็รู้แล้วล่ะว่าทำไมฉันถึงหัวร้อน (ก็เขาต้องการมาแบบนี้ พี่กับเจ้านายก็พยายามยืดให้ได้มากที่สุดแล้ว) “แต่พวกเขาเพิ่งเซ็นสัญญาเป็นสปอร์นเซอร์ในการแข่งเมื่อวาน งานแจ้งเมื่อเช้าแล้วยังจะเอางานพรุ่งนี้?” ฉันถามกลับอย่างหัวเสีย บ้าจริง ฉันไม่ชอบงานเร่งงานเผาที่สุดเลย (เอาน่า ใจเย็น ๆ ก่อน อยากได้อะไรไหมเดี๋ยวพี่ให้คนเอาไปให้) ปลายสายปลอบเสียงนุ่มแต่ไม่ว่ายังไงฉันก็ยังหัวร้อนเหมือนเดิมนั่นแหละ แล้วคิดว่าจะทันไหมล่ะ ฉันมีสองคนนะเผื่อลืม “บอกเจ้านายให้เพิ่มคนมาช่วยเถอะค่ะงานหนักขนาดนี้อ่ะ” ฉันบอกไปอย่างจริงจัง เสียงปลายสายที่หัวเราะแทรกเข้ามาทำให้ฉันรู้ว่าเจ้านายก็ฟังอยู่ด้วย (เดี๋ยวฉันให้คนเปิดรับสมัครแล้วกันนะ สักสองคนเป็นยังไง) เสียงเจ้านายเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี “เอ่อ ขอโทษค่ะที่พูดไม่ดี” (ไม่เป็นไร ๆ เราคนกันเองทั้งนั้น แต่งานนี้ฝากหน่อยนะกรีน งานนี้สำคัญจริง ๆ ) “ค่ะเจ้านาย” (บอกให้เรียกอาก็ไม่เรียก น่าตีจริงเด็กคนนี้ เอาละ ตั้งใจทำงาน) สายถูกตัดไปฉันเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วหมุนไปมาอยู่อย่างนั้น ในหัวเริ่มขบคิดว่าจะลาออกดีไหม ทำไมงานหนักแบบนี้เวลานอนเวลาพักก็แทบจะไม่มี พอคิดไปคิดมา ถ้าออกแล้วฉันจะเอาอะไรกิน กลับไปทำงานยัยกรีน!! “แม่ ให้หนูทำอะไรก่อนดี” มินนี่เดินเข้ามาถามไถ่อย่างกลัว ๆ ฉันพยายามไม่ทำหน้านิ่งแล้วนะ แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ทำหน้ายังไงอยู่น้องถึงได้กลัวแบบนี้ “ฝากเช็กกล้องแล้วกัน พี่ณัฐลูกค้าอยากได้ตรงที่มีแบรนด์ของเขา ฝากพี่เตรียมหน่อยนะคะ อีกหนึ่งชั่วโมงหนูลงไปขอเคลียร์งานก่อน” ฉันตะโกนบอกพี่ณัฐที่มองมาก่อนอยู่แล้ว “ได้เดี๋ยวพี่จัดการให้เอง” เมื่อได้คำตอบที่น่าพอใจจากผู้จัดการสนาม ฉันก็รีบต่อสายหาเพื่อนทันที (ว่าไงจ๊ะ) ปลายสายเอ่ยทักเสียงสดใส “ว่างไหม” (ว่าง ทำไมเหรอ?) “แกเข้าไปเอาชุดมาให้หน่อยที่บ้านอ่ะ” (จะค้างที่สนามเหรอ?) “ใช่ งานด่วนอีกแล้ว” (เฮ้อ พี่แกนี่ยังไงชอบนักนะให้แกทำงานด่วน ๆ เร่ง ๆ เนี่ย) ฟ้าใสบ่นจริงจัง “ฝากไปจัดการหน่อยนะ พี่ชายฉันน่ะกลัวแกอย่างกับอะไรดี” อ้อ ฟ้าใสน่ะเป็นแฟนพ่วงด้วยภรรยาของพี่ชายฉันเอง พวกเขาแต่งงานกันเมื่อสองปีที่แล้วตอนนี้มีเจ้าตัวเล็กมาให้ฉันเล่นด้วยแล้วล่ะ พี่เกรฟน่ะกลัวเมียมากกว่าคนเป็นน้องอย่างฉันเสียอีก น่าน้อยใจนัก (เดี๋ยวจัดการให้ เอาแค่เสื้อผ้าใช่ไหม) “เอาผ้าห่มมาให้ด้วย” (ได้ งั้นเดี๋ยวทำมื้อเย็นให้ด้วยเลยแล้วกัน) “ไม่ต้อง ๆ มีข้าวแล้วอ่ะสั่งมาไว้แล้ว” (เอางั้นก็ได้ เดี๋ยวสักพักจะออกไปแล้วนะ) “ได้ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะพี่สะใภ้” ก่อนวางไม่ลืมแกล้งแซวเพื่อนด้วย ฉันรีบทำงานตรงหน้ากระทั่งเสร็จเรียบร้อย ที่เสร็จเร็วเพราะงานถูกทำไปจนเกือบจะเสร็จก่อนที่ฉันจะไปทานข้าวแล้ว พอกลับมาทำต่อเลยใช้เวลาไม่นานสักเท่าไหร่ ก็เกือบ ๆ หนึ่งชั่วโมงนั่นแหละ “แม่ กล้องพร้อมแล้ว นักแข่งก็พร้อมแล้วค่ะ” “แปบนะ” ฉันบอกมินนี่ มือกดส่งงานให้พี่ณัฐก่อนจะรีบออกไปยังจุดที่มินนี่ยืนอยู่ เป็นหน้าห้องรับรองระดับวีไอพีผนังมีรูปแบรนด์ของสปอนเซอร์ติดอยู่อย่างสวยงาม พอเปิดประตูเข้าไปกล้องทุกอย่างถูกเตรียมไว้แล้วเรียบร้อยวันนี้เราสัมภาษณ์นักแข่งเพียงสี่คน สามคนแรกเป็นที่คุ้นหน้าค่าตากันอยู่แล้วแต่คนสุดท้ายเป็นนักแข่งใหม่ที่เจ้านายเพิ่งดึงตัวเข้ามาได้ เห็นบอกว่าเป็นน้องชายของลูกเขยเจ้านาย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD