07

2122 Words
วันนี้เป็นอีกวันที่แสงดาวต้องพาไคร่ามาทำงานด้วย เพราะเนิร์สเซอรี่เจ้าประจำยังคงตกแต่งภายในไม่เสร็จ นอกนั้นแล้วที่บริษัทก็ค่อนข้างมีพื้นที่ให้ไคร่าได้นั่งเล่นและนอนพักโดยที่เธอไม่ต้องไปดูแลตลอดเวลา ในช่วงที่จำเป็นแบบนี้การพาลูกมาทำงานด้วยจึงสะดวกกว่าการพาไปฝากที่อื่น เมญานีที่พาไคร่าไปนั่งเล่นในห้องทำงานด้วยเข้ามาบอกแสงดาวว่าไคร่าดูซึมๆ และตัวอุ่นกว่าปกติ พอถามอาการและวัดไข้ลูกแล้วเธอก็เข้าไปขอคุยกับหัวหน้าทีมว่าจะพาลูกไปหาหมอ โดยจะทำงานที่ต้องรับผิดชอบวันนี้แบบรีโมตจากที่บ้านแทน ในตอนที่เธอเข้าไป วายุกำลังกับหัวหน้าทีมของเธออยู่ หญิงสาวขอลาแบบไม่ต้องเกรงใจเพราะเป็นเรื่องด่วนจริงๆ และแน่นอนว่าทั้งหัวหน้าทีมและประธานบริษัทบอกให้เธอรีบพาไคร่าไปหาหมอได้เลย ออฟฟิศของ insight ค่อนข้างมีวัฒนธรรมองค์กรแบบสมัยใหม่ แสงดาวเองก็ทุ่มเทกับงานเต็มที่เมื่อมีธุระพวกเขาก็จะสนับสนุนให้เธอได้ลาหยุดอย่างเต็มที่เพื่อไปจัดการกับเรื่องส่วนตัวให้เรียบร้อย จะได้กลับมาทำงานก็สบายใจและทุ่มเทกับงานได้เต็มที่... แสงดาวเดินออกมาจากห้องของหัวหน้าทีมพร้อมๆ กับวายุเพราะเขาก็คุยธุระเสร็จแล้วเหมือนกัน เมื่ออยู่กันสองคนท่านประธานแห่ง insight ก็ชวนรุ่นน้องคุยเรื่องที่เขาอยากรู้อยากเห็นมาพักใหญ่แล้ว "ไอ้คีรินเข้ามาที่อินไซด์บ่อย แต่พี่เจอหน้ามันแค่ไม่นานเพราะมันมัวแต่ไปจีบเราหรือเปล่า" "เขาไม่ได้จีบแสง" "ไม่ได้จีบ แต่เข้าบริษัทพี่บ่อยกว่าเข้าบริษัทตัวเองเนี่ยนะ" "เขามาเล่นกับไคร่าต่างหากล่ะคะ" วายุเลิกคิ้ว ไอ้หมอนั่นมันจีบยังไงของมัน แสงดาวถึงเถียงคอเป็นเอ็นเชียวว่ามันไม่ได้จีบ "คนอย่างไอ้คีรินทำอะไรมีเหตุผลเสมอ ถ้ามันล็อกเป้าหมายไว้มันจะมุ่งมั่นทำอย่างเห็นได้ชัด มันกำลังจีบเราอยู่เชื่อพี่" วายุช่วยเพื่อนอีกแรง เพราะเห็นว่าแสงดาวก็เป็นเด็กดี เธอจะได้ทำให้ไอ้คนที่อกหักและพักใจมาเกือบห้าปีได้มีความรักที่สดชื่นและยั่งยืนอีกสักครั้ง... เพราะคำพูดของเจ้านายทำให้แสงดาวอดครุ่นคิดตามไม่ได้ พอคีรินขอเป็นพ่อไคร่าสำเร็จ ยัยตัวเล็กก็ติดเขาแจ ชายหนุ่มมาหาเธอกับลูกบ่อยครั้งจนแสงดาวคิดว่าช่วงนี้เธอเจอหน้าเขาบ่อยกว่าประธานบริษัทตัวเองเสียอีก... อย่างวันนี้ยัยหนูก็ขอยืมโทรศัพท์เมญานีโทรไปฟ้องปะป๊าว่าไม่สบาย เขาก็รีบเข้ามาที่บริษัทอินไซด์เพื่อรับลูกไปหาหมอ แสงดาวที่ลางานได้เลยได้นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถของคีรินและกำลังนึกถึงว่าเขาดีกับเธอและลูกแบบเกินเบอร์มากไปจริงๆ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเธอก็คิดว่าวายุอาจจะเดาผิด คีรินไม่เห็นแสดงท่าทีอะไรกับเธอเลย "แม่ขา" "ว่าไงลูก" หญิงสาวเลิกสนใจเรื่องราวที่อยู่ในหัวตัวเองแล้วหันมาคุยกับลูกแทน "พัตเตอร์เคยบอกว่า พ่อกับแม่ของเค้าอยู่ด้วยกัน แล้วพัตเตอร์ก็มีน้อง ตอนนี้ปะป๊ากับแม่ไม่อยู่ด้วยกันเลยแล้วไคร่าจะมีน้องเหมือนเพื่อนบ้างไหมคะ" ประโยคที่ทำให้คนเป็นแม่อึ้งถูกเอื้อนเอ่ย ส่วนปะป๊าของไคร่ากลับยิ้มมุมปากเพราะคิดว่านั่นเป็นคำถามที่ดี "ไคร่า ฟังแม่นะลูก คนเราไม่จำเป็นต้องมีอะไรเหมือนกัน มันเรียกว่าความแตกต่างยังไงล่ะ" "แต่ถ้าเป็นอะไรที่ดี แม่บอกว่ามีตามเพื่อนได้นี่คะ" "แล้วมีน้องมันดีตรงไหนล่ะไคร่า" แสงดาวเริ่มหาเหตุผลมาอธิบายไม่ไหวแล้ว "เอาเป็นว่า ไว้พ่อจะหาวิธีให้นะไคร่า..." "ค่าาาาา" พอเป็นคุณพ่อพูด ไคร่าก็ตอบรับเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย "คุณอย่าสัญญากับเด็กซี้ซั้วสิคะ อะไรที่ทำไม่ได้อย่าไปรับปาก เด็กเค้าจำแม่นนะ" "ผมรับปากแกเพราะคิดว่าจะทำได้" "..." แสงดาวนิ่วหน้า เธอหันไปสบตาคีรินแล้วก็หันกลับมามองท้องถนนอย่างรวดเร็วเพราะได้สบตากับเขาแล้วก็เกิดความสั่นไหวภายในอย่างประหลาด แววตาเมื่อกี้นี่มันบ่งบอกความหมายชัดเจนว่าเขากำลังคิดอะไร แต่ที่ผ่านมาทำไมเธอไม่เคยมองออก... วายุไม่ได้พูดเล่น คีรินจีบเธออยู่จริงๆ แสงดาวแน่ใจแล้วว่าใช่แน่ๆ ! โรงพยาบาล B เมื่อมาถึงโรงพยาบาล แสงดาวก็แจ้งแพทย์ว่าไคร่าเจ็บคอ มีไข้สูง และเบื่ออาหาร จึงพาลูกมาตรวจเพื่อให้จะได้รู้สาเหตุของการป่วยและได้รักษา วันนี้เธอไม่ต้องอุ้มเด็กน้อยเองเพราะไคร่าอ้อนให้ปะป๊าอุ้มตลอด เขาเองก็อ่อนโยนกับลูกสาวทิพย์เป็นพิเศษจนเธอกลายเป็นคนถือกระเป๋าไปแล้ว แต่นั่นก็เป็นเรื่องดีเพราะมันทำให้แสงดาวเลิกโฟกัสกับความรู้สึกใจสั่นตอนที่จ้องตากับคีรินบนรถของเขา ในตอนที่เขาพูดออกมาชัดเจนว่ากำลังจะจีบ พอเห็นเธอเขินเขาก็ยิ้มและไม่ได้พูดอะไรอีก แสงดาวสบายใจอย่างบอกไม่ถูกที่เขาไม่ได้รุกล้ำเธอมากเกินไป การมีไคร่าอยู่ตรงกลางก็ยิ่งทำให้เธอสะดวกใจที่จะให้เขาก้าวเข้ามาในชีวิต ทั้งที่ปกติไม่ค่อยจะมีใครก้าวข้ามผ่านกำแพงแห่งโลกส่วนตัวของเธอได้ง่ายๆ คีรินค่อยๆ แทรกซึมเข้ามา จนตอนนี้เขามานั่งข้างเธอตอนที่พาลูกมาหาหมอได้โดยที่เธอไม่รู้สึกอึดอัดแม้แต่น้อย "ปะป๊า ไคร่าไม่อยากให้หมอฉีดยา..." ไคร่ากระซิบบอกคีริน วันนี้เด็กป่วยออดอ้อนมากเป็นพิเศษ แสงดาวเห็นว่าคีรินไม่รำคาญเลย มันทำให้เธอนึกนิยมเขาอยู่ในใจไม่ใช่น้อย "หมอยังไม่ได้บอกเลยว่าจะฉีดยา" คนตัวโตอมยิ้ม วันนี้เขารู้สึกเหมือนเจอคนขี้ขลาดสองคน คนเป็นแม่แค่จ้องตาแล้วทำท่าจะจีบก็เขินจนเหมือนจะละลายหายไปต่อหน้าเขา ส่วนคนเป็นลูกที่ซ่ามาตลอดก็เหมือนจะกลัวโรงพยาบาล "หมอขอตรวจอาการไคร่าก่อนนะจ๊ะ ถ้าไม่มีเชื้อโรคเยอะๆ ก็ไม่ต้องฉีดยาหรอก ตอนเจอกันครั้งก่อนไคร่าสัญญากับหมอว่าจะกินผักเยอะๆ วิตามินจากผักและผลไม้อาจจะช่วยทำลายเชื้อโรคจนไม่ต้องฉีดยาก็ได้น้า" คุณหมอบอกกับไคร่าอย่างใจเย็น... "คุณหมอไม่หลอกไคร่านา" เจ้าตัวเล็กย้ำเตือนด้วยประโยคและท่าทางทรงอำนาจราวกับว่าตัวเองอายุเยอะกว่าคุณป้าหมอ... แน่นอนว่าประโยคนั้นเรียกเสียงหัวเราะอย่างเอ็นดูจากทุกคนในห้องตรวจ "แม่ขา..." พอพี่พยาบาลเดินเข้ามาพร้อมถาดเครื่องมือ ยัยหนูน้อยก็หันรีหันขวางราวกับกำลังจะโดนเชือด คราวนี้เจ้าตัวร้องเรียกหาแม่มาเป็นกำลังเสริมเพราะแค่ปะป๊าอาจจะไม่พอ... "อุปกรณ์ตรวจของคุณหมอเฉยๆ ไม่มีเข็มฉีดยา" แสงดาวบอกอย่างนั้น ไคร่าจึงค่อยวางใจให้ความร่วมมือกับการตรวจเป็นอย่างดี "เด็กเป็นโรคมือเท้าปากน่ะค่ะ ต้องรักษาตามอาการไปก่อนเพราะยังไม่มียารักษาเฉพาะโรค ถ้าไข้ขึ้นสูงให้เช็ดตัวลดไข้ แต่ถ้าไข้ไม่ลงให้มาที่โรงพยาบาลเลยนะคะ ตอนนี้แกมีแผลในคอแล้วควรต้องให้กินอาหารอ่อนๆ ส่วนตุ่มที่มือ หมอจะให้ยาทาแผลไปด้วยในวันนี้เลย" คุณหมอแจ้งเกี่ยวกับการรักษาและเน้นย้ำว่าให้เด็กหยุดเรียนจะได้ไม่ไปแพร่เชื้อให้เพื่อน นอกนั้นแล้วก็แจ้งผู้ปกครองไม่ให้กังวลเพราะโรคมือเท้าปากพบเจอได้น้อยในผู้ใหญ่ แต่ก็มีโอกาสติดอยู่ ดังนั้นการอยู่ร่วมกับเด็กที่ป่วยโรคนี้จึงต้องเน้นการรักษาสุขภาพอนามัยให้ดี พอคุยกับหมอเรียบร้อย แสงดาวก็พูดกับคีรินในช่วงที่พวกเธอลุกแล้วเดินไปที่ห้องรับยา "ส่งไคร่าให้ฉันอุ้มก็ได้ค่ะ" คีรินเลิกคิ้ว "เผื่อคุณจะกังวลเรื่องติดไวรัสจากไคร่า" "แล้วคุณไม่กลัวเหรอ" เขาถามเธอ "ไม่ค่ะ" เธอเสิร์ชหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคมาเลยรู้ว่าเคยมีเคสที่ติดโรคนี้จากลูกมีอาการหนัก มือเป็นแผลหนักมากจนเล็บหลุด ผมร่วง ในลำคอก็เป็นแผลจนกินข้าวไม่ได้ แต่โอกาสที่จะเกิดขึ้นก็น้อยมากและเธอไม่คิดว่าตัวเองจะโชคร้ายขนาดนั้น "ผมเองก็ไม่กังวล ดังนั้นก็แปลว่าเราช่วยกันดูแลไคร่าได้" คีรินสรุป เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงอยากปกป้องเด็กน้อยคนนี้มากกว่าห่วงตัวเอง มันคงเป็นความรักจากคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่รู้สึกกับลูกสินะ หัวใจเขาอุ่นวาบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ชายหนุ่มไม่เคยรู้มาก่อนว่าการเป็นผู้ให้จะทำให้เขารู้สึกดีกับตัวเองได้มากขนาดนี้ "คุณใจดีกับไคร่ามากเลย" ดูเหมือนเธอเองก็ประทับใจในการแสดงออกของเขาเหมือนกัน... "ผมไม่ได้มาเพื่อใจดีกับไคร่าอย่างเดียว" เขาบอกยิ้มๆ หญิงสาวทำหน้าเหวอเมื่อเขาจู่โจมหัวใจเธออีกรอบ "คุณทำเหมือนไม่รู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณ" ไคร่าผล็อยหลับไปแล้วเพราะเป็นช่วงที่แกต้องนอนกลางวันเขาเลยพูดประโยคนี้กับเธอได้ ไม่อย่างนั้นยัยหนูคงสงสัยว่าพ่อจะจีบแม่ทำไม "คุณพูดจริงเหรอคะ" แม้จะแน่ใจ แต่เธอก็อยากจะถามเขา สำหรับเธอคีรินคือคนที่ไม่ควรจะมองข้ามไปง่ายๆ เพียงแค่พบเจอก็ประทับใจจากภายนอกอยู่แล้ว เมื่อได้สนิทสนมกันและเห็นความใส่ใจของเขาที่มีให้ มันจึงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธหากเขาจะสานสัมพันธ์กับเธอ "ผมบอกแล้วไงว่าจะไม่พูดไปเรื่อยเปื่อย" "คุณสนใจฉันที่ตรงไหนเหรอคะ" เธอก้มหน้ามองพื้นหินอ่อนของโรงพยาบาลในตอนที่เอ่ยถามเขา... เส้นทางจากห้องตรวจไปห้องยานั้นไม่ไกล แต่พวกเธอเดินช้ากันมาก คีรินหันไปมองคนที่แต่งตัวเรียบๆ ราวกับเป็นทายาทของสตีฟ จ็อบ แล้วก็ยิ้มน้อยๆ แสงดาวคงจะมองว่าตัวเองนั้นธรรมดาไม่ได้พิเศษกว่าใคร แต่สำหรับเขามันไม่ใช่อย่างนั้นเลย "ถ้าให้ตอบตรงๆ คุณรับไม่ได้หรอก" "ลองบอกมาสิคะ" เธอชักจะอยากรู้ขึ้นมาจริงๆ ว่าคีรินสะดุดตาเธอตรงไหน ถ้าเป็นเพราะไคร่าก็ไม่น่าใช่เพราะนอกจากจะมีภาระพันแข้งพันขาที่ไม่ใช่สายเลือดของตัวเองแล้วเขายังต้องใช้เวลาเอาใจทั้งแม่ทั้งลูก การตัดสินใจครั้งนี้ของเขาย่อมมีเหตุผลที่ดีมากพอ แต่เหตุผลนั้นมันคืออะไรกันล่ะ เธอหันไปจ้องหน้าเขาอย่างค้นคว้า และแววตาวาววับที่จ้องกลับมาอย่างล้ำลึกนั้นทำให้เธอคอแห้งผาก... "ฉะ... ฉัน ไม่อยากรู้แล้ว ฉันไปรับยาให้ลูกดีกว่าค่ะ" โหนกแก้มเธอซับสีชมพูขึ้นมา สุดท้ายก็เป็นเธอที่เปลี่ยนเรื่องแล้วก้าวเดินเร็วขึ้นราวเพราะเขิน... คีรินก้าวขาเดินตามเธอไปอย่างไม่เร่งรีบ แต่ก็เดินทันเพราะเขาขายาวกว่า... "คุณเองก็ฉลาดดีเหมือนกันนะ..." เขาหัวเราะเบาๆ แล้วเดินนำเธอไปยังเคาน์เตอร์ห้องยา ปล่อยให้แสงดาวยืนขาตายอยู่ข้างหลัง อะไรกัน... เธอตั้งใจจะไล่ต้อนถามเขาว่าสนใจเธอเพราะอะไร แต่ทำไมกลายเป็นเธอที่เสียอาการได้ล่ะ แสงดาวโคลงศีรษะแล้วก็เดินตามเขาไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD