ดูเหมือนว่า ‘ชะตากรรม’ จะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก
ทุกสิ่งรอบกายดูราวจะตอกย้ำถึงความรับผิดชอบใหญ่หลวง ในฐานะที่เธอเป็นภรรยาของเจ้าของฟาร์มผู้กำลังประสบปัญหาใกล้ล้มละลายอยู่รอมร่อ
สถานการณ์กำลังบีบคั้นให้เธอรีบตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง… เพื่อความอยู่รอดของฟาร์ม อีกทั้งชีวิตคนงานและลูกๆ ตาดำๆ ของพวกเขา หลายชีวิตที่เธอควรจะมีส่วนรับผิดชอบดูแลอนาคตของพวกเขา… ด้วยสำนึกของคนเป็นนาย
ที่ไร่องุ่น ‘อัครพลไพศัลย์’ ของนายเดโช อัครพลไพศัลย์ หรือที่ผู้คนในละแวกนั้นรู้จักเขาดีในนาม ‘พ่อเลี้ยงเดโช’ ผู้กว้างขวาง เจ้าของไร่องุ่นและฟาร์มโคนมอัครพลไพศัลย์ที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของวังน้ำเขียว
ภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ซึ่งถูกตกแต่งเอาไว้เป็นห้องทำงานของพ่อเลี้ยง ตั้งอยู่ภายในบริเวณเดียวกันกับตัวเรือนขนาดใหญ่ราวกับคฤหาสน์ สร้างขึ้นจากไม้สักทั้งหลัง
ก๊อก ๆ ๆ…
ทันทีที่สิ้นเสียงเคาะประตู
“มีคนมาหาคุณผู้ชายค่ะ”
ป้าศรี สาวใช้วัยกลางคน ยื่นใบหน้าเพียงครึ่ง ผ่านช่องว่างของประตูไม้ที่เปิดแง้มเพียงน้อย
แกรีบรายงานเหตุการณ์ภายนอก หลังจากรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูสีแดงเลือดนกคันใหญ่ แล่นเข้ามาจอดเทียบยังโรงจอดรถ ภายในอาณาบริเวณของคฤหาสน์ไม้สักหลังงาม ตระหง่านอยู่บนเนื้อที่หลายร้อยไร่ของพ่อเลี้ยง
“ใครกัน?”
เสียงห้วน ห้าว ฟังดูน่าเกรงขามของชายวัยกลางคน รูปร่างสูงใหญ่ ที่กำลังเอนแผ่นหลังกว้างกับพนักเก้าอี้หนังสีดำมันวับ แผงคิ้วดกเข้มระบายอยู่เหนือกรอบดวงตาคมกริบ ริมฝีปากปรกไปด้วยแผงหนวดสีดำดกหนา ใบหน้ายังฉายแววความหล่อเหลาไว้ด้วยเค้าโครงคมสันไม่สร่าง
เขาเอ่ยถามกับผู้รายงานเพียงสั้นๆ เพราะตระหนักดีว่ามีคนรู้จักเพียงไม่กี่คนที่เขายอมให้พบ… แม้จะอยู่นอกเวลางานและตารางนัดหมาย
“คุณเริงรตีค่ะพ่อเลี้ยง”
ป้าศรีกล่าวเบาๆ ด้วยน้ำเสียงนอบน้อมกับคนเป็นนาย
นอกจากป้าศรีจะเปรียบเสมือนธุรการประจำบ้าน หล่อนยังคอยดูแลทุกอย่างภายในบ้านราวกับเป็นเลขาส่วนตัวของตระกูลอัครพลไพศัลย์
ป้าศรีเป็นคนเก่าคนแก่ที่อยู่รับใช้ตระกูลอัครพลไพศัลย์มานาน ไม่น่าแปลกใจที่หล่อนจะได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากทุกคนในครอบครัวราวกับเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง
“เริงรตี”
พ่อเลี้ยงเดโชทวนคำอยู่ในใจ… ราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง
ครั้นแล้วก็พยักหน้าให้ป้าศรี เป็นสัญญาณรับรู้ว่าเขายินดีต้อนรับ แววตาคมดุเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นฉายแววยินดีขึ้นมาทันใด
ป้าศรีแอบอมยิ้ม ชำเลืองมองคนเป็นนายด้วยแววตารู้ทัน ด้วยรู้ดีว่า ‘เริงรตี’ เป็นแขกคนสำคัญที่พ่อเลี้ยงเดโชพร้อมจะเปิดประตูบ้านต้อนรับการมาเยือนของเธอเสมอ เป็นไปไม่ได้เลยที่พ่อเลี้ยงเดโชจะปฏิเสธเธอ… ไม่ว่าเริงรตีจะมาเวลาใดก็ตาม
“สวัสดีค่ะพ่อเลี้ยง”
เสียงหวานปนอ้อน เอื้อนเอ่ยมาพร้อมรอยยิ้มหวาน ก่อนที่เรือนร่างรัดรึงจะก้าวผ่านพ้นประตูไม้บานใหญ่ ขาเรียวยาวก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามาข้างใน
“สวัสดีครับคุณเริงรตี”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มของชายที่นั่งเอนหลังอยู่ในห้อง เอ่ยทักทายด้วยความประหลาดใจ ระบายยิ้มออกมาเต็มใบหน้ากับแขกผู้มาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย
“ไม่ทราบว่ารตีมารบกวนเวลาทำงานของพ่อเลี้ยงหรือเปล่าคะ?”
เธอถามอย่างมีจริต แววตาหวานวาวของเธอสะกดสายตาของเขาไม่ให้กระพริบ
“ไม่ครับ… ไม่เลย เป็นเกียรติของผมด้วยซ้ำที่คุณเริงรตีให้เกียรติมาเยี่ยมเยือนจนถึงบ้าน”
เขารีบกล่าว เมื่อเห็นท่าทางเกรงใจของเธอ
สายตาของเขายังจับจ้องอยู่ที่เรือนร่างเย้ายวนตรงหน้า
“เอ่อ… ฉันขอโทษที่ไม่ได้โทรมานัดล่วงหน้า”
“ไม่เป็นไรครับ สำหรับคุณเริงรตีผมว่างเสมอ ว่างทุกเวลา…”
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มอย่างมีนัยสำคัญ ดวงตาเชื่อมวาวถักทอประกายวาบหวาม หว่านสเน่ห์กับเธออย่างจงใจ คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอเริงรตีที่นี่
“มีธุระอะไรให้ผมรับใช้ครับ”
รอยยิ้มเล็กๆ ที่ริมฝีปากทำให้เขาดูเป็นคนเจ้าเล่ห์ขึ้นมาในทันที
“เอ่อ…..”
คนถูกถามอ้ำอึ้ง เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา… กลับรู้สึกสองจิตสองใจที่จะขอความช่วยเหลือ เริงรตีกระอึกกระอักอยู่เป็นครู่ ทั้งที่ซักซ้อมถ้อยคำเอาไว้แต่แรก… ว่าจะเริ่มยังไง? เมื่อเจอหน้าเขา
“ไม่ต้องเกรงใจครับ… ได้โปรดกรุณาอย่าคิดว่าผมเป็นคนอื่นคนไกล อันที่จริงไร่และฟาร์มของเราก็อยู่ห่างกันเพียงแค่รั้วกั้น ถ้าเจ้าของฟาร์มจะสานสัมพันธ์กันไว้… ก็ไม่น่าจะมีอะไรเสียหายนี่ครับ”
กล่าวแล้วร่างท้วมใหญ่ก็ขยับลุกขึ้นจากเก้าอี้
เขาโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้เธอ ใกล้จนแลเห็นเปลวไฟแห่งความปรารถนาที่มีความเหว่ว้าเป็นเชื้อไฟ ลุกโชนอยู่ในดวงตาของผู้หญิงที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ตรงหน้าเขา
“เอ่อ… รตีไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไรดี”
เสียงหวานกระอึกกระอัก แม้ดวงตาภายใต้แพขนตางอนยาวพยายามซ่อนแววเหว่ว้าจากสายตาของเขา หากแต่พ่อเลี้ยงก็สามารถมองทุลุเข้าไปในความว้าเหว่นั้นได้ไม่ยาก และเพียงวาบหนึ่งของดวงตาที่สบประสานกัน เขาสังเกตเห็นว่าดวงตาของเธอสลดลงอย่างเห็นได้ชัด ด้วยปัญหาชีวิตที่รุมเร้า จำต้องแบกรับเอาไว้จนหนักอึ้งไปทั้งหัวอก
ภายใต้คอเสื้อซึ่งกว้างและคว้านลึกของเริงรตี ทำให้เนินเนื้ออิ่มอูมนุ่มนิ่มในอกอวบ ยวบยาบยั่วสายตาของผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่ตั้งใจ มิหนำซ้ำ… มันยังกระเพื่อมไหวไปมาตามจังหวะหายใจของเธอที่พยายามซ่อนความตื่นเต้นจากสายตาของเขาที่ยังคงกวาดสำรวจเรือนกายของเธอไม่ลดละ
“รตี…”
เขาเอ่ยชื่อเธอขึ้นมาอย่างลืมตัว แรงพิศวาสที่ปรารถนาทำให้พ่อเลี้ยงเดโชเอื้อมมือออกไปคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ได้ทันท่วงที ในจังหวะที่เริงรตีตกอยู่ในอาการละล้าละลัง ทำท่าว่าจะหันหลังกลับออกไปจากห้องเอาดื้อๆ ให้หันมาเผชิญหน้ากับเขาอย่างถือวิสาสะ ทั้งที่มีโต๊ะทำงานกั้นกลาง
“อย่าค่ะ…!”