-เขินอาย-
เวลาผ่านไปฉันยังไม่สามารถสลัดความคิดเกี่ยวกับเขาคนนั้นออกไปได้ และยิ่งไปกว่านั้นคือฉันไม่สามารถอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับน้ำไนล์ให้พอร์ชฟังได้
“สรุปอายจะไม่บอกเราใช่ไหม”
“หืม...อ้อ” ฉันหันไปมองพอร์ชที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับ เราสองคนกินข้าวเรียบร้อยแล้วล่ะ ตอนนี้เราอยู่บนรถที่กำลังจอดอยู่หน้าทางเข้าหมู่บ้านของฉัน เมนูที่พอร์ชเลือกให้อร่อยมาก อาจจะเป็นเพราะว่าเกิดมาไม่เคยได้กินของดี ๆ พอได้กินก็เลยคิดว่ามันอร่อยมาก
“อาย...”
“เหมือนกับตอนที่เจอพอร์ชนั่นแหละ เราบังเอิญเจอกัน เดินชนน่ะ...เลยได้รู้จักกัน แค่นั้นไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นหรอก”
“หึ...” ฉันขมวดคิ้วทันทีที่อยู่ ๆ พอร์ชก็หัวเราะออกมา เขาทำท่าครุ่นคิดก่อนจะพูดออกมาอีกครั้ง “รู้ไหมอาย ที่เรารู้จักกันมาถึงตอนนี้...มันไม่ได้เป็นเพราะเราแค่รู้จักกันหรอก”
“_”
“มันเป็นเพราะเราต่างหากที่พยายามมัน” ฉันสบตากับเขา มีความในใจที่พอร์ชอยากบอกฉัน แต่ฉันว่าฉันไม่อยากให้พอร์ชพูดถึงมัน
“เอ่อ เราขอไปก่อนนะ” ว่าเสร็จฉันก็เลื่อนมือไปปลดล็อกบานประตูรถทันที ทำให้พอร์ชยกมือขึ้นเสยผมด้วยความรู้สึกที่ฉันก็ไม่รู้ว่าเขารู้สึกอะไร อาจจะหงุดหงิด แต่ก็นั่นแหละ แววตาของเขามันมีความผิดหวังอยู่ในนั้น
ฉันลงจากรถของพอร์ชที่หน้าทางเข้าหมู่บ้าน โดยไม่หันหลังไปมองรถของเขาเลยสักนิด ฉันมองว่าพอร์ชเป็นเพื่อนมาตลอด และแน่นอนว่าฉันไม่เคยคิดเกินเลยมากกว่านั้น...
ทว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ฉันต้องมาคิดเรื่องนี้ เรื่องที่ฉันต้องทำคือรีบไปคอนโดของน้ำไนล์ให้เร็วที่สุด หากว่าเขาไม่เจอฉัน มันคงไม่ใช่เรื่องที่ดี คิดได้ดังนั้นฉันก็เลยเดินเลยซอยทางเข้าบ้านไปยังป้ายรถเมล์ ซึ่งเวลานี้...รถติดแน่
และก็เป็นอย่างที่คิด ทันทีที่ขึ้นรถเมล์มา รถก็ติดยาวเลยล่ะ ใจที่ร้อนรุ่มทำให้ฉันอยู่ไม่นิ่ง ฉันกระดิกขาจนคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หันมามอง ฉันไม่รู้ว่าเขาอยู่กับแฟนหรือเปล่า โทรศัพท์ก็ไม่มีแล้ว ทำได้แค่นั่งรออยู่ตรงนี้โดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ใช้เวลานานพอสมควรกว่าฉันจะฝ่าดงรถติดออกมาได้ เวลาเกือบถึงสี่ทุ่มของวันทำให้รถบนท้องถนนค่อย ๆ หมดไป คอนโดมิเนี่ยมหรูตรงหน้าฉันได้คีย์การ์ดหนึ่งอันจากเขา ซึ่งพอเดินขึ้นลิฟต์มาจนถึงห้องพัก ฉันก็เกิดอาการประหม่าขึ้นทันที
ถ้าเขาอยู่ที่นี่เท่ากับว่าเขามาหาฉันและไม่ได้อยู่กับแฟน มันรู้สึกดีนะ แต่ให้ตายสิ...เขาจะใจร้ายกับฉันไหม
“ไม่หรอก ไม่มีอะไรหรอก สู้เขาสิอาย” ฉันว่าเสียงอ่อน แม้จะเป็นคำปลุกใจตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจแตะคีย์การ์ดเข้าไปในห้อง
ติ๊ด!
ทันทีที่เปิดประตูเข้ามา กลิ่นบุหรี่ก็ลอยแตะจมูกทำให้ฉันต้องเบ้หน้า เป็นสัญญาณบอกว่าเจ้าของห้องกลับมาแล้ว ซึ่งพอเลื่อนมือไปเปิดไฟ ร่างหนาก็ปรากฏขึ้นทันที
เขามองมาที่ฉันและกำลังนั่งอยู่บนโซฟาตัวยาว ทางด้านหน้าบนโต๊ะขนาดเล็กมีกระป๋องเบียร์จำนวนมากกระจัดกระจายอยู่บนพื้น และที่สำคัญมีก้นบุหรี่ไม่ได้ถูกทิ้งวางอยู่บนโต๊ะด้วย มันยังมีควันอยู่เลย
“ไม่คิดอธิบายว่าไปทำอะไรมากับผู้ชาย?” ฉันสะดุ้งเล็กน้อยที่อยู่ ๆ น้ำไนล์ก็พูดขึ้น เขามองมาที่ฉันโดยที่มือข้างหนึ่งยังคงถือกระป๋องเบียร์อยู่ เขาจ้องมองฉันตาไม่กะพริบเลยล่ะ
“เอ่อ...พอกินข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันไม่มีอะไรหลังจากนั้น”
“หึ เธอคิดว่าฉันจะเชื่อเธอหรือไง”
“_”
“เงินที่ฉันให้มันยังไม่พอ เธอก็เลยขายตัวให้กับมันด้วย?”
“ไม่ใช่นะ ฉันไม่ได้ทำอะไรเกินข้อตกลงของเรา” ฉันรีบตอบกลับทันที เขากำลังเข้าใจฉันผิด
“หึ...” ซึ่งเขาก็แค่แค่นหัวเราะตอบกลับ แค่นี้ก็รู้แล้วล่ะว่าไม่เชื่อที่ฉันพูด “มาสิ...มาทำงานของเธอ”
“งาน?” ตัวฉันแข็งทื่อเมื่อเขาพูดประโยคนี้ เจ้าของร่างหนายกยิ้มมุมปาก เขาวาดแขนข้างหนึ่งวางที่พนักพิงโซฟาพร้อมกับยกเบียร์ขึ้นกระดก ใจของฉันเต้นตึกตักขึ้นมาเมื่อถึงเวลาที่ฉันจะต้องทำงาน
“ตัวฉันเหม็น ฉัน...อยากอาบน้ำก่อน” ฉันว่าตามตรง ทั้งวันฉันต้องนั่งรถเมล์ เดินตากแดดร้อน ๆ ต่างจากเขาที่อยู่แต่ห้องแอร์ รถปรับอากาศ ซึ่งเขาก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรทำให้ฉันเดินเข้าไปใน้องน้ำทันที
ตึกตัก ตึกตัก...
ตัวเหม็นน่ะแค่ข้ออ้าง แต่มาทำใจน่ะเรื่องจริง ใจฉันเต้นแรงมากเมื่อรู้ว่าถึงเวลาที่ฉันต้องทำหน้าที่ ฉันถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมด ก่อนจะเดินเข้าไปใต้ฝักบัว ทำการอาบน้ำชำระทุกอย่างออกจนหมดสิ้น ใจหนึ่งก็กลัวว่าเขาจะรอนาน อีกใจหนึ่งก็ไม่กล้าออกไป ฉันคว้าผ้าขนหนูสีขาวขึ้นมาพันรอบกาย มองดูตัวเองหน้ากระจก ใบหน้าขาวซีดไร้การแต่งแต้มไม่รู้ว่าจะทำให้เขาพอใจหรือเปล่า ก็แฟนเข้าเล่นสวยมากขนาดนั้น ไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากมีอีหนู แต่ก็นั่นแหละ...ผู้หญิงอย่างฉันคงเป็นของเล่นของคนรวย
แกร็ก!
ฉันสูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนจะเดินออกไปหาร่างหนาที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เขาใช้สายตามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนที่ฉันจะทำใจดีสู้เสือปลดปมผ้าขนหนูออก ถามว่าทำไมฉันกล้าทำ...เพราะฉันรู้หน้าที่ตัวเองยังไงล่ะ หน้าที่ของนางบำเรอ
พรึ่บ!
ผ้าขนหนูสีขาวร่วงหล่นไปกองอยู่บนพื้น ฉันเปลือยตัวต่อหน้าเขา ใบหน้าของฉันคงแดงเป็นลูกตำลึง เพราะตอนนี้ฉันรู้สึกร้อนรุ่มไปหมดทั้งตัว น้ำไนล์ยกเบียร์ขึ้นกระดกอีกครั้ง เขาดื่มมันรวดเดียวจนหมดราวกับกำลังกระหายน้ำ
ฉันก้าวขาที่สั่น ๆ นี้ไปหาเขา น้ำไนล์เห็นของฉันหมดแล้วล่ะ เขาเคยเปลี่ยนชุดให้ฉัน ฉันไม่ได้มั่นใจในหุ่นตัวเองเลยสักนิด แต่เขาเคยพูดนี่ว่าฉันหุ่นดี ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าต่างไปจากทุกครั้งที่ฉันเคยเจอ มันเซ็กซี่...ถ้าจะว่าอย่างนี้มันก็ไม่ผิด
“คือ...ฉัน” ฉันหยุดพูดเพียงเท่านี้เพราะเสียงของฉันมันสั่นเกินไป และคิดว่าคงสั่นไม่หยุด ฉันเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขา
ให้ตายสิ...ช่วยบอกฉันทีว่าฉันควรทำอะไรต่อ
“อึก...ปกติเธอบริการลูกค้าอย่างนี้เหรอ” ฉันชะงักเล็กน้อย แต่ไม่ทันที่จะได้พูดอะไรมากฝ่ามือหนาข้างหนึ่งของเขาก็คว้าเอวฉันก่อนที่เขาจะรั้งให้ฉันนั่งลงที่ตักแกร่ง
ดวงตาคมฉายแววที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน มันเต็มไปด้วยความสิเน่หาและความต้องการอยู่ในนั้น ฝ่ามือของเขาลูบเบา ๆ ที่เอวของฉัน ขณะที่นัยน์ตาสีน้ำตาลนี้กำลังดึงดูดให้ฉันสบตา เหมือนฉันกำลังจ้องตาเสืออยู่อย่างไงอย่างนั้น น้ำไนล์วางกระป๋องเบียร์ลงบนโต๊ะกระจกทางด้านหน้า ก่อนที่เขาจะหยิบกระป๋องใหม่ขึ้นมา เขายกเบียร์ให้ฉันโดยไม่ได้พูดอะไร แม้ว่าฉันไม่เคยดื่ม แต่เมื่อเขายกให้แบบนี้ ฉันก็คงปฏิเสธไม่ได้
เพราะไม่ได้เป็นคนยกเอง จังหวะการดื่มจึงเพี้ยนไปหมด เบียร์รสชาติหวานปนขมนี้ไหลออกจากปากของฉันเป็นทางยาว ไหลลงตามลำคอ ผ่านหว่างอกจนฉันรู้สึกถึงการไหลตามท้องน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะชอบใจที่ให้มันเป็นแบบนี้ แต่สำหรับฉัน...
“แค่ก ๆ ...พะ พอแล้ว” ฉันใช้ฝ่ามือดันกระป๋องเบียร์ให้ห่างจากกาย ก่อนจะก้มมองเบียร์ที่บอกได้เลยว่าเต็มตัวฉันแล้วตอนนี้ ทว่า
“หึ...” เขากลับหัวเราะออกมาเสียอย่างนั้น น้ำไนล์ยกเบียร์ขึ้นกระดกอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะโยนกระป๋องเบียร์เปล่า ๆ นี้ทิ้ง เสียงของมันทำให้ฉันสะดุ้ง แต่ก็ตกใจไม่นานเพราะมีเรื่องที่ทำให้ฉันตกใจกว่าเกิดขึ้น
“อ๊ะ!...” ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อเขาโน้มใบหน้าลงที่ซอกคอของฉัน ปลายลิ้นอุ่นร้อนแตะลงเบา ๆ ในคราแรก ก่อนที่เขาจะไล่เลียพร้อมกับใช้ริมฝีปากขบเม้มผิวของฉัน ไรขนอ่อนทั่วทั้งร่างลุกเกลียวขึ้นทันที ฉันเหมือนกับกำลังจะละลาย ทั่วทั้งตัวของฉันกำลังถูกเขาสัมผัส
“อื้ม...” ไม่ใช่เสียงของฉัน แต่เป็นเสียงจากลำคอหนา น้ำไนล์ใช่ฝ่ามือทั้งสองข้างของเขายกเอวของฉันจนลอยขึ้น ทำให้ฉันต้องเปลี่ยนไปนั่งควบที่หน้าขาของเขาอย่างที่เขาต้องการ มีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นกับฉัน ฉันสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังดุนดันที่บั้นท้าย น้ำไนล์กำลังมีอารมณ์ และดูเหมือนว่าจะมากเป็นพิเศษ
เขาใช้ฝ่ามือลูบที่แผ่นหลังของฉัน ลูบไล้เบา ๆ ในคราแรก ก่อนจะค่อย ๆ ใช้ปลายเล็บขูดเบา ๆ ที่แผ่นหลังของฉัน ความรู้สึกที่ยากจะอธิบายเกิดขึ้นกับฉันในทันที เขาไม่เพียงแต่ใช้ปลายจมูกสูดดมกลิ่นกาย แต่เขากำลังใช้ปลายลิ้นสัมผัสตัวของฉัน มันเหมือนกับเขาสนุก สนุกที่เห็นฉันดิ้นเร้า ๆ บนตักเขา
ฉันวางมือที่ไหล่หนา กำเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาจนยับยู่ยี่ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นฉันไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร แต่ที่แน่ ๆ มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับมีผีเสื้อนับพันตัวบินวนที่ท้องน้อย ร้อนรุ่ม เป็นความรู้สึกที่ตัวฉันเองไม่สามารถอธิบายได้
ราวกับว่าฉัน...อยากให้เขาทำมากกว่านี้
“กัดปากทำไม...หืม” ฉันห่อไหล่ขึ้น เขาไม่พูดเปล่า แต่กลับใช้นิ้วหัวแม่มือคลี่ริมฝีปากฉันออก ก่อนจะค่อย ๆ ลูบริมฝีปากของฉัน ราวกับกำลังเขี่ยเนื้อเยลลี่ น้ำไนล์โน้มหน้าเข้าใกล้ฉันพร้อมกับเลื่อนฝ่ามือไปรั้งท้ายทอยของฉันให้เข้าหา
ฉันจิกปลายเล็บลงที่ไหล่ของเขายามที่ริมปากของเราแตะกัน ริมฝีปากนุ่มนวล มีความหวานเล็กน้อยของเบียร์ ลมหายใจของเราถูกแลกเปลี่ยนกันด้วยระยะที่แนบชิดติดกัน ฉันจูบไม่เป็นได้แต่เผยอริมฝีปากไว้อย่างนั้น ขณะที่น้ำไนล์กำลังเพลิดเพลินไปกับริมฝีปากของฉัน จะว่าอย่างนั้นก็เป็นการเข้าข้างตัวเองเกินไป แต่ก็ใช่ว่าจะไม่จริง เขาเมามันเคล้าคลึงริมฝีปากของฉันจนฉันหายใจไม่ทัน ขณะที่ฝ่ามือหนาจัดการรวบผมของฉันไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว
“อื้ออ...” ฉันหายใจไม่ทัน และดูเหมือนว่าเขาจะรู้ น้ำไนล์ผละจูบออก เราทั้งคู่สบตากันก่อนจะเป็นฉันที่ต้านสายตาที่เต็มไปด้วยมวลบางอย่างนี้ไม่ได้
“จูบไม่เป็นหรือไง” ฉันกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธไป
“ปะ เป็น แค่เพิ่งเคยกับนาย”
“หึ...ลูกค้าคนที่แล้ว...เด็ดแค่ไหน” ฉันเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ฉันจะบอกอย่างไรดี เขาเป็นลูกค้ารายแรกของฉัน
“...ไม่รู้สิ ถ้าได้ลองกับนายคงตอบได้” เขาหัวเราะออกมาทันทีที่ฉันพูดจบ แววตาดุดันของเขากำลังทำให้ฉันหวั่นไหว ทว่า
“หึ...ฉันจะเอาเธอจนเธอลืมลูกค้าคนก่อนเลยคอยดู” คำพูดของเขาทำให้ดวงตาของฉันเบิกกว้างขึ้น ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่คำพูด แต่เขากำลังกระทำตามที่พูด...