บทที่ 5 ผู้หญิงคนนั้น

2117 Words
ใจของฉันเต้นตึกตักยามที่รถคันหรูแล่นผ่าน รถของเขาไม่ได้ติดฟิล์มดำ มันเหมือนกับรถที่มีไว้โชว์การตกแต่งภายใน และยิ่งเป็นอย่างนี้ฉันก็ยิ่งเห็นชัดว่าข้างในเขากำลังทำอะไร รถติดไฟแดงอยู่ตรงนี้...ตรงหน้าฉัน ขณะที่เขากำลังพูดกับผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่เบาะข้าง ๆ เขาเอง ทุกอย่างที่ฉันเห็นทำให้ฉันพูดไม่ออก ท่าทีของเขาดูสนิทสนมกันมาก และผู้หญิงคนนั้นยังเกาะแขนเขาอีก ดูยังไงก็ไม่ใช่เพื่อน ฉันอยากไปถามเขา...แต่จะให้ถามในฐานะอะไรกัน คนที่เขาเลี้ยงไว้อย่างนั้นเหรอ ตลกจังเลยนะ ถ้าฉันจะไปถามในฐานะนั้น ฉันยืนจ้องมองได้พักหนึ่งรถก็แล่นจากไปทันทีที่ไฟจราจรขึ้นสีเขียว น้ำไนล์...ผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเขาเป็นใครกันแน่ “เฮ้ออ...” ฉันไม่มีสิทธิ์เสียใจเสียด้วยซ้ำ ความรู้สึกน้อยใจทำให้ฉันก้มหน้าลงมองปลายเท้าตัวเอง รองเท้าแตะคู่นี้ เขาเป็นคนซื้อให้ เพราะว่าผ้าใบคู่เก่าของฉันมันหายไปในคืนวันนั้น ทว่าขณะที่ฉันกำลังเหม่ออยู่นั้น ฉันเพิ่งเห็นท้ายรถเมล์ที่ตัวเองนั่งรออยู่นานสองนาน ฉันตกรถเสียแล้ว “ให้ตายสิ...อึก” ฉันไม่รู้ว่าจะเสียใจเรื่องอะไรดี รถเมล์ที่เพิ่งวิ่งผ่านไป หรือสถานะของฉันที่แม้แต่ฉันเองยังนิยามมันไปมากกว่าคำว่านางบำเรอไม่ได้...แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ทำอะไรฉันก็ตามแต่ หลายชั่วโมงต่อมา... ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่ามันไม่ได้ไกลจากคอนโดที่ฉันอยู่มาก แต่ที่มาช้าเพราะอาการเหม่อของฉันเอง โรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลศูนย์ที่ทำการรักษาแค่โรคมะเร็ง แม่ฉันเป็นมะเร็งเต้านม ปีที่ผ่านมาแม่เขารับการรักษาแต่อาการของแม่ไม่ดีขึ้นเหมือนกับคนไข้คนอื่น ๆ อาการของแม่นั้นทรุดลงเรื่อย ๆ หมออธิบายว่าเกิดจากการที่แม่ไม่ตอบสนองต่อยารักษา และตอนนี้กำลังมีการศึกษาเรื่องนี้อยู่ ถ้ามีเงินมากพอ ทางโรงพยาบาลจะตรวจได้ว่าแม่ไม่ตอบสนองต่อยาอะไร และแม่ตอบสนองต่อยาชนิดไหน ซึ่งเงินที่ฉันมีอยู่คือเงินที่เจ๊พัดเพิ่งโอนให้เมื่อวันนั้น อันที่จริงฉันแค่จะแวะมาดูแม่แต่ไม่เข้าไปหาหรอก เพราะแม่จะถาม...และฉันโกหกไม่เก่งอีกด้วย ฉันเดินเข้ามาข้างในโรงพยาบาลด้วยใจที่เหม่อลอย พอเข้ามาที่แรกที่ฉันจะไปคือห้องพักของแม่ เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ตอนนี้แม่กำลังนั่งเม้าท์กับเพื่อนข้างเตียงที่ตอนนี้เปลี่ยนใหม่อีกแล้ว คนเก่าที่นอนเตียงข้าง ๆ แม่คงได้กลับบ้านไปแล้ว เหลือแค่แม่ที่ยังอยู่ที่นี่ แม้ว่าบนศีรษะของแม่จะมีหมวกไหมพรมคลุมอยู่ ใบหน้าซีดเซียวของแม่ไม่ได้ทำให้ความสวยของแม่ลดน้อยลงแม้แต่น้อย ฉันเคยบอกหรือยังว่าแม่น่ะ เคยเป็นโสเภณี...เพราะอย่างนี้ล่ะมั้ง คนในหมู่บ้านถึงบอกว่าแม่ไม่มีประโยชน์ อยู่ไปก็มีแต่แย่ ถ้าแม่ได้ยินแม่ก็คงยิ้มรับอย่างจำยอม นิสัยยอมคนแบบนี้...ฉันได้มาจากแม่ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าฉันไม่เคยเจอพ่อ ฉันก็เลยไม่รู้ว่าฉันเองได้นิสัยอื่น ๆ มาจากพ่อหรือเปล่า จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต แม่ก็ไม่คิดจะบอกฉันว่าพ่อฉันเป็นใคร ลุงกิจบอกว่าแม่เป็นเมียน้อยเขา กินดีอยู่ดีได้พักหนึ่ง แต่พอมีฉัน แม่ก็หนีจากเพราะกลัวว่าภรรยาในสมรสของพ่อจะจับได้ แล้วให้แม่ทำแท้งฉัน เพราะอย่างนี้ไงฉันถึงทำทุกวิถีทางที่จะยื้อชีวิตแม่ไว้ แม้จะรู้ว่าทำได้แค่ยื้อก็ตามแต่ ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อแม่ ให้เหมือนกับแม่ที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อฉัน “เดี๋ยวหนูมาใหม่นะคะ...หนูขอเวลาสักพัก” ฉันพึมพำออกมานอกหน้าต่างบานกระจก ก่อนจะเดินหนีออกจากจุดนั้น น้ำตามากมายได้พรั่งพรูออกมาราวกับสันเขื่อนแตก ฉันยังทำใจไม่ได้กับเรื่องนี้ ทำใจไม่ได้เลยสักนิดหากว่าแม่จากไป ทว่าขณะที่ฉันกำลังร้องไห้อยู่อย่างนั้น “อ้าว...หนูอาย” เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น เป็นเสียงคุ้นหูที่ฉันได้ยินทุกครั้งเวลามาหาแม่ ฉันรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกอย่างลวก ๆ ทันที “พี่หมอนา...” รอยยิ้มของพี่สาวคนสวยพลอยทำให้ฉันยิ้มตามไปด้วย หมอนานาเป็นคุณหมอเฉพาะทางโรคมะเร็งของแม่ เธอยิ้มให้กับฉันพร้อมกับเดินเข้ามาหา “เอ๊ะ เนื้อตัวไปโดนอะไรมาน่ะ เกิดเรื่องไม่ดีเหรอ” ฉันชะงักไปในทันทีที่พี่หมอทัก จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิด มันเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น แต่ฉันไม่อยากเล่าอะไรมาก กลัวว่าพี่เขาจะถามต่อว่าใครช่วย จากนั้นคนโกหกไม่เก่งอย่างฉันต้องหลุดปากพูดแน่ ๆ อีกอย่าง...พี่หมอจะต้องเอาไปเล่าให้แม่ฟังแน่ ๆ สุดท้ายความลับเรื่องที่ฉันขายตัว...จะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป “เอ่อ พอดีว่า...” “แผลถลอกแบบนี้ ขับรถมอ’ไซค์ล้มใช่ไหม” “คะ?” “พี่น่ะเป็นบ่อยสมัยเรียน แว้นไปมาล้มลงข้างทางได้แผลถลอกเต็มตัวแบบนี้เลยล่ะ” พี่หมอพูดถึงอดีตอย่างออกรส เธอพลิกแขนฉันไปมา มองดูซ้ายขวาอย่างถี่ถ้วน “ดูจากรอยแผลแล้ว แผลเป็นน้อยนะเนี่ย ดูแลแผลดีมาก” “หึ...ค่ะ” ฉันหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงคนที่ดูแลแผลให้ฉัน น้ำไนล์ทั้งล้างแผล เช็ดแผล ทายาฆ่าเชื้อ ทุกอย่างเขาทำได้ดีมาก ๆ ดีจนฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายเป็นคำพูดออกมายังไง “ว่าแต่...ไม่เข้าไปเยี่ยมแม่เหรอ” “ไม่ดีกว่าค่ะ คือว่าอายกลัวว่าแม่จะรู้เรื่องรถล้มน่ะค่ะ” “อ้อ โอเคเลย เดี๋ยวถ้ารู้แม่หนูคงนอนไม่หลับอีก” ฉันยิ้มรับเบา ๆ เพราะว่าแม่รักฉันมาก แค่เห็นว่าฉันมีแผล แม่คงกระวนกระวายจนนอนไม่หลับอีกเป็นแน่ “แต่หนูมีเรื่องคุยกับพี่หมอนะคะ” “หืม? ...” “เรื่องการรักษาแม่น่ะค่ะ” พี่หมอนานิ่งไปพักหนึ่งก่อนที่เธอจะพยักหน้าขึ้นลง “โอเค งั้นเราเข้าไปคุยกันข้างในนะ” ฉันเดินตามแผ่นหลังของพี่หมอนา เธอพาฉันเข้าไปยังห้องทำงาน ก่อนที่ฉันจะนั่งลงฝั่งตรงกันข้ามกับเธอ รอยยิ้มบนใบหน้าของพี่หมอเต็มไปด้วยความเอ็นดู ฉันสัมผัสได้ถึงความใจดีที่พี่เขามีให้มาตลอด เพียงแค่สบตาความรู้สึกมากมายมันก็สื่อถึงกันได้ “ว่าไงเรา มีปัญหาเรื่องอะไรหรือเปล่า” “คือเรื่องการตรวจของแม่น่ะค่ะ หนูอยากให้แม่เข้าร่วมโครงการ” “หืม...เราจะไหวเหรอ” “คือหนูได้เงินมา...เอ่อ” ฉันนิ่งไปพักหนึ่งเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่มีข้ออ้างในเรื่องนี้ ทว่าเรื่องราวก่อนหน้านี้ทำให้ฉันนึกบางอย่างออก “เอ่อ พอดีหนูได้เงินทำขวัญจากอุบัติเหตุน่ะค่ะ” “เงินทำขวัญ?” “ใช่ค่ะ เงินที่ทางคู่กรณีให้มาเป็นค่าทำขวัญ...แสนหนึ่ง” “อะไรนะ...” “พี่หมอได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ” มันคงเชื่อได้ยาก พี่หมอนานิ่งไปพักหนึ่งก่อนที่เธอจะพยักหน้ารับ “โอเค ถ้างั้นเดี๋ยวพี่แจ้งอาจารย์หมอให้นะ กตัญญูจังเลยเรา หึ...น่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้ ทำไมโชคชะตาไม่คิดเข้าข้างสักที” “_” ฉันเพียงแค่ยิ้มรับบาง ๆ มันยากที่เข้าใจชีวิต แต่ฉันพยายามที่จะเข้าใจมัน หากหนทางข้างหน้าในวันที่ฉันกลัวที่สุดมาถึง วันนั้นคงเป็นวันที่โชคชะตาใจร้ายกับฉันที่สุด “โอเค เดี๋ยวพี่ต้องไปทำงานต่อ เรื่องเงิน เรื่องเอกสารต่าง ๆ ไว้พี่คุยกับอาจารย์แล้วจะแจ้งอีกทีนะ ถ้าแผลเราหายดีแล้ว ก็มาเยี่ยมแม่ด้วยนะ” “แม่บ่นคิดถึงหนูใช่ไหมคะ” “ไม่หรอก แม่หนูเป็นห่วงหนู หนูไม่เคยหายไปหลายวันแบบนี้นี่” “_” ฉันรู้สึกผิดที่ทำให้แม่เป็นห่วง ได้แต่บอกตัวเองว่าเดี๋ยวทุกอย่างคงดีขึ้น “ขอบคุณมากนะคะ ที่ดูแลแม่แทนหนู ไว้สักวัน...หนูจะตอบแทนทุกอย่าง” “ไม่ ไม่เลย รู้ไหมว่าความสุขของคนไม่เท่ากัน ความสุขของพี่คือการได้ดูแลคนไข้ ดังนั้น...พี่มีความสุขโดยที่หนูไม่ต้องทำอะไร” ฉันยิ้มรับคำพูดของพี่หมอนา เธอทำให้ฉันรู้สึกโชคดี ใช่...พี่หมอนาคือความโชคดีหนึ่งเดียวของฉัน “ไว้เจอกันนะ พี่ต้องไปก่อน” ฉันลุกขึ้นยืนพร้อมกับค้อมศีรษะให้กับพี่หมอเป็นการบอกลาให้เธอไปทำงาน พออยู่คนเดียวความคิดมากมายก็หลั่งเข้ามา ฉันเดินออกจากโรงพยาบาลด้วยความรู้สึกหนักอึ้งที่สมอง นานแค่ไหนกันนะที่ฉันจะสามารถอยู่กับแม่ได้ ถ้ามีโอกาส...ความโชคดีอีกอย่างที่ฉันอยากให้พระเจ้าเห็นใจ ฉันอยากให้แม่หายจากโรคมะเร็ง แต่ก็นั่นแหละ...ฉันคงใช้ความโชคดีเหล่านั้นหมดไปแล้ว เวลาพลบค่ำนอกโรงพยาบาลกำลังสลัว ฉันเดินออกมาทางด้านหน้า ก่อนที่ฉันจะพบกับใครบางคนที่ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อมที่จะเจอ “อาย!! ว่าแล้วเธอต้องมา” “พอร์ช...” ฉันพยายามทำตัวไม่ให้มีพิรุธที่สุด ทว่าทุกอย่างก็ไม่สามารถหลุดสายตาแหลมคมของพอร์ชได้ “เธอไปทำอะไรมา ทำไมตัวเธอมีแต่แผล อาย...เธอหายไปไหน ไม่รู้เหรอว่าเราเป็นห่วงเธอแทบแย่ แล้วนี่มันอะไรวะ แผลเต็มไปหมด” ฉันขอเพิ่มความโชคดีของตัวเองอีกข้อได้ไหม ฉันมีเพื่อนที่ที่ดีอย่างพอร์ชด้วย “เราขับรถมอ’ไซค์ลุงกิจล้มน่ะ” “ห้ะ!! ทำไมไม่บอกเรา ทำไมอายไม่...โธ่เว้ย! อาย...” น้ำเสียงอ่อนลงของพอร์ชทำให้ฉันได้แค่ยกยิ้มให้กับเขา ฉันวางฝ่ามือลงที่หลังมือหนาที่ตอนนี้กำลังจับแขนฉันดูรอยแผลอยู่ “ขอบคุณนะพอร์ช แต่ตอนนี้เราดีขึ้นแล้ว...ละก็หิวด้วย” “_” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าสบตาฉันไม่กะพริบ เขาคงอยากจะต่อว่าฉันเรื่องนี้อีก แต่พอฉันพูดอย่างนี้มีหรือพอร์ชจะไม่ใจอ่อน “โอเค...” “หึ แล้วรถพอร์ช...” “นู่น...” ฉันมองตามนิ้วมือของพอร์ชที่กำลังชี้ไม้ชี้มืออยู่ รถยนต์คันหรูของเขาทำให้ฉันยิ้มออกมา “อย่าบอกว่าไม่นั่งนะ” “ก็...ไม่หรอก นั่งสิ” ฉันไม่ชอบนั่งรถของพอร์ชสักเท่าไร แค่มีเพื่อนรวยมากฉันก็อายตัวเองมากแล้ว ยังจะต้องมาพึ่งพาอาศัยเขาอีก “โอเค งั้นไปกัน” พอร์ชยิ้มกว้างออกมา เขาคงดีใจที่ฉันยอมไปกับเขาด้วย เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา ฉันมักจะปฏิเสธทุกอย่างที่เพื่อนคนนี้หยิบยื่นให้ เพราะฉัน...เกรงใจเขาไปเสียหมดทุกอย่าง เวลาต่อมา... @The best restaurant ร้านอาหารหรูหราตรงนี้คงเป็นสถานที่ปกติของกลุ่มคนคนละชั้นกับฉัน แต่ชั้นเดียวกับพอร์ช ร่างหนากำลังเดินไปเลื่อนเก้าอี้ให้กับฉัน “ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย” “ต้องทำสิ อายทั้งคน” เขายิ้มให้กับฉัน รอยยิ้มของพอร์ชเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรู้สึกภายในใจของเขา ฉันรู้...รู้ว่าพอร์ชรู้สึกยังไงกับฉัน “พอร์ช...” ฉันเอ่ยเรียกชื่อเขาเบา ๆ แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่ออยู่ ๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนกับถูกจ้องมอง ทำให้ฉันต้องหยุดพูดไว้เพียงแค่นั้น ก่อนจะหันไปมองตามความรู้สึกที่เกิดขึ้น “น้ำไนล์...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD