“เธอทำให้ฉันเสียเวลา” แม้เขาจะว่าอย่างนั้น หากว่าเขาคิดว่ามันเสียเวลาจริง ๆ เขาจะไปทำไมกันล่ะ เขาไม่ได้คิดแบบนั้นหรอก
“แต่คุณ...ทิ้งฉันไว้ข้างถนนนั่น”
“หึ...” เขาเพียงแค่แค่นหัวเราะโดยไม่ได้แก้อะไรในสิ่งที่ฉันพูด ราวกับไม่อยากพูดอะไรให้มากความแล้ว ก่อนที่เขาจะเดินหายเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง ไม่นานก็ออกมาพร้อมกับจานและช้อนส้อม แสดงว่าห้องนั้นเป็นห้องครัว
“มองอะไร หน้าฉันเหมือนพ่อเธอหรือไง” ฉันอ้าปากค้างในทันที ฉันไม่รู้ว่าทำไมเขาคนนี้ถึงเป็นคนพูดจาแบบนี้ แต่มันดู...ขัดกับการกระทำของเขานะ
“ไม่เหมือนหรอก ฉันไม่เคยเจอพ่อเลยสักครั้ง” ฉันพึมพำออกมาอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่รอบนี้กลับเป็นเขาที่มองฉันอยู่...รู้ไหมว่าสายตาล้างผลาญของคนเป็นยังไง ลองมาสบตากับเขาคนนี้ดูสิ สายตาของเขาทำให้ฉันรู้สึกร้อนวูบวาบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“เอ่อ...” ใจของฉันเต้นแรงขึ้นมา ขณะที่คนตัวโตตรงหน้ากำลังวางจานลงที่โต๊ะ เขาใช้ปลายนิ้วมือเขี่ยจานมาวางตรงหน้าฉัน
“แขนเธอไม่ได้เป็นอะไร”
“ค่ะ ฉันแกะเองได้” แขนของฉันไม่ได้เป็นอะไรมากอย่างที่เขาว่า แต่ที่เป็นหนัก ๆ คือขาฉัน มันแทบขยับไม่ได้แหนะ เจ็บมากแค่กระดิกขานิดเดียว แต่ก็อย่างว่า...ฉันไม่ได้กินอะไรทั้งวัน เรี่ยวแรงก็ไม่ค่อยมี ท่าทางการแกะกล่องข้าวมันก็เลยดูเงอะงะ ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะรำคาญ
พรึ่บ!
“หงุดหงิดฉิบ!” ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเขายื่นมือมากระชากกล่องข้าวออกจากมือฉัน ก่อนที่เขาจะจัดข้าวใส่จานให้กับฉัน ทุกอย่างที่เขาทำกำลังอยู่ในสายตาของฉัน ตั้งแต่เกิดจนโต มีแค่แม่เท่านั้นที่คอยดูแลเอาใจใส่ฉัน พอเขาทำอะไรแบบนี้ให้ ก็เล่นเอาใจสั่นเหมือนกันนะ
“กินสิ มองฉันไม่ได้ทำให้เธออิ่มหรอกนะ”
“หึ ค่ะ...ขอบคุณค่ะ” ฉันลืมเรื่องที่เขาทิ้งฉันไว้ข้างทางจนหมดสิ้น ตอนนี้มีแค่ผู้ชายที่กำลังทำหน้าเบื่อโลกอยู่ตรงนี้ เขานั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามฉัน ฉันไม่รู้ว่าอาหารที่เขาเอามาให้เรียกว่าอะไร มันเป็นปลาตัวยาว เหมือนจะถูกย่างมานะ แล้วก็มีซอสสีดำราดทางด้านบน รสชาติของมัน...อร่อยกว่าหน้าตามันอีก ฉันเคี้ยวข้าวพร้อมกับลอบมองหน้าเขาไปด้วย ตอนแรกฉันคิดว่าเขาเป็นคนใจร้าย ใจดำ แต่ตอนนี้...ฉันว่าเขาคงไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันคิดร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก
“คุณยังไม่นอนใช่ไหมคะ” ฉันเห็นใบหน้าอิดโรยของเขา ทว่าพอฉันพูดออกไปเขากลับตวัดสายตาใส่ฉันเสียอย่างนั้น
“เลิกเรียกฉันว่าคุณ”
“คะ?”
“ห้ามพูดคะ”
“เอ่อ...”
“มันทำให้ฉันดูแก่” เขามีสีหน้าจริงจังยามพูดประโยคนี้ ดวงตาคมจับจ้องที่หน้าฉัน เขาดูจริงจังจนฉันสัมผัสได้ว่าถ้าฉันเรียกเขาว่าคุณอีก เขาอาจจะบีบคอฉันให้ตายจริง ๆ
“เอ่อ แล้วฉันจะเรียกคุณ...ไม่สิเรียกว่าอะไรเหรอ”
“_” เขาไม่ตอบฉัน ทำเอาฉันทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว พอเห็นเขาเงียบฉันก็รีบกินข้าวให้หมด เขาเอาใจยากจังเลยนะ แล้วอย่างนี้งานที่ฉันทำมันจะไม่ยากไปเหรอ
“นาย...ฉันเรียกแบบนี้ได้หรือเปล่า”
“_”
“โอเค แสดงว่าได้” พอไม่เห็นว่าเขาจะพูดอะไรฉันก็เลยติ๋งต่างไปว่าเขาโอเค “นายไปโรงพักแล้ว...ฉันต้องไปหรือเปล่า”
“_”
“โอเค ไม่ต้องไปสินะ” บรรยากาศระหว่างเรามันช่างตลกเสียจริง เขาไม่ตอบฉันเลยสักคำ มีแค่ฉันที่นั่งพูดคนเดียว เขาเป็นคนพูดน้อยแหละมั้งถ้ามองในแง่ดี ถ้ามองในแง่ไม่ดี...เขาก็คงไม่อยากสนทนากับฉัน
“ฉันอิ่มแล้ว” ฉันพูดออกมาลอย ๆ เพื่อทำให้บรรยากาศในห้องไม่เงียบไป ทว่าเขากลับดึงจานข้าวของฉันไป แล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องครัวโดยไม่พูดไม่จาสักคำ
“อะไรของเขานะ” ฉันพึมพำออกมาอย่างช่วยไม่ได้ จะลุกไปดูก็ไม่ได้ อยากรู้อยากเห็นว่าเขาทำอะไร ทำได้เพียงแค่ชะเง้อคอมองดูเท่านั้น
แต่ไม่นานเขาก็กลับเข้ามา หรือเขาจะไปล้างจานให้กับฉัน ซึ่งตอนนี้เขากำลังเดินตรงดิ่งมาหาฉันอีก
“ทะ ทำอะไรน่ะ”
“เธอเดินได้หรือไง ถ้าเดินได้...ฉันคงไม่มาอุ้มเธอ” ตัวฉันเกร็งไปหมดเลยตอนที่เขากำลังจะโน้มตัวช้อนฉันขึ้น แต่ว่าตอนนี้ฉันยังไม่อยากนอน
“นายจะพาฉันไปไหน”
“_”
“ฉันเพิ่งกินข้าวอิ่ม นอนยังไม่ได้” เขาชะงักไป ใบหน้าของเราสองฉันห่างกันไม่ถึงคืบ น้ำไนล์กำลังทำให้ฉันขาดอากาศหายใจ จากการกลั้นลมหายใจที่เราใกล้กัน
“_” เขาไม่ได้อุ้มฉันขึ้นแล้ว ทว่าไม่ทันที่เขาจะได้ว่าอะไรอยู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งเกิดขึ้น
ตื๊ด~ ตื๊ด~
ดูเหมือนว่าจะมีคนมา ซึ่งฉันไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ดูเหมือนว่าคนตัวโตคนนี้จะรู้ เขายกแขนขึ้นดูนาฬิกาบนข้อมือ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูโดยไม่ได้พูดอะไรเช่นเคย
แกร็ก!
“สวัสดีค่ะ เปิดประตูเร็วจังเลยนะคะ” เป็นเจ๊พัดที่เปิดประตูเข้ามา เธอยิ้มแย้มแจ่มใส ขณะที่ผู้ชายตรงหน้าเธอ เขาไม่ได้ยิ้มอะไรแม้แต่น้อย
“นี่ค่ะ ของใช้ที่คุณต้องการ เสื้อผ้าผู้หญิง เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิวทั้งหน้าและตัว...ครบจบในกระเป๋าเดียว” ฉันที่ได้ยินอย่างนั้นก็อดตกใจไม่ได้ แต่ไม่ทันที่จะได้พูดอะไร น้ำไนล์เขาก็ยื่นมือไปดึงเอากระเป๋าเดินทางขนาดกลางมา ก่อนจะกระแทกประตูปิดใส่หน้าเจ๊พัดอย่างไม่สบอารมณ์
ปัง!
ฉันไม่สามารถอธิบายความรู้สึกพิเศษที่มีอยู่ได้ เขาให้คนเตรียมของใช้ให้ฉันอย่างนั้นใช่ไหม พอพูดถึงเสื้อผ้า...ฉันก็ลืมถามเขาเรื่องหนึ่งที่ฉันสงสัย
“นาย...เมื่อคืน นาย...เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉันเหรอ”
“_” พอเขาไม่ตอบมันก็เป็นคำตอบได้แล้วล่ะว่าเขาน่ะ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉันจริง ๆ ทว่า
“หึ...”
“หืม...นายขำเหรอ” ถ้าฉันได้ยินไม่ผิด ฉันได้ยินว่าเขากำลังขำ ก่อนที่เขาจะยกยิ้มมุมปากและหันหน้ามาหาฉัน ทำให้เราสองคนสบตากันอย่างช่วยไม่ได้ แต่แล้ว
“หุ่นดีเหมือนกันนะ”
“อะไรนะ...” คำตอบของเขาทำเอาฉันหายใจไม่ทั่วท้องเลยทีเดียว แถมเมื่อครู่...เขายังยกยิ้มมุมปากอีก น้ำไนล์...เขาเป็นคนยังไงกันแน่ ฉันชักจะไม่มั่นใจในท่าทีของเขาแล้วสิ
“นาย...เปลี่ยนให้ฉันจริง ๆ เหรอ”
“_” เขาไม่ตอบอีกเช่นเคย ฉันรู้แล้วล่ะ รู้ว่าถ้าอันไหนเขาตอบ มันมักจะเป็นคำตอบปฏิเสธ และถ้าเขาไม่ตอบแสดงว่าที่ฉันถามน่ะเป็นเรื่องจริง
“อึก...” พอคิดว่าเขาคคนนี้เห็นของของฉันทุกอย่างแล้ว ความเขินอายก็ก่อตัวเพิ่มมากขึ้นเป็นสิบเท่า ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างช่วยไม่ได้ ทว่า
“เป็นอะไร” เสียงของเขาทำให้ฉันสะดุ้งเล็กน้อย อยู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมา เขาคงเห็นท่าทางของฉันล่ะมั้ง “เจ็บแผล?”
“ปะ เปล่า”
“_” น้ำไนล์ขมวดคิ้วจนหัวคิ้วแทบชนกัน เขาเดินลากกระเป๋าเดินทางมาใกล้ฉัน
“เอ่อ ฉันอยากอาบน้ำ รู้สึกเหนียวตัวน่ะ”
“แผลเธอยังไม่หาย” ฉันไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ฉันเผลอยิ้มออกมา เขาตอบฉันเร็วกว่าครั้งไหน ๆ
“ขอบคุณนะ” แม้ว่าต้นเหตุทั้งหมดจะมาจากเขา แต่เชื่อเถอะ ผู้ชายคนนี้เขากำลังรู้สึกผิดอยู่ภายในใจ ไม่งั้นเขาไม่ปรนนิบัติฉันหรอก เขาทำให้ฉันมองเขาเปลี่ยนไป
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจคำพูดของฉัน คนตัวโตเดินลากกระเป๋าเข้าไปในห้องนอน และก็ไม่ออกมาอีกเลย
“ทำอะไรของเขา” ฉันไม่มีแรงลุกขึ้นเลย พอรู้ว่าขาเจ็บใจมันก็ไม่อยากให้ขาโดนพื้น ฉันได้แต่ชะโงกคอมองหาเขาตลอด นานพอสมควรกว่าเขาจะออกมา และมาในรูปแบบใหม่
น้ำไนล์เปลี่ยนชุดแล้ว เขาคงไปอาบน้ำมา เสื้อยืดสีขาวทำให้ผิวของเขาขาวผ่องมากกว่าเดิม ผมสีน้ำตาลของเขาไม่ได้ถูกเซทให้แสกกลางเหมือนเคย มันปรกลงที่หน้าผากเปลี่ยนให้เขาเป็นผู้ชาย...ที่ต่างไปจากเดิม อย่าบอกใครเชียวว่าฉันกำลังมองเขาตาไม่กะพริบ อย่าไปบอกใครว่าฉันใจสั่นให้เขาอีกแล้ว
“ฉันง่วง ถ้าเธอจะอยู่ตรงนั้น ฉันจะไปนอนละ”
“แล้วถ้านายนอน ใครจะพา เอ่อ...ฉันไปนอนล่ะ” เราสองคนสบตากัน ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร แต่ฉันไม่ไหวเลยจุด ๆ นี้ เขาหล่อเป็นบ้า...ให้ตายสิ
“งั้นเธอก็มานอน”
“หืม นะ นอนที่ไหน” อยู่ ๆ ฉันก็พูดตะกุกตะกักออกมา เขากำลังบอกให้ฉันไปนอนเตียงเดียวกับเขาหรือเปล่า
“หึ นอนบนพื้น เธอนอนบนพื้นฉันนอนเตียง”
“ห้ะ...”
“หรือเธอจะนอนกับฉัน” ฉันกะพริบเปลือกตาปริบ ๆ ให้กับคำพูดของเขา เขาเล่นพูดอย่างนี้จะให้ฉันตอบว่ายังไง ถ้าบอกว่าจะนอนเตียง เขาก็คิดน่ะสิว่าฉัน...อยากนอนกับเขา
“งั้นฉัน...นอนพื้น” ฉันกลั้นใจตอบออกไป ก่อนที่เขาจะกระตุกยิ้มออกมา เจ้าของร่างหนาเดินเข้ามาหาฉันก่อนที่เขาจะช้อนตัวฉันขึ้นแนบอก
“_” ฉันอยากมองสันกรามเขาอยู่อย่างนี้ แต่ก็ต้องหยุดมองเพราะเขาเดินมาวางฉันที่เตียงนอนแล้ว ก่อนที่เขาจะขึ้นมานอนกับฉันอีกฝั่งหนึ่งโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ส่วนฉันตัวแข็งทื่อเลยให้ตายสิ ฉันอยากจะโวยวายออกมา แต่เขาน่ะสิ ขึ้นมานอนแล้วก็พริ้มตาหลับเลย ฉันรู้สึกว่าเขาเหนื่อย เหนื่อยมาทั้งวันแถมยังไม่ได้นอนอีกด้วย เอาเป็นว่าฉันจะไม่กวนเขาก็แล้วกัน
ฉันนอนมองใบหน้าของเขาตาไม่กะพริบ ทั้งชีวิตของฉัน นอกจากพอร์ชฉันก็ไม่เคยเข้าใกล้ผู้ชายคนไหนอีกเลย มีแค่เขาในตอนนี้ที่ฉันได้เข้าใกล้ หึ...ตลกดีนะ เพิ่งเจอเขาแท้ ๆ แต่กลับใจสั่น ฉันบ้าไปแล้วล่ะ...
สองวันต่อมา...
มีคนป่วยที่ไหนไม่อยากหายป่วยบ้าง คนป่วยคนนั้นเป็นฉันหรือเปล่า สองวันที่ผ่านมาแผลตามร่างกายของฉันมันสมานหมดแล้ว ทิ้งไว้เพียงรอบแผลเป็น ย้ำเตือนว่าฉันได้ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดในชีวิตมา และมันทิ้งความทรงจำบางอย่างไว้กับฉัน น้ำไนล์...เขาดูแลฉันดีมาก แม้ว่าปากของเขา ไม่เคยดีเลยก็ตามแต่
และเหมือนว่าวันนี้...เขาจะไม่มาที่นี่แล้วนะ
ฉันก็เลยถือโอกาสนี้จะไปหาแม่ที่โรงพยาบาลศูนย์มะเร็ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ และฉันจะรีบกลับมาเผื่อว่าเขาต้องการอะไรจากฉัน
นานแค่ไหนแล้วที่แม่อยู่ที่โรงพยาบาล อาการของแม่ไม่ดีขึ้นเลยสักนิด อันที่จริงฉันไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินรักษามะเร็งของแม่หรอก เพราะว่าแม่ใช้สิทธิบัตรทองเหมือนกับประชาชนทั่วไป แต่เพราะอาการของแม่ต่างจากผู้ป่วยมะเร็งคนอื่น ๆ คือแม่ของฉันน่ะ ไม่ตอบสนองต่อยารักษา คุณหมอบอกว่ามีวิธีที่ทำให้รู้ว่าแม่ผิดปกติต่างจากคนอื่นตรงไหน แต่ว่ามันต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก การขายตัวของฉันจึงเริ่มต้นขึ้น เพราะเหตุนี้นี่แหละ
ตอนนี้ฉันกำลังรอรถเมล์อยู่ที่หน้าคอนโดมิเนี่ยม รอได้สักพักแล้วล่ะ อีกหน่อยก็คงมา ทว่าระหว่างที่ฉันรอรถเมล์อยู่นั้น ฉันกลับเห็นรถของใครบางคน เป็นรถของคนที่ฉันคุ้นเคย แต่เขากลับมากับใครอีกคน
เป็นผู้หญิงที่ฉัน...ไม่เคยเจอมาก่อน