“ผ่านมาจะเดือนนึงแล้วมึงได้ข่าวเด็กคนนั้นบ้างยัง” ผมถามไอ้ทัตขึ้นทันทีเมื่อมันรับสายโทรศัพท์จากผม
เดี๋ยวนี้มันเป็นอะไรก็ไม่รู้ผมโทรหามันก็ไม่ค่อยจะรับ ถ้าเกิดรับก็ต้องรีบวางสายตลอด
“กูก็บอกอยู่ตลอดว่าตามไม่เจอเท่าที่ดูกล้องวงจรปิดแถวนั้นคือไม่รู้เลยว่าเจ้าของรถคันไหนเป็นคนช่วยเอาไว้” ไอ้ทัตตอบผมกลับมาทันที
แน่นอนว่ามันส่งคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดมาให้ผมดูแล้วคนที่ลงไปช่วยเมษาคือใครก็ไม่รู้เพราะยืนหันหลังให้กับกล้องส่วนป้ายทะเบียนรถก็ไม่เห็นรู้แค่ว่ารถขับมายังโรงพยาบาลแถวสายใต้แต่แล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นรถคันไหนที่ช่วยเมษาไว้เพราะตอนที่กำลังจะออกจากโรงพยาบาลดันมีรถรุ่นเดียวกันขับออกพร้อมกันสองคัน เมื่อตามดูกล้องวงจรปิดแล้วก็ไม่สามารถตามต่อได้เพราะบางพื้นที่ไม่มีกล้องวงจรปิด
“เส้นสายมึงน่าจะมีแค่เด็กผู้หญิงคนเดียวทำไมหายากนัก” ผมถามมันขึ้นทันทีด้วยความรู้สึกหงุดหงิด
ผมไม่รู้ข่าวคราวของเมษาเลยไม่รู้ว่าตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้างจะใช้ชีวิตลำบากหรือเปล่า
“แล้วมึงจะสนใจทำไมก็แค่เด็กผู้หญิงคนเดียว” ไอ้ทัตถามผมกลับมาทันที
“เด็กผู้หญิงคนนั้นมีค่าเป็นเงินกูสิบล้านไง” ผมตอบกลับไปอีกครั้งเพราะผมเอาเงินสิบล้านให้กับนางมาลีเพื่อแลกกับตัวเมษา
“แค่เงินสิบล้านจะอะไรหนักหนา เงินแค่นั้นขนหน้าแข้งมึงไม่ล่วงหรอกไอ้แทน” ไอ้ทัตพูดขึ้นต่ออีกครั้ง
“มึงพูดแบบนี้จะช่วยหรือไม่ช่วยกู” ผมถามขึ้นอีกครั้งเพราะถ้ามันไม่ช่วยผมก็จะไปหาตัวช่วยอื่น
เพราะผมยังไปกรุงเทพตอนนี้ไม่ได้ผลไม้ส่งออกไปจีนผ่านแล้วก็จริง แต่ตอนนี้เป็นข่วงหน้าหนาวจึงต้องตรวจเช็คและควบคุมอุณหภูมิการหมักไวน์ไม่ให้มันผิดพลาด
“กูก็ช่วยหาแต่ถ้ามึงไม่ไว้ใจกูก็หาคนอื่นแล้วกัน” ไอ้ทัตพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจพร้อมกับตัดสายไปในที่สุดซึ่งก็เป็นปกติของมัน ผมเลยไม่คิดอะไรมากแต่สิ่งที่ผมคิดอยู่อย่างเดียวคือเมษาไปอยู่ที่ไหนและอยู่กับใคร
“ทำไมนายไม่ไปกรุงเทพละครับ” ไอ้มหันต์ถามผมขึ้นทันที
“กูไปแล้วใครจะดูไร่ อุณหภูมิก็ขึ้นบ้างลงบ้างมีผลต่อการหมักไวน์” ผมตอบกลับไปทันที
“อันนี้ผมรู้แต่นายจะกังวลอะไร” ไอ้มหันต์ถามขึ้นอีกครั้ง
“แค่กังวลเรื่องอุณหภูมิเฉยๆ กลางคืนอากาศเย็นมากต้องคอยลดอุณหภูมิโรงหมักอยู่ตลอด ถ้ากูไปใครจะดูตรงนี้” ผมพูดขึ้นต่อทันทีเพราะต่อให้มีคนงานคอยดูอุณหภูมิอยู่ทุกคืนแต่เมื่ออุณหภูมิลดผมก็จะโทรสายตรงสั่งคนงานปรับอุณหภูมิถังหมักไวน์ทันที
“เรื่องนั้นคนงานรู้ครับนายไม่จำเป็นต้องบอกเขาก็ทำกันได้” ไอ้มหันต์ตอบกลับมาทันที
“กูทำแบบนี้ตลอดมันเลยเคยชินไง” ผมพูดขึ้นอีกครั้งเพราะทุกหน้าหนาวผมจะพะวงกับเรื่องไวน์มากกลัวอุณหภูมิไม่คงที่ ต่อให้รู้ทั้งรู้ว่าคนงานก็สามารถทำกันได้ก็เถอะแต่ผมก็ไม่วางใจ
“ปล่อยวางแล้วไปตามหาเด็กคนนั้นเถอะครับเรื่องโรงหมักไวน์ผมดูให้ก็ได้” ไอ้มหันต์พูดขึ้นอีกครั้ง
“กูไว้ใจมึงได้หรือไง” ผมถามขึ้นทันทีเพราะผมเองก็ไม่ค่อยมั่นใจในตัวมันเท่าไหร่
“ผมทำงานกับนายมาตั้งกี่ปีรู้ดีว่าต้องทำอะไรบ้าง ถ้าหัวใจมันร้องเรียกหาเขาขนาดนั้นก็ไปตามหาที่นู้นเถอะครับรอฟังข่าวอยู่แบบนี้ก็ไม่หายร้อนใจ” ไอ้มหันต์พูดขึ้นอีกครั้งผมไม่รู้ว่ามันไปสรรหาคำพูดพวกนี้มาจากไหนบ้าง ลิเกฉิบหาย
“หัวใจกูไม่ร้องเรียกหาและไม่ได้ร้อนใจด้วย” ผมแก้ต่างให้ตัวเองทันทีเพราะที่ไอ้มหันต์มันพูดมาโกหกทั้งเพ
“แน่ใจหรอครับตั้งแต่นายไม่รู้ข่าวคราวของเด็กคนนั้นนายก็มีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดรวมๆเป็นมาจะเดือนนึงแล้วนะครับ”
“มึงอย่าพูดมั่วกูเครียดเรื่องงาน” ผมตอบกลับไปอีกครั้งแค่งานทุกวันนี้ก็น่าปวดหัวจะตายอยู่แล้วจะให้ผมไปเครียดเรื่องของเมษาอีกมีหวังสมองแตกตายพอดี
“เรื่องงานก็เรื่องงาน” ไอ้มหันต์ตอบกลับมาราวกับไม่เชื่อ
“แล้วกูจะไปตามหาได้ยังไงมันยังไม่ครบเดือนตามที่กูคุยกับเมษาไว้เลย” ผมถามขึ้นต่ออีกครั้ง
“ก็ตามหาเฉยๆไงนาย ครบเดือนเมื่อไหร่ก็ค่อยเอาตัวกลับมาถ้าเด็กคนนั้นหาเงินไม่ครบอะนะ”
“งั้นก็ฝากที่นี่ด้วยแล้วกัน” ผมพูดขึ้นทันทีก่อนจะลุกเดินออกจากห้องทำงาน
“นายจะไปไหนครับ” ไอ้มหันต์ถามผมขึ้นอีกครั้ง
“เก็บของ” เพราะผมฝากงานไว้กับมันแล้ว ผมก็ไม่รู้จะอยู่ที่นี่อีกทำไมสู้ลงไปกรุงเทพคืนนี้เลยท่าจะดี
“ทำไมนายรีบ” ไอ้มหันต์ถามขึ้นอีกครั้ง
“กูไม่ได้รีบ” ผมตอบกลับไปทันที ผมไม่ได้รีบแต่แค่ไม่อยากปล่อยเวลาให้เสียไปเฉยๆ
ผมใช้เวลากว่าสิบชั่วโมงในการขับรถมากรุงเทพ เมื่อมาถึงผมก็ตรงไปที่คอนโดของผมที่ซื้อเอาไว้ที่นี่ทันทีเพราะตอนนี้ผมต้องการนอนมากๆเพนาะผมขับรถมาทั้งคืนยังไม่ได้นอนสักงีบ
หลังจากผ่านการพักผ่อนแล้วผมก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนสองทุ่มกว่าๆ แน่นอนว่าตอนนี้เป็นเวลาพอเหมาะพอดีที่จะเข้าไปหาไอ้ทัตที่คลับ ผมจึงไม่รีรอที่จะรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปคุยกับมันเรื่องหนูบัวอีกครั้ง
เมื่อมาถึงผมก็ตรงไปยังห้องทำงานของมันทันทีพนักงานที่ก็ต่างคุ้นหน้าคุ้นตาและรู้จักผมเพราะผมเป็นเพื่อนสนิทของไอ้ทัตมันเลยไม่แปลกที่เขาจะปล่อยผมเดินเข้ามาหามันที่ห้องทำงาน
“ไง” ผมทักมันขึ้นเมื่อเปิดประตูห้องทำงานเข้ามา
ไอ้ทัตที่เห็นผมก็มีท่าทีตกใจไม่น้อยมันลุกลี้ลุกลนราวกับมีอะไรปิดบัง
“เห็นกูต้องตกใจขนาดนั้น” ผมมองมันอย่างจับผิดพร้อมกับถามขึ้นทันที
“กะ..ก็มึงมาไม่บอกแบบนี้กูก็ตกใจดิวะ” ไอ้ทัตตอบผมมาอีกครั้งส่วนผมก็ตรงมานั่งตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของมัน
“กูรีบมาเพราะจะครบหนึ่งเดือนแล้วแต่กูยังหาเด็กคนนั้นไม่เจอ” ผมพูดขึ้นทันทีเพราะผมเองก็อยากหาเมษาให้เจอและพาเธอกลับไร่ มันใกล้ครบหนึ่งเดือนเข้ามาทุกทีผมปล่อยเธอให้เล่นสนุกมากพอแล้ว
“แล้วมึงจะเอายังไงคลิปจากกล้องกูก็ส่งให้แล้ว กูก็จนปัญญาไม่รู้เลยว่าเป็นรถคันไหน” ไอ้ทัตตอบกลับมาทันที
“กูรู้ กูถึงมาเองนี่ไง” ผมตอบกลับไปทันทีเพราะถ้าผมอยู่ที่นี่ก็อาจจะพอช่วยอะไรไอ้ทัตได้บ้างหรืออาจจะหาทางเองได้บ้าง
“เด็กนั้นสำคัญกับมึงยังไงทำไมต้องตามหาขนาดนี้”ไอ้ทัตถามผมขึ้นอีกครั้ง
“เมื่อวานมึงประมวลผลไม่แตกหรอตอนกูพูด กูบอกว่าเด็กนั้นคือเงินสิบล้านที่กูเสียไป” ผมพูดขึ้นทันทีเพราะผมเองก็ไม่ยอมเสียประโยชน์โดยการปล่อยเธอไปฟรีๆหรอกนะ
“แล้วจะตามหายังไงกูก็จนปัญญา” ไอ้ทัตพูดขึ้นต่อทันที
“กูว่าจะหาแฮ็กเกอร์ดีๆสักคนแฮ็กกล้องวงจรปิดทั่วกรุงเทพ” ผมพูดขึ้นทันที
“กูก็แฮ็กมาให้มึงแล้วนี่ไง”
ก็รู้ว่ามันหามาให้แล้วแต่ผมอยากได้มากกว่านี้อยากเห็นภาพรวมเยอะกว่านี้จะได้เดาว่าเขาเส้นทางได้บ้าง เพราะคลิปที่ไอ้ทัตส่งมามีแค่คลิปตอนเมษาเป็นลม คลิปไปโรงพยาบาลและออกจากโรงพยาบาลเท่านั้น
“กูอยากได้มากกว่านี้มึงพอมีแนะนำไหม” ผมถามขึ้นทันที
“กูรู้ว่ามึงก็อาจจะงานยุ่งเลยช่วยกูหาเด็กนั่นได้ไม่เต็มที่กูก็เลยจะหาเองนี่แหละอย่างน้อยมีเงินอะไรก็ง่ายขึ้น” ผมพูดขึ้นอีกครั้ง
เพราะถ้าหากจนปัญญาเรื่องกล้องวงจรปิดแล้วผมก็กะจะจ้างพวกนักสืบตามหาเมษาในทุกระแวงของพื้นที่กรุงเทพไปเลย
เสียเงินกี่บาทผมก็ยอมขอแค่เจอเธอก็พอ
“ไม่รู้ว่ามึงติดใจอะไรเด็กคนนั้นหนักหนาเท่าที่ดูรูปก็ไม่ได้สวยนะ” ไอ้ทัตพูดขึ้นต่อทันที
“เด็กนั่นสวย” ผมตอบกลับทันทีไม่รู้มันเอาตาที่ไหนมองถึงว่าเมษาไม่สวย
เพราะเท่าที่ผมมองเมษาจัดว่าเป็นเด็กที่สวยมากเครื่องหน้าดูดีไปหมดเรียกได้ว่าเป็นเด็กที่สวยตามธรรมชาติแบบไม่ปรุงแต่งเลยจริงๆ
“เพราะมึงสนใจเธอหรือเปล่า” ไอ้ทัตถามผมขึ้นทันที
“สนใจเอามาเป็นเด็กขัดดอกไง” ผมรีบตอบกลับไปเพื่อไม่ให้มันเข้าใจผิด
ผมยอมรับว่าผมสนใจเธอแต่สนใจในที่นี้คือเอามาขัดดอกให้ครลสิบล้านที่ผมยกให้นางมาลีไป
บอกแล้วไงว่าเธอสวยจนผมสนใจ สนใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นรูปภาพของเธอในโทรศัพท์ไอ้มหันต์
“เด็กขัดดอกหรือนายหญิง” ไอ้ทัตถามผมขึ้นทันที
“เด็กขัดดอกก็คือเด็กขัดดอก” ผมตอบกลับอีกครั้งเพราะสำหรับผมเมษาก็แค่เด็กที่ผมจะเอาปรนเปรอความสุขบนเตียงเท่านั้นและมันจะไม่มีอะไรมากไปกว่านี้
“ปากไม่ตรงกับใจ” ไอ้ทัตพูดขึ้นต่อทันที
“อย่าพูดเหมือนไอ้มหันต์กูไม่ชอบ” ผมตอบกลับไปอีกครั้งเพราะไอ้มหันต์มันก็เคยพูดคำนี้กับผม
ผมไม่ได้ปากไม่ตรงกับใจแต่ที่สิ่งที่ผมพูดมันคือเรื่องจริง ผมเป็นผู้ชายความต้องการมันมีอยู่แล้วและตอนนี้ผมก็เจอแล้วคนที่จะต้องมาปรนเปรอให้กับผมและเชื่อเถอะว่าถ้ามันไม่เหมาะผมก็คงไม่เสียเงินเป็นสิบล้านเพื่อแลกตัวเธอ
“พูดเรื่องจริงแล้วทำเป็นรับไม่ได้”
“เลิกคุยเรื่องนี้ สรุปพอมีแฮ็กเกอร์แนะนำกูไหม” ผมถามขึ้นอีกครั้งเพราะทั้งมันและผมเราต่างหลุดประเด็นเรื่องของเมษามามากพอแล้ว
“ไม่มีปกติแฮ็กเอง” ไอ้ทัตตอบขึ้นอีกครั้ง
“ไม่มีหรือไม่บอก” เพราะไอ้ทัตมันก็รู้จักคนเยอะ เส้นสายก็มีอยู่มากเป็นไปไม่ได้หรอกที่คำตอบของมันจะตอบว่าไม่มี
“อะไรของมึงไม่มีก็คือไม่มีไง” มันรีบปฏิเสธผมทันควันส่วนผมก็มองมันอย่างจับผิด ดูมีพิรุจเหมือนปิดบังอะไรไว้จริงๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณทัตคะ พี่ใจ๋ให้เมษาเอาเอกสารมาให้ค่ะ”
❤️
เมษาลูกกก