หลังจากได้รับการรักษาด้วยวิธีลัดของลูอิสฟ้าก็หายจากอาการไข้ได้อย่างรวดเร็ว น่าเป็นห่วงก็แต่คนรักษานี่สิดูดพิษไข้ไปเสียจริงๆ ด้วยพอฟ้าหายจากไข้แล้วลูอิสก็รับช่วงต่อเลย
“หม่ำๆๆ”
“หิวหรอครับ” ฟ้านั่งเล่นกับเด็กๆ อยู่ที่ห้องนั่งเล่น เด็กๆ กำลังเริ่มพูดกันเก่งขึ้นแล้ว
“ม๊ะ”
“คะ อะอ้ำๆ” นึกแล้วก็สงสารลูอิสเหมือนกันได้มาอยู่ใกล้ลูกขนาดนี้แล้วเพิ่งมีโอกาสได้อุ้มลูกครั้งเดียวเอง ลูกก็กำลังน่ารักด้วย ทางแม่แดงก็เร่งตีสนิทกับบ้านพิทักษ์หวังให้ฟ้าได้ไปเป็นสะใภ้บ้านนั้น ยิ่งได้ไปเห็นฐานนะของเขาแล้วว่ามั่นคงดียิ่งอยากได้เข้าไปใหญ่ นี่ไม่รู้อะไรซะแล้ว สมบัติของพิทักษ์ทั้งหมดยังไม่ถึงครึ่งของลูอิสสักนิด ถ้ารู้ว่าเขารวยมากแค่ไหน คงรีบบังคับให้ลูกสาวคืนดีดด้วยทันทีแน่
“มานั่งเล่นกับลูกแบบนี้หายดีแล้วรึไง” แม่แดงยกจานผลไม้มาวางบนโต๊ะก่อนจะเอ่ยทักททายลูกสาว
“หายดีแล้วแม่”
“ไม่ใช่เอาไข้มาแพร่ให้หลานข้านะโว้ย” ถึงจะไม่ค่อยชอบที่ลูกสาวท้องก่อนแต่ง แถวลูกเขยก็เป็นฝรั่งขี้นก แต่แม่แดงก็รักและเอ็นดูหลานๆ เป็นอย่างมาก ก็อย่างที่รู้กันว่าน้องเมฆกับน้องฝน ทั้งน่ารัก แถมยังฉลาด ใครเห็นก็หลงรักกันทั้งนั้น
“เออ ช่วงนี้แม่เห็นอีจูกับอีขิ่นมันชอบเป็นเดินวนๆ แถวบ้านพักคนงาน เตือนๆ มันบ้างล่ะ ที่นั่นมีแต่ผู้ชายเดี๋ยวได้มีผัวกันหมดพอดี”
“จ่ะแม่ แล้วนี่ไปไหนกันหมด ไม่เห็นเลยเนี่ย” ฟ้าว่าพร้อมกับมองหาสองสาวพี่เลี้ยง
“โอ้ย ไปตั้งแต่เช้าแล้ว”
“ไปไหน”
“ก็นั่นแหละ บ้านคนงาน” พอป้อนข้าวเด็กๆ เรียบร้อยแล้วฟ้าเลยต้องไปตามพี่เลี้ยงเด็กที่บ้านคนงาน เลยถือโอกาสเอี้ยงไปดูโจรขโมยจูบเมื่อวันก่อนนี้ด้วย เมื่อมาถึงก็พบว่าบ้านเงียบมาก น่าจะไปทำงานในไรกันหมดแล้ว แล้วแบบนี้จะเจอมะขิ่นกับอาจูหรอ ฟ้าลังเลที่จะเดินเข้าไปในตัวบ้าน แต่อีกใจก็คิดว่าไหนๆ ก็มาถึงแล้ว ร่างบางค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปภายในบ้าน
“ผลัดกันก็ได้ แกก่อนแล้วค่อยให้ฉัน” เสียงอาจูพูดกับมะขิ่นดังอยู่ไม่ไกล แต่ค่อนข้างเบาจนแทบฟังไม่ออก
“พี่ดินเขาจะไม่ว่าหรอ”
“แกออกไปรอข้างนอก ดูต้นทางด้วย” มะขิ่นออกคำสั่ง เมื่อร่างอวบของอาจูเดินออกมาถึงหน้าประตูก็ต้องชะงัก ฟ้ายืนกอดอกมองดูสองคนกำลังพยายามปลดเปลื้องผ้าของชายหนุ่มที่นอนซมอยู่บนเตียง
“ขะ ขิ่น” อาจูร้องเรียกเพื่อน
“อะไร บอกให้รอข้างนอกไง” ฟ้าผายมือเชิญให้อาจูออกไปข้างนอกตามที่มะขิ่นสั่ง สาวน้อยร่างอวบวัย 15 ก้มหัวเดินผ่านร่างสูงบางหุ่นนางแบบของฟ้าออกไปรอข้างนอก ทิ้งให้เพื่อนรอรับชะตากรรมแต่เพียงผู้เดียว
“พี่ดินจ๋า” มะขิ่นพยายามถอดเสื้อของลูอิส มองดูแล้วน่าจะไม่สบายเพราะโดนกระทำชำเราขนาดนี้ยังไม่แหกตาตื่นขึ้นมาอีก เดี๋ยวก็ได้โดนข่มขืนเหมือนตอนบนเรือนั่นอีกหรอก
“มะขิ่น” ฟ้าไม่อยากให้เรื่องมันเลยเถิดไปมากกว่านี้แล้ว เลยเรียกคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงให้รู้ตัว เมื่อได้ยินเสียงที่แสนจะคุ้นหู มะขิ่นก็ถึงกับสะดุ้งตัวโยน
“พะ พี่ฟ้า”
“ทำอะไรน่ะ”
“คะ คือ หนู หนู...” มะขิ่นพูดจาติดขัดหูตามองไปรอบทิศ ทั้งหาอาจูเพื่อนทีมาด้วยกัน ทั้งหาทางหนีทีไล่
“หนู
“พี่ถามว่าทำอะไร ไม่เห็นต้องคิดเลย”
“หนู….” ไอ้ปากเฮ็งซวย ยิ่งอยากพูดยิ่งพูดไม่ออก
“ตอบสิ” ฟ้าเร่งด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“หนูมา…เอ่อ….หนู พี่ดินเค้า”
“ทำแบบนี้มันไม่ดีหรอกนะ เป็นผ็หญิงอยู่ในห้องกับผู้ชายสองต่อสองแบบนี้มันไม่เหมาะ” ถึงฟ้าจะเคยทำมาก่อน แต่ก็เพราะเคยทำมาก่อนนี่แหละ ถึงไม่อยากให้เรื่องแบบนี้ไปเกิดขึ้นกับใคร
“หนูแค่จะมาเช็ดตัวให้พี่ดิน”
“แล้วไล่อาจูออกไปทำไม”
“กลัวพี่ฟ้าว่า”
“พี่จะว่าเรื่องอะไร”
“อื้อ….” เสียงคนคุยกันทำให้คนบนเตียงเริ่มขยับตัว และค่อยๆ ตื่นขึ้น
“ฟ้า” เมื่อมองเห็นร่างสูงระหงที่ยืนอยู่ข้างเตียง ร่างกำยำก็ผุดตัวลุกขึ้นนั่งทันที
“ทำไมไม่ไปทำงาน” ฟ้าหันไปถามเขา
“พิษไข้ที่ดูดมาจากคุณเล่นงานผมน่ะสิ” ฟ้าหน้าร้อนผ่าวเมื่อเขาพูดแบบนั้น
“ไม่สบายแล้วกินข้าวกินยาหรือยัง มัวนอนซมอยู่แบบนี้ จะไปหายได้ยังไง” ฟ้าทำดึงหน้าเข้มแล้วบ่นใส่เขา เพราะไม่อยากให้เขารู้ว่ากำลังเขินเรื่องวันนั้นอยู่
“ผมปวดหัวมากเลย” ลูอิสพูดพร้อมกับยกมือขึ้นกุมที่ศีรษะ
“อยากช่วยใช่มั้ยมะขิ่น ไปหาข้าวหายามาให้พี่เค้าสิ” เมื่อได้รับคำสั่งมะขิ่นก็รีบวิ่งไปทำอย่างดีอกดีใจ
“เดี๋ยวสิฟ้า” พอร่างบางหมุนตัวเดินออกจากประตู ลูอิสก็รีบร้องเรียกไว้
“อะไร”
“อยู่เป็นเพื่อนผมก่อนสิ” เขาพูดพร้อมกับทำตาออดอ้อน
“นี่ อย่ามาคิดอะไรแบบนั้นเชียวนะ”
“อย่าร้อนตัวสิ ผมยังไม่ได้คิดอะไรเลย”
“ฉันเตือนไว้ก่อน” ลูอิสหัวเราะชอบใจท่าทางของฟ้าในตอนนี้มาก ฟ้าเดินไปยกเก้าอี้จากอีกห้องหนึ่งมานั่งที่ข้างเตียงห่างออกมาสักก้าวสองก้าวได้
“นั่งบนนี้ก็ได้นะ ผมไม่ถือหรอก”
“อย่ามาทะลึ่งนะ”
“วันนั้นไม่เห็นพูดแบบนี้”
“ถ้ายังไม่หยุดฉันกลับแล้วนะ” ถ้าดุเสียงสั่น หน้าก็แดงเถือกไปหมดด้วยความอาย ลูอิสเลยได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไรต่อ
“ไม่สบายมากี่วันแล้ว” ฟ้าถามต่อ
“ตั้งแต่…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว”
“อะไรของคุณเนี่ย ถามเองนะ”
“ฉันรู้แล้วไง” พูดกันได้ไม่เท่าไหร่ อาจูกับมะขิ่นก็มาพอดี เอาน้ำเอาข้าวมาเสิร์ฟถึงที่แต่ฟ้าบอกให้ไปอาบน้ำอาบท่าแล้วออกมากินในครัวดีกว่า ลูอิสก็ทำตามอย่างว่าง่าย
“เดี๋ยวฉันป้อนพี่ดินเอง” อาจูกับมะขิ่นเริ่มเถียงกันอีกครั้ง
“ให้เค้าเลือกเองดีกว่ามั้ย” มะขิ่นเถียงด้วยความมั่นใจ
“ไม่เห็นจะต้องป้อนเลย นายดินไม่ได้ป่วยอะไรมากสักหน่อย เห็นมั้ยยังลุกไปอาบน้ำไหวเลยเนี่ย” ฟ้าขัดขึ้น พออาบน้ำเสร็จแล้ว ลูอิสก็ออกมากินข้าวกินยา มะขิ่นกับอาจูก็แย่งกันเอาจานไปล้างตามประสาเด็กๆ
“แล้วก็พักผ่อนไปซะ” ฟ้าหันไปสั่ง
“แบบนี้ผมจะได้ค่าแรงวันละ 50 บาทรึป่าว” เขาแกล้งแซวเจ้านายคนสวย
“ขอคิดดูก่อนก็แล้วกัน”
“เดี๋ยวสิ” พอฟ้าทำท่าว่าจะไปแล้ว มือหนาจึงรีบคว้าแขนไว้เหมือนคราวที่ฟ้าทำเมื่อตอนป่วย
“อะไร”
“ไม่ดูดพิษให้ผมบ้างหรอ”
“ทลึ่ง!!” ฟ้าสะบัดแขนแล้วรีบหันหน้าหนี เพื่อแอบยิ้ม คนบ้าดูดกันไปกันมาไม่ต้องหายพอดี
เย็นวันนั้นแม่บ่นว่าอยากกินแกงกะหรี่ไก่ ฟ้าเลยโทรไปถามวิธีจากทานตะวันแล้วเอามาทำให้แม่กิน แต่อยากหาเรื่องไปดูอาการไข้ของลูอิสด้วยก็เลยแบ่งไปฝากให้ถ้วยหนึ่ง แต่เมื่อไปถึงก็เกิดความรู้สึกว่าอยากจะเททิ้งไปให้หมดแล้วทุบถ้วยด้วยเลย ภาพครูแก้วนั่งป้อนข้าวมันบาดตาเหลือเกิน เจอกันเพียงครั้งเดียวแต่ใบหน้าหวานๆ ของเธอก็ตราตรึงอยู่ในสมองของฟ้าได้เป็นอย่างดี
“อ้าวพี่ฟ้า เอาอะไรมาครับน่ะหอมเชียว” เก๋หันมาเจอเข้าพอดีก็ร้องถามขึ้น
“แกงกะหรี่!!!” ฟ้าพูดกระแทกเสียงพร้อมกับจ้องฟ้าของลูอิสตาเขียวปั้ด
“หอมจังเลยครับ” ป๋อวิ่งเข้ามาดูใกล้ๆ
“เอามาให้ใครหรอ” เก๋กับป๋อสลับกันถามอย่างไม่ได้สังเกตสภาวะอารมณ์ของคนถือถ้วยแกงในตอนนี้เลย ว่าพร้อมจะคว่ำถ้วยอยู่ตลอดเวลา แต่ลูอิสนี่สิข้าวในปากแทบจะกลืนไม่ลงแล้ว
“ตั้งใจจะเอามาให้หมามันกิน แต่เปลี่ยนใจแล้วล่ะ”
“แหมพี่ฟ้านี่ก็มุกเยอะ รีสอร์ทเราเลี้ยงหมาที่ไหน” ป๋อเริ่มสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างเข้าแล้ว
“พี่ล้อเล่นน่ะ” ฟ้าหันไปยิ้มเย็นๆ ให้กับป๋อก่อนจะหันกลับมาจ้องที่จานข้าวลูอิส
“หอมจัง ขอลองกินได้มั้ย” ลูอิสพูดพร้อมกับยิ้มแหยๆ สู้กับรังสีที่แผ่กระจายมาจากฟ้าในตอนนี้
“แหมแกงจืดในจานก็น่าจะอร่อยดีอยู่แล้วนี่”
“แกงจืดของแก้ว คงสู้แกงกะหรี่ของคุณไม่ได้หรอกค่ะ” คำพูดธรรมดาจากปากครูแก้ว ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงด้วยกันคงไม่คิดอะไร แต่เพราะฟ้าเป็นผู้หญิงจึงรู้และเข้าใจความหมายที่แฝงมาเป็นอย่างดี
“แหม ต้มจืดครูแก้วเนี่ยเหมือนจะผิดสูตรนะคะ กลิ่นผงกะหรี่หึ่งเชียว” ลูอิสได้แต่นั่งจ้องแบบงงๆ เพราะทั้งคู่รัวภาษาไทยใส่กันจนเขาแปลไม่ออก แต่ดูจากสายตาของทั้งคู่พอจะเดาได้ว่าตรงนี้กำลังเกิดสงครามกันอย่างเงียบๆ
“แกงของฟ้านี่ใส่อะไรบ้างหรอ” ลูอิสหันไปถามฟ้าเพื่อเปลี่ยนเรื่อง
“แกงกะหรี่สตรอเบอรี่ ยังมียำมะม่วงแรดอีกนะ ยำเงียบๆ ไม่ได้บอกใคร” ครูแก้วกำมือแน่นเพื่อข่มอารมณ์โมโห เจอกันครั้งแรกก็รู้แล้วว่า เราไม่สามารถคุยกันดีดีได้อย่างแน่นอน ยิ่งมายุ่งกับลูกศิษย์คนโปรดของเธอแล้วด้วยนั้น ยิ่งชัดเจนว่าจะประกาศตัวเป็นศัตรูกันแน่นอน…