สายวันนี้ฟ้าเรียกลูอิสเข้ามาคุยเรื่องที่จะให้มาช่วยเลี้ยงลูก เพราะมาคิดๆ ดูมันก็ดีเหมือนกัน
“เรียกผมมามีอะไรครับนายหญิง” ลูอิสแกล้งแซวคนที่นั่วรออยู่บนเก้าอี้
“อาจูกับมะขิ่นหนีไปแล้ว ฉันไม่มีพี่เลี้ยงเด็กคอยช่วยดูแลตาเมฆกับยายฝน”
“เด็ก 2 คนเมื่อคืนนั่นน่ะหรอ คุณไล่เขาออกหรอ”
“ป่าว เขาหนีไปเมื่อเช้าไม่ทันได้คุยอะไรกันเลย ติดต่อก็ไม่ได้แล้ว”
“แล้วคุณจะทำยัไงต่อ” ลูอิสถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ฉันคงต้องให้คุณมาช่วยกันเลี้ยง”
“จริงหรอ ฟ้าคุณไม่ได้พูดเล่นใช่มั้ย” ลูอิสพุ่งตัวเข้าไปหาร่างบางตรงหน้า พร้อมทั้งดึงมือของฟ้าขึ้นมากุมไว้
“จนกว่าฉันจะหาพี่เลี้ยงได้”
“ไม่ต้องหาหรอก ผมเลี้ยงได้”
“เลี้ยงเด็กไม่ได้ง่ายนะลูอิส คุณยังต้องเรียนรู้อะไรอีกมาก โดยเฉพาะเลี้ยงเด็กแฝด” ฟ้ารู้ดีก็เพราะเคยเลี้ยงลูกคนเดียวมาแล้ว มันไม่ง่ายเลย สุดท้ายต้องหาพี่เลี้ยงถึง 2 คนมาช่วย
ภารกิจแรกที่ฟ้าสอนให้ลูอิสทำคืออาบน้ำให้เด็กๆ แรกๆ ก็วุ่นวายกันสุกหน่อย ดีที่มีแม่แดงคอยช่วยด้วยอีกคนกว่าจะสอนกันรู้เรื่องลูกจะเป็นหวัดตาย
“มันไม่ง่ายจริงๆ ด้วยฟ้า” พออุ้มลูกมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวลูอิสก็พูดขึ้น
“เพิ่งจะเริ่มเองไม่ไหวแล้วหรือไง” ฟ้าเงยหน้าขึ้นไปแกล้งว่าพี่เลี้ยงคนใหม่
“ป่าวสักหน่อย ผมแค่นึกถึงตอนที่คุณเริ่มเลี้ยงลูกเองน่ะ” ตอนที่ไม่มีแม่คอยช่วยแบบนี้ ตอนที่ทำอะไรไม่เป็นเลย ตอนที่เลี้ยงลูกคนเดียว ต้องลำบากแค่ไหนกัน
“ตอนนั้นลูกยังเล็กมาก ดีที่มีตะวันกับแดเนียลคอยช่วย ตะวันก็หาพี่เลี้ยงมาช่วยเลี้ยงด้วย”
“ผมขอโทษนะที่…”
“อย่าพูดถึงอีกเลย มันผ่านไปแล้ว” ฟ้าแทรกขึ้นก่อนที่ลูอิสจะพูดจบ ตอนนี้ก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องพวกนี้แล้วด้วย คิดไปก็หนักสมองปล่อยวางไปบ้างดีกว่า หลังจากแต่งตัวให้เด็กๆ แล้วก็ป้อนข้าวป้อนน้ำกันไป ฟ้าทิ้งให้แม่กับลูอิสอยู่กับเด็กๆ เพราะต้องไปดูรีสอร์ท ลูอิสก็เล่นกับเด็กๆ ได้ดีถึงจะคุยกันไม่รู้เรืองแต่ก็เหมือนเข้าใจกันว่าลูกต้องการอะไร ลูกจะเอาอะไร เด็กๆ ก็ฌหมือนเข้าใจว่าพ่อพูดอะไรอยู่ทั้งที่ไม่เคยคุ้นกับภาษาที่พ่อใช้ก็ตาม
“แด๊ดดี้ คอลมี แด๊ดดี้ (เรียกพ่อสิ)” ลูอิสบอกกับน้องเมฆที่นั่งจ้องคนเป็นพ่อตาไม่กระพริบ
“แอ๊ะ อี้”
“ว้าว เก่งมาก” ลูอิสอุ้มลูกชายขึ้นมาหอมแก้มให้รางวัล
“กรี๊ดดดดด แอะ แง กรี๊ดดดดด” พออีกคนได้รับความสนใจมากกว่า อีกคนก็กรีดร้องลั่น
“ชู่ว จุ๊ๆๆๆ เป็นอะไรครับเจ้าหญิงของพ่อ มาๆ มา โอ๋” ลูอิสขยับไปอุ้มลูสาวไว้ในอกอีกคน สาวน้อยหน้าตาเหยเก เบ้ปาก น้ำตาก็นองเมสองตา
“หนูร้องไห้ทำไมคะ หึ บอกพ่อสิ”
“แอ้ แอ้” เหมือนพี่เมฆจะส่งเสียงขู่น้อง ฝนที่ดูจะเงียบแล้วจึงร้องขึ้นมาอีก
“เฮ้ พี่เมฆไม่แกล้งน้องสิ เป็นผู้ชายต้องไม่แกล้งผู้หญิงสิ” ลูอิสหันไปบอกลูกชาย
“แอ๊ แอ้ แอ้” เหมือนหนุ่มน้อยจะส่งเสียงเถียงคนเป็นพ่อ เขาได้แต่หัวเราะท่าทางนั้นอย่างไม่รู้หรอกว่าลูกชายจะบอกอะไร
“แงงง กรี๊ดดดด” พี่เมฆเอื้อมมือไปหยิกน้องที่เริ่มสงบลงแล้วทำให้น้องสาวต้องส่งเสียงร้องอีกครั้ง
“มาๆ เอาตาเมฆมานี่ ขี้แกล้งจริงๆ เลยเผลอไม่ได้” แม่แดงที่นั่งดูอยู่นานต้องลุกขึ้นจากโซฟามาแยกหลาน สองคนนี้บทจะดีกันก็ดี พี่เมฆบทจะแกล้งน้องก็แกล้งเอาจนร้องไห้
“แอ้!!!” น้องฝนส่งเสียงร้องลั่นไม่หยุด ลูอิสได้แต่อุ้มเช็ดน้ำตา บอกให้ลูกหยุดไม่รู้จะทำไง
“ชู่ววว ไม่ร้องนะคะเด็กดี “
“แง้!!” ทำยังไงก็ไม่หยุดเลยต้องลุกขึ้นแล้วพาเดินดูนั่นดูนี่จนกระทั่งเงียบ แต่หน้าก็ยังบูดๆ บึ้งๆ พร้อมจะร้องอยู่ตลอดเวลา มือหนายกขึ้นปาดน้ำตาบนแก้มเนียนละเอียดของลูกสาว
“ดีขึ้นรึยังคะ”
“แอ๊ะ งืมๆๆ” มือเล็กๆ ยัดเข้าปากตัวเอง พูดอะไรก็ไม่รู้งืมงัม คนเป็นพ่อก็ได้แต่มองแล้วเดาไปเรื่อย
“หนูจะกินนมหรอ”
“งืมๆๆ” เขาหัวเราะออมาเมื่อเห็นท่าทางของเด็กในอก มันช่างน่ารักอะไรอย่างนี้นะ
“เฮ้ นี่หนูฉี่หรอ” เขาโวยขึ้นเมื่อรู้สึกว่าแขนของตัวเองสัมผัสกับของเหลวบางอย่าง
“ทำไมไม่บอกพ่อก่อนล่ะ” เขาพูดกับเด็กวัย 1 ขวบที่เพิ่งหัดเดินหัดพูด สุดท้ายก็ต้องหัวเราะออกมา แล้วลูกจะบอกได้ยังไงล่ะ ลูอิสพาลูกกลับมาที่ห้องนั่งเล่น
“ฝน ฉี่” เขาบอกกับแม่ยาย
“ฮ่าฮ่าฮ่า เออๆ ไปล้างเนื้อล้างตัวไป เดี๋ยวยายฝนฉันดูเอง โดนกันทุกคนนั่นแหละของแบบนี้ ลืมใส่แพมเพิสให้น่ะ” แม่แดงหัวเราะชอบใจกับหน้าตาเหวอๆ ของลูกเขย คงไม่เคยโดนเด็กฉี่ใส่น่ะสิ ดูตกใจมากเลยทีเดียว ล้างตัวเสร็จก็ลับมาเลี้ยงลูกต่อ น้องเมฆน้องฝนสงบศึกกันแล้ว ทั้งคู่พากันเล่นของเล่น คลานไปคลานมา เกะที่ที่พอจะเกาะให้ลุกยืนขึ้นได้ประสาเด็กอยากเดิน ลูอิสนั่งดูเด็กๆ ในใจก็คิดว่าถ้าเขามัวแต่กลัว มัวแต่คิดมากเขาจะมีโอกาสได้มาเจอกับเรื่องมหัศจรรย์แบบนี้หรือป่าว เขาจะเสียดายแค่ไหนที่ไม่ได้เจอสิ่งที่วิเศษที่สุดในชีวิตเขาแบบนี้
แชะ
ลูอิสกดถ่ายรูปเด็กๆ ส่งให้กับคาเลนพ่อของเขา ทันทีที่ปู่เห็นรูปหลานก็รีบวิดีโอคอลกลับมาทันที
“นี่ลูกแกหรอไอ้ลูอิส” เขาถามทันทีที่ลูกชายกดตอบรับ
“พ่อคิดว่าไงล่ะ”
“เหมือนแกตอนเด็กๆ ไม่มีผิด ไหนขอดูใกล้ๆ สิ” คนแก่หยิบแว่นขึ้นมาใส่แล้วจ้องบนจอโทรศัพท์
“นี่ไงเธอชื่อฝนเป็นผู้หญิง”
“ฮ่าฮ่าเธอสวยมากสาวน้อย” คนเป็นปู่ยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นเจ้าหญิงน้อยของเขา
“ส่วนนี่พี่เมฆเขาเป็นผู้ชาย”
“นี่แก….โอ้มายก็อต นี่ฉันได้หลานสองคนเลยเรอะ แฝดหญิงชาย โอ้….ไอ้ลูกชาย แกนี่มัน” เขาอึ้งจนไม่รู้พูดอะไรออกมา มันทั้งดีใจ ทั้งตื้นตัน ปูอยากอุ้มหลานจนเนื้อเต้นแต่ไทยก็อยู่ไกลเหลือเกินคนแก่จะเดินทางก็ยาก
“นั่นเมียแกหรอ” คาเลนถามขึ้นเมื่อเห็นแม่แดงเดินผ่านกล้อง
“ไม่ใช่นี่แม่ยายต่างหาก”
“เออก็ว่าอยู่ ดูแล้วมดลูกคงฝ่อไปแล้ว” ดีที่แม่แดงฟังภาษาอังกฤษไม่ออกไม่งั้นได้โดนด่าเปิงทั้งพ่อทั้งลูกแน่ ที่อิตาลีตอนนี้ดึกแล้ว คุยกันได้สักพักคาเลนจึงขอตัวนอน เด็กๆ เองก็ต้องนอนกลางวันเหมือนกัน แต่ สองแสบไม่ชอบนอนเลย นอนยากมากทำยังไงก็ไม่นอนจนกว่าแบตจะหมดกันไปเอง
“ถึงเวลาต้องนอนแล้วทำไมหนูยังไม่นอนกันอีก” เสียงยายบ่นหลานๆ ที่ยังคงนั่งเล่นของเล่นกันอย่างสนุกสนานลูอิสล้มตัวลงนอนบนพื้นห้องข้างๆ กันกับที่เด็กๆนั่งเล่นอยู่และร้องเพลงออกมา
“Seems like everybody's got a price,
I wonder how they sleep at night..
When the sale comes first,
And the truth comes second,
Just stop, for a minute and
Smile!” (Cr.เพลง price tag Jessie J) เมื่อจบท่อน เด็กๆ ก็หันมาให้ความสนเสียงที่ได้ยินเมื่อสักครู่ และค่อนๆ คลานมานั่งรอฟังท่อนต่อไปอย่างตั้งใจ
“ชอบเหรอลูก” ลูอิสเอ่ยถามลูกๆ เมื่อเขาเห็นว่ามันได้รับความสนใจ
“แอ๊ะ แอ้ แอ้” เสียงโวยวายลั่นเหมือนเรียกร้องให้เขาร้องต่อ คนเป็นพ่อร้องต่อ เด็กๆ ก็นั่งจ้องตาไม่กระพริบ พอพอหยุดร้องก็ส่งเสียงโวยวายกันใหญ่ คนเป็นยายพ่อเห็นพ่อลูกอยู่ด้วยกันได้จึงเข้าครัวไปคั้นน้ำส้มไว้ให้ลูกสาว พอย้อนกลับมาที่ห้องอีกครั้งก็พบว่าเสียงเงียบไปแล้ว สามพ่อลูกนอนพาดกันอยู่บนพื้นห้องนั่งเล่น
เป็นภาพที่สร้างความประทับใจได้ไม่น้อย ถ้าไม่ติดว่าจน เอ็งมันก็ดีอยู่หรอกนะ แม่แดงคิดในใจ
“แม่ เด็กไป….”
“ชู่วว” ฟ้ากลับเข้ามาที่บ้านก็เรียกหาลูกๆ แต่แม่แดงหันไปจุ๊ปากให้เงียบ กลัวจะทำให้เด็กๆ ตื่น หลานหลับยากด้วยถ้าตื่นมาไม่รู้จะหลับอีกเมื่อไหร่
“พ่อมันพานอนแล้ว”
“วุ่นวายมั้ยแม่” ฟ้าหันไปถาม
“มันก็เลี้ยงของมันได้นะ ไม่รู้มันคุยอะไรกันไอ้พ่อก็พูดฝรั่ง ไอ้ลูกๆ ก็แอ้ๆๆ หัวเราะอะไรกันนักหนาก็ไม่รู้” แม่แดงเล่าสถาการณ์ที่เกิดขึ้นให้ลูกสาวฟัง พอได้ฟังแบบนั้นฟ้าก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“แล้วเด็กๆ แกล้งกันมั้ย”
“มันแกล้งกันทุกวันอยู่แล้ว เอ็งไม่ต้องห่วงหรอก ไอ้ดินมันเลี้ยงได้ดีพอๆ กับอีมะขิ่นกับอีอาจูนั่นแหละ ถ้าไม่ติดว่าจนแม่ก็อยากให้เอ็งดีกับมันหรอก สงสารเด็กมัน” ฟ้าครุ่นคิดตามที่แม่พูด จริงๆก็ไม่รู้จะโกรธเขาไปอีกนานแค่ไหน โกระไปแล้วก็ไม่ได้อะไรด้วย แต่จะให้บอกความจริงกับแม่เลยก็ไม่รู้จะเชื่อหรือป่าว
ตอนเย็นวันนั้นครูแก้วมาหาลูกศิษย์เกเยนถึงที่บ้านหลายวันแล้วที่ลูอิสไม่ไปเรียนคุณครูคนสวยเลยต้องมาตามถึงที่
“สวัสดีค่ะ” ครูแก้วเอ่ยทุกทายป้าปุ๊อย่างสุภาพนอบน้อม
“ค่ะ มาหาใครคะ”
“มาหาดินค่ะที่เป็นฝรั่ง ทำงานอยู่ที่นี่”
“อ่อ มีอะไรกับมันล่ะ มันไปเลี้ยงเด็กอยู่บ้านใหญ่โน่น” ป้าปุ๊ชี้มือไปยังบ้านหลังใหญ่
“ขอบคุณนะคะ พอดีว่าดินไปเรียนภาษาไทยกับแก้วค่ะ แล้วไม่ได้ไปเรียนหลายวันแล้ว แก้วเลยมาตาม”
“อ่อ ไปหาดูเถอะอยู่นั่นแหละ”
“ค่ะ” พูดจบร่างบางก็ตรงปรี่ไปยังบ้านหลังใหญ่
“เอ้อไอ้ฝรั่งนี่ ขนาดจนยังมีผู้หญิงเข้าหาไม่ขาด ถ้ารวยสักหน่อยข้าคงเอากับเค้าด้วยคน” พอร่างบางเดินหายไปจนสุดสายตาป้าปุ๊ก็บ่นกับตัวเองพึมพัม ครูแก้วเดินมาถึงตัวบ้าน จะเข้าไปก็ไม่กล้า แต่มองดูก็เหมือนไม่มีคนอยู่มันเงียบกริบ
“มาหาใครคะ” แม่แดงเดินผ่านประตูพอดีจึงเอ่ยถามเมื่อเห็นผู้หญิงแปลกหน้ามายืนด้อมๆ มองๆ อยู่
“สวัสดีค่ะ คือมาหานายดินที่เป็นฝรั่งอะค่ะ”
“อ่อ มาหามันทำไมล่ะ”
“คือแก้วเป็นครูสอนภาษาไทยให้เค้าอะค่ะ แล้วเค้าไม่ได้ไปเรียนหลายวันแล้ว แก้วเลยมาดู”
“ช่วงนี้มันไม่ว่างหรอกมันเลี้ยงลูก” แม่แดงพลั้งปากไปอย่างไม่รู้ตัว คิ้วสวยของครูแก้วขมวดเข้าหากันเชิงสงสัย
“ลูก หรอคะ”
“เอ่อ หมายถึงเลี้ยงลูกให้ลูกสาวป้าค่ะ เข้ามาสิ” แม่แดงรีบเปลี่ยนเรื่อง หญิงวัย 40 เดินนำครูสาวคนสวยเขามาในบ้าน เมื่อมาถึงทันทีที่ครูแก้วมองเห็นเด็กแฝดสองคนก็ต้องประหลาดใจ แน่นอนว่าเพราะใบหน้าที่เหมือนกันกับนายดินแบบที่เรียกว่าสำเนาถูกต้อนั่นเอง
“ครูแก้ว” ลูอิสร้องทักเมื่อเห็นคุณครูมาปรากฏตัวอยู่ในบ้าน
“ไม่เจอกันนานเลยนะ” ครูเดินไปนั่งลงข้างๆ กับลูกศิษย์
“ผมยุ่งมากช่วงนี้”
“นึกว่าจะไม่ไปเรียนแล้ว” ครูแก้วทำท่าทางงอน
“ผมก็คิดอยู่ว่าอาจจะไม่ไปแล้ว”
“ล้อเล่นใช่มั้ย”
“ป่าวครับผมพูดจริงๆ” คำตอบมันกรีดเฉือนหัวใจคนฟังอย่างบอกไม่ถูก ครูแก้วขวัญมีความสุขที่ได้สอน ได้พูดคุย ได้สบตากับนายดินมาก มากจนไม่ได้คิดเผื่อใจไว้ก่อนว่าถ้าไม่ได้เจอกันทุกวันเหมือนที่ผ่านมาจะทำยังไง
“ผมพอจะเรียนรู้ด้วยตัวเองได้แล้ว เลยคิดว่าอาจจะไม่ไปอีกแล้ว”
“ทิ้งกันง่ายๆ เลยหรอ”
“อะไรกัน ลูกศิษย์คุณก็มีเยอะแยะ” คนเดียวที่อยากสอนนั่งอยู่นี่ไง เสียงในใจครูแก้วตะโกนบอกกับคนใจร้ายตรงหน้า
“แล้ววนี่….” ครูแก้วจ้องมองไปที่เด็กน้อยในอ้อมอกของลูอิส เชิงถาม
“เรื่องมันยาว เอาไว้ผมจะเล่าให้ฟังนะ” มันเหมือนยังไม่ได้ตอบ แต่คำตอบมันชัดเจนมาก แค่มองหน้าก็รู้แล้วว่าเด็กนี่เป็นลูกของเขา ครูแก้วไม่ใช่คนโง่
“กลับมาแล้วหรอฟ้า” ลูอิสร้องทักเมื่อเห็นฟ้าเดินเข้ามา แต่คนที่เพิ่งเข้ามาดูท่าจะไม่พอใจเท่าไหร่นักกับภาพที่เห็น แต่พอรบรวมสติได้ก็พยายามข่มอารมณ์ตัวเอง ไม่ให้ไปแว้ดๆ ใส่ครูแก้วเหมือนคราวก่อน
“นี่ครูแก้วที่สอนภาษาไทยให้ผมไง” ลูอิสแนะนำให้รู้จักกันอย่างเป็นทางการสักที
“ครูแก้วนี่ฟ้า…เขามองหน้าคนที่ยืนอยู่ตรงประตูก่อนจะพูดต่อ
“เจ้านายผม” ถึงจะเป็นคนคิดกฎขึ้นมาเองแต่คำว่าเจ้านายก็เชือดใจคนฟังอย่างนิ่มๆ
“สวัสดีค่ะ” ฟ้าเป็นฝ่ายทักทายก่อน
“สวัสดีค่ะ” ครูแก้วก็ตอบรับ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วแก้วขอตัวนะคะ ไว้จะแวะมาเยี่ยมอีก” ครูแก้วหันไปบอกกับฟ้าก่อนจะลุกขึ้นแล้วยิ้มบอกลานายดินอีกครั้ง เมื่อร่างบางออกจากห้องไปแล้วลูอิสหันไปเจอกับสายตาเกรี้ยงกราดของเมียที่เพิ่งนั่งลงข้างๆ เขา
“อะไร” เขาถามหน้าซื่อ
“ถึงกับต้องมาตามไปเรียนเลยหรือไง”
“ผมก็จะไม่ไปเรียนแล้วนี่ไง”
“ไม่ได้ว่าสักหน่อย คุณอยากไปก็ไปสิ”
“ผมจะไปยังไง ต้องเลี้ยงลูก”
“เดี๋ยวครูจะตรอมใจตายเอานะ” ฟ้าพูดประชดประชัน
“หึงรึไงคุณเจ้านาย” ลูอิสแกล้งแหย่
“หึงอะไร ทำไมต้องหึงด้วย ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
“นั่นสินะ” ถึงฟ้าจะไม่ยอมรับแต่ลูอิสก็ดูออกอยู่ดีว่าในใจลึกๆ แล้วฟ้าก็ยังมีเยื่อใยกับเขาอยู่ นี่ยิ่งทำให้เขามีหวังที่จะกอบกู้ครอบครัวให้กลับมาเป็นครอบครัวอีกครั้ง