ปังๆ
“เปิดประตูนะฝุ่น!” เสียงทุบประตูของพี่ขันทำให้ฉันเดินถอยหลังไปนั่งตรงมุมอับหัวเตียง ชันเข่าขึ้นมากอดตัวเองน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ฮึก” ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ทุกคนที่นี่น่ากลัวไม่ว่าจะเป็นป้าหรือพี่ขัน แต่ยกเว้นลุงเท่านั้นที่ดูแลฉันเหมือนกับลูกคนหนึ่ง ยิ่งเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็พาให้นึกไปถึงครอบครัวที่เคยมีความสุขของตัวเองอีกครั้ง ถ้าพ่อกับแม่ไม่จากไปฉันคิดว่าตัวเองคงไม่ต้องมาพบเจอกับอะไรแบบนี้แน่นอน อีกอย่างคนที่เคยกอดปลอบฉัน คอยส่งยิ้มและบอกให้ฉันเข้มแข็งอย่างพี่ฟิน เขาก็หายสาบสูญไปตั้งแต่ฉันอายุได้เพียงแค่สิบเอ็ดขวบ
พี่ฟินต้องไปทำงาน เขาสัญญากับฉันไว้ว่าจะทำงานเก็บเงินและมารับฉันไปอยู่ที่บ้านหลังใหม่ บ้านที่พี่ฟินวาดฝันไว้ มีบริเวณหน้าบ้านให้ฉันได้ปลูกต้นไม้ ได้เลี้ยงปลาหรือได้เลี้ยงน้องหมาที่ฉันอยากจะเลี้ยง พี่ฟินสัญญากับฉันไว้สุดท้ายพี่ฟินก็มาจากฉันไปอีกคน ทิ้งฉันไว้กับความโดดเดี่ยวที่ไร้ที่พึ่ง
“หนูคิดถึงพี่ฟิน” ฉันรู้ว่าน้ำตามันไม่สามารถช่วยอะไรฉันได้ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น ทำให้ฉันคิดถึงคำพูดของพี่ฟินที่มักจะสอนให้ฉันเข้มแข็งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เขาบอกว่าร้องไห้ได้แต่ต้องกลับมาแข็งแกร่งให้ได้ และฉันคิดว่ามันคงถึงเวลาที่ฉันควรจะไปจากที่นี่เพื่อใช้ชีวิตของตัวเองสักที
ในเมื่อไม่เหลือใคร อย่างน้อยฉันก็อยากจะสานความฝันของพี่ฟินต่อ ความฝันของเราสองคนพี่น้องที่อยากจะมีบ้านสักหลังเพื่อดูแลและกัน
เป็นประจำที่ทุกเช้าฉันจะต้องตื่นมาก่อนใครเพื่อมาทำอาหารเตรียมให้คนในครอบครัวนี้ ทำงานบ้านก่อนที่ทุกคนจะลงมาและตอนนี้ฉันกำลังปัดกวาดเช็ดถู จนสายตาเหลือบไปเห็นรูปภาพอะไรสักอย่างโผล่ออกมาจากลิ้นชักโต๊ะรับแขก แต่โดยปกติป้าจะหวงห้ามตรงนี้มากไม่ให้ฉันทำความสะอาดเลย ดังนั้นฉันมองขึ้นไปด้านบนตอนนี้ยังคงไม่มีใครตื่นและหยิบภาพที่ว่าออกมาก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“พะ พี่ฟิน” ภาพนี้มันเป็นภาพของพี่ฟินที่สวมชุดสูทสีดำ ใบหน้าหล่อเหลาที่ส่งยิ้มให้ทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงเพื่อพลิกรูปไปด้านหลังจึงได้เห็นข้อความที่เขียนมาว่า...
‘ไงฝุ่นน้องพี่ สบายดีใช่ไหม? ตอนนี้พี่ได้งานทำแล้ว อีกไม่นานคงจะมีเงินเก็บ สร้างบ้านอย่างที่ฝันไว้ รอพี่นะ พี่รักฝุ่น’
รู้สึกจุกลำคอในทันทีเมื่อมองวันที่ที่ลงมันเป็นพ.ศ เมื่อสองปีที่แล้ว? แล้วไหนป้าบอกพี่ฟินตายไปแล้ว ตายไปทั้งที่จากฉันไปยังไม่ถึงปี คิ้วของฉันขมวดเข้าหากันจึงเปิดลิ้นชักออกมา ก็พบซองจดหมายหลายสิบซองกับสมุดบัญชีธนาคารที่เป็นชื่อของฉัน มีเงินจำนวนมากโอนมาตั้งแต่วันที่พี่ฟินจากไปจนเหมือนปีที่แล้วที่ถูกระงับการโอนมา เงินจำนวนเกือบครึ่งล้านที่พี่ฟินโอนมาให้ถูกถอนไปใช้จนเหลือเพียงแค่สองแสนนิดๆ
“นะ นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย!” กลืนน้ำลายลงคอและเปิดซองจดหมายอ่านทุกฉบับ ในนั้นเขียนถึงการใช้ชีวิตของพี่ฟินเขาบอกให้ฉันรอและบอกว่าอีกไม่นานจะกลับไป รวมถึงรูปภาพของเขาที่ทำเอาฉันทำน้ำตาไหลอาบแก้ม “พี่ฟินยังไม่ได้หายไป”
ฉันรู้แค่นี้ว่าพี่ชายของฉันเขายังไม่ตาย แต่ทำไม? ทำไมป้าจะต้องปิดบังฉันด้วย ในเมื่อพี่ฟินยังมีชีวิตอยู่ แต่ทำไมจะต้องทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวคนเดียวทั้งที่ฉันยังเหลือพี่ชายที่แสนดีอยู่ทั้งคน
“ฝุ่นแกทำอาหารเช้าเสร็จยัง” ป้าที่เดินลงมาพลางบิดตัวไปมามองสบตากับฉัน “นั่นอะไร?”
“ป้าโกหกหนูทำไม?” ฉันลุกขึ้นยืนและเอาสมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็มยัดใส่กระเป๋ากางเกงด้านหลัง “จดหมายของพี่ฟิน ไหนป้าบอกว่าพี่ฟินหายไปแล้วไปลับ แล้วนี่อะไร!”
“กะ แก” ใบหน้าของป้าบูดเบี้ยวก่อนจะตรงมาเพื่อจะคว้าจดหมายและรูปภาพของพี่ฟิน “เอามานะนังฝุ่น”
“ตอบคำถามหนูมาเดี๋ยวนี้นะป้า” ดูเหมือนป้าจะอึ้งไม่น้อยกับฉัน ในเมื่อตอนนี้มันโกรธจนไฟในตัวมันลุกโชนและพร้อมจะต่อรองกับป้าที่ทำหน้าอึ้งไม่ต่างกัน “ตอบมา!”
“แกตะคอกฉัน” ถอยหลังไปเมื่อฉันสาวเท้าตรงไปหาท่าน
“ตอบคำถามหนูมา ว่าพี่ฟินอยู่ที่ไหน!?” ดูเหมือนป้าจะจำยอมท่านเดินไปนั่งที่เก้าอี้ในครัวแน่นอนว่าฉันก็ตามไปด้วยเพื่อฟังคำตอบ
“ใช่ ฟินมันยังไม่ตาย”
“แล้วทำไมต้องโกหกหนูด้วย เรื่องจดหมายเรื่องเงินอีก” ป้าหันมามองฉันคอแทบหลุด “พี่ฟินส่งเงินมาให้หนูใช้ตลอดทุกเดือนตั้งแต่จากไปจนถึงเมื่อปีที่แล้ว รวมเป็นเงินเกือบครึ่งล้าน ป้าเอาไปใช้หนูไม่ว่าแต่ทำไมต้องปิดบังด้วย!”
“เงินเยอะขนาดนั้น ขืนให้แกรู้ฉันก็อดน่ะสิ” ไม่คิดว่าป้าจะเห็นแก่ตัวขนาดนี้ เรื่องเงินไม่สำคัญเท่ากับเรื่องของพี่ฟินนะ ฉันแค่อยากรู้ว่าพี่ฟินอยู่ที่ไหนตอนนี้ก็เท่านั้น
“ตอนนี้พี่ฟินอยู่ไหนคะ? ทำไมยอดเงินกับจดหมายที่ส่งมาถึงได้หยุดไปเมื่อหนึ่งปีที่แล้วจนถึงตอนนี้”
“ฉันจะไปรู้เหรอ” ป้าเอามือกุมศีรษะตัวเองและชี้หน้าฉัน “มันฝากแกไว้กับฉัน เรื่องเงินมันก็ค่าเลี้ยงดู ทำไมฉันจะใช้ไม่ได้”
“หนูบอกแล้วไงว่าเรื่องเงินหนูไม่สน” ฉันจับจ้องป้าด้วยสายตาแข็งกร้าว “แต่ที่หนูอยากรู้คือพี่ฟินทำงานอะไรกันแน่ ทำไมถึงได้ดูลึกลับ เงินอีกทำไมเดือนๆ หนึ่งเข้ามาหลายหมื่น”
ป้าเงียบก่อนจะมองเลยด้านหลังฉันไป พี่ขันเดินลงมาด้วยสีหน้าที่เพิ่งจะตื่นนอน แต่ตอนนี้ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากเรื่องของพี่ฟิน “มีอะไรกันครับ?”
ฉันสบตากับป้าที่ดูเหมือนจะเหลืออดแล้วจึงลุกขึ้นทุบโต๊ะอย่างแรง “เออฉันบอกแกก็ได้ว่าพี่ชายแกน่ะ มันไปทำงานเสี่ยงอันตราย!”
“อันตราย?” ไม่เข้าใจถึงคำพูดของป้า หมายถึงอะไรที่ว่าเสี่ยงอันตราย
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่ามันไปทำงานผิดกฎหมายหรืออะไร แต่มันบอกแค่ว่าอย่าให้แกรู้เพราะกลัวว่าแกจะไม่ปลอดภัย”