แบ็ลคฝุ่น #2
:: ผู้ชายที่ชื่อ ‘แบล็ค’ ::
“สมัครงาน?” เขาทำหน้ามึนงง ฉันจึงพยักหน้ารับทว่าสีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไปราวกับกำลังจับผิด ฉันว่าฉันไม่ได้มีพิรุธอะไรเลยนะ “ทำไมถึงรู้ว่าที่นี่รับสมัครงาน”
กลืนน้ำลายลงคอเงียบไปเกือบอึดใจความคิดและคำพูดก็พรั่งพรูออกมา “คือหนูไม่รู้หรอกค่ะว่าที่นี่รับสมัคร แต่หนูเพิ่งเรียนจบ โดนป้าใช้งานหนักแถมยังโดนลูกเลี้ยงของป้าจ้องจะจับทำเมีย”
“...” หวังว่าชีวิตของฉันจะทำให้เขารับฉันเข้าทำงานนะ
“ป้าไม่ให้หนูเรียนต่อ ก่อนจะมาที่นี่หนูถูกลูกของป้าเกือบจะทำมิดีมิร้าย เอาแจกันฟาดหัวเขาป้าก็เลยไล่หนูออกจากบ้าน ไม่ให้กลับไปอีก”
ร่างสูงที่ยืนฟังฉันกอดอกและมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า มองแบบนี้มัน... เขินยังไงก็ไม่รู้สิ ผู้ชายคนนี้หล่อและดูใจดียังไงไม่รู้ แม้จะเพิ่งจะเจอกันแต่ความรู้สึกมันบ่งบอกว่าเขาไม่ได้อันตรายอย่างที่ฉันคิดสักนิด
“อายุเท่าไหร่?”
“สิบแปดค่ะ” ตอบกลับไปเพราะอายุของฉันน่าจะเลยเกณฑ์ที่สถานที่บันเทิงกำหนดแล้วนะ
“แต่ที่นี่รับคนที่อายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบ”
“อะไรนะคะ!” บ้าจริง... ทำไมถึงได้รับอายุเกินแบบนั้นล่ะ แล้วจะทำยังไงดี “แต่ว่าหนูไม่มีที่ไปแล้ว”
พยายามทำตัวให้น่าสงสารที่สุด หวังว่าใบหน้าจิ้มลิ้มๆ ของฉันจะทำให้คนตรงหน้ารู้สึกหลงเสน่ห์เข้าบ้างนะ เพราะอย่างน้อยฉันก็น่ารัก ตัวเล็ก แม้จะไม่ใช่สเปคของผู้ชายทั่วไป แต่อย่างน้อยฉันก็คิดว่าตัวเองมีดีล่ะนะ
ฉันเงยหน้าสบตากับเขา ทำตาปริบให้น่าสงสารที่สุดและดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะเสียอาการเมื่อเขาเบิกตากว้างและหันหลังหนีฉันเพื่อที่จะเดินหนี “พี่คะ!”
“จะไปคุยกับเจ้าของคลับให้ รอตรงนี้”
“จริงนะคะ” เขาพยักหน้ารับและเดินเข้าไปด้านใน ฉันจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกทิ้งตัวนั่งลงบนขอบปูนที่สูงขึ้นเพื่อทำเป็นบ่อปลาคาบ ขนาดตัวใหญ่มากหลายสิบตัวกำลังแหวกว่ายกับน้ำใสที่ฉันเห็นจำต้องหย่อนมือตัวเองลงไปเล่นกับเจ้าปลาที่พากันแหวกว่ายเข้ามาหา
ฉันนั่งรออยู่เกือบๆ ครึ่งชม.ได้ และครึ่งชม.ที่เหลือก็ใช้เวลาคุยกับนีน่าเรื่องที่หนีออกมาจากบ้านป้า แน่นอนว่านีน่าเองก็ตกใจไม่น้อยแต่ฉันก็ไม่ได้เล่ารายละเอียดอะไรให้เธอฟังมากนัก เพราะตอนนี้สิ่งเดียวที่ต้องการคือให้คนที่เป็นเจ้าของคลับรับฉันเข้าทำงาน สายตาเหลือบไปมองรถหรูสปอร์ตสีดำสนิทจอดอยู่ รถราคาแพงและทรงสวยขนาดนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนขับคงจะรวยน่าดูเลยสินะ “น้อง”
“คะ” หันไปตามเสียง ผู้ชายคนนั้นก็กวักมือเรียกฉันให้เดินเข้าไปด้านในของคลับที่ตอนนี้มืดสนิทจะเห็นก็แต่พนักงานที่กำลังจัดเตรียมโต๊ะกันอยู่ แม้จะเคยเห็นในทีวีว่าด้านในเป็นยังไง แต่ของจริงมันอลังการมากว่าถ้าเปิดทำการคงจะสวยงามแน่นอนเพราะโคมไฟระย้าและหลายๆ อย่างในที่นี้มันดูดีและดูแพงมาก
“เข้าไปสิ”
“เข้าไป?” ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองและไปยังประตูสีดำ
“อืม เจ้าของคลับรออยู่”
“แล้วพี่ไม่เข้าไปด้วยเหรอคะ?” ถึงยังไงก็รู้สึกกลัว ‘เจ้าของคลับ’ ของเขาซะเหลือเกิน ก็พี่ฟินทำงานกับคนอันตรายและฉันไม่รู้ว่าคนที่อยู่หลังประตูนั้นจะอันตรายมากแค่ไหน
“ผมไม่ใช่คนที่จะคัดเลือกน้องเข้าทำงานครับ” ให้ตายเหอะ! ผู้ชายคนนี้ทำไมหล่อและอ่อนโยนขนาดนี้นะ “เจ้านายผมเป็นคนคัดเลือกคนเข้าทำงาน น้องรีบเข้าไปเถอะ”
ฉันพยักหน้ารับก่อนจะสูดลมหายใจเข้าและเปิดประตูเข้าไปด้านใน ภายในห้องมันมืดสนิทจะมีก็แต่แสงสว่างเพียงน้อยนิดเท่านั้น ตรงหน้าฉันมีโต๊ะทำงานขนาดใหญ่พร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาภายในความมืดมิดทำเอาหัวใจของฉันสั่นระรัวยิ่งกว่าเดิม ไม่ใช่เพราะเขาทำให้ฉันใจเต้นเพราะรู้สึกว่าหล่อ ใช่ยอมรับว่าคนตรงหน้าหล่อ แต่ก็ดูน่ากลัวในเวลาเดียวกัน ความรู้สึกที่ฉันเป็นคือหวาดกลัวสายตาและสีหน้าของเขาต่างหาก
มือหนาคีบบุหรี่เข้าปากและสูบเอานิโคตินเข้าปอด ไม่ช้าก็พ่นควันสีเทาพวยพุ่งเหนือหัว “เธอที่มาสมัครงาน”
“ค่ะ” ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ทำไม... ต้องรู้สึกกลัวคนๆ นี้ เพียงแค่ได้เห็น
“เธอคงรู้ว่าที่นี่ไม่รับเด็กที่อายุต่ำกว่ายี่สิบปี”
“ทราบค่ะ” ผู้ชายคนนี้แค่เพียงเอ่ยคำพูดที่เย็นชาออกมา ก็พาให้หัวของฉันรู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะไม่รู้เลยว่าเขาจะใช้ปืนยิงหรือตัดหัวฉันทิ้งถ้าพูดไม่เข้าหู “แต่ฉันไม่มีที่ไปแล้วค่ะ ได้โปรดรับฉันนะคะ”
สองมือพนมอยู่กลางอก หวังให้คนตรงหน้ารับเข้าทำงานทว่าท่าทางของเขาไม่ได้ใจอ่อนเหมือนกับพี่คนนั้นเลยสักนิด สายตาของเขากวาดมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ไม่ได้ทำให้ฉันเขินอายเลยสักนิดกลับทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยยังไงชอบกล
“ถ้ามาทำงานที่นี่เธอจะต้องรู้กฎอยู่อย่างหนึ่ง” เอกสารตรงหน้าเขาถูกดันไปวางไว้ขอบโต๊ะ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแน่นอนว่าเขาสูงกว่าฉันมากจำต้องเงยหน้ามองเขาที่เดินไปนั่งไขว่ห้างตรงมุมโซฟา “ใครที่ริขัดคำสั่งฉัน หรือหักหลังฉันล่ะก็...”
ทำไมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกขู่ยังไงชอบกล แล้วทำไมเขาจะต้องขู่ฉันด้วยล่ะเนี่ย?
“ตาย”
“!”
“ฉันจะไม่ปล่อยให้คนที่พร้อมจะหักหลังฉัน หรือไม่เชื่อฟังคำสั่งของฉันลอยนวลแน่นอน” ขมวดคิ้วอย่างมึนงง ไอ้เรื่องไม่เชื่อฟังพอจะเข้าใจนะว่าเขาเป็นเจ้าของ ถ้าพนักงานหรือลูกน้องไม่เชื่อฟังก็จะตายอย่างที่เขาว่า แต่เรื่องหักหลังนี่มันอะไรกัน? ฉันไม่เข้าใจเลย “ถ้าทำได้ ฉันจะรับเธอไว้”
“จะ จริงเหรอคะ”
“แต่ต้องผ่านงานหนึ่งเดือน” พยักหน้ารับอย่างยิ้มแย้ม ในที่สุด... พี่ฟิน ฝุ่นจะได้เจอพี่แล้ว “ตำแหน่งของเธอคือพนักงานเสิร์ฟ”
“ขอบคุณนะคะคุณ...” มือที่พนมอยู่กลางอกชะงักทันทีเมื่อไม่รู้จักชื่อเขาแล้วจะขอบคุณได้ยังไงกัน
“แบล็ค”
“...”
“ฉันชื่อแบล็ค”
“ทำไมไม่ชื่อดำให้รู้แล้วรู้รอดไปนะ”
“พูดอะไร?” ส่ายหน้าไปมาทันที ขนาดพึมพำกับตัวเองยังจะหูดีได้ยินอีกนะ “เธอชื่ออะไร”
“ฝุ่นค่ะ” ตอบกลับไปก่อนจะสบตากับเขาที่ใช้สายตาร้ายๆ มองอย่างไม่พอใจ ทำไมเขาจะต้องไม่พอใจฉันด้วยเนี่ย? ฉันชื่อฝุ่นแล้วมันผิดตรงไหนไม่ทราบ ทีตัวเองชื่อแบล็คที่แปลว่าดำ ยังไม่ยักจะชื่อดำเลย