#ไร้ซึ่งความรัก :: INTRO [30%]
Oldest brother ไร้ซึ่งความรัก
INTRO
‘สีดำ’ เป็นสีแทนสัญลักษณ์ของความลึกลับน่ากลัว ความมีอำนาจ ส่วนมากจะมีความหมายไปทางลบ
ความโกรธ ความตาย การมองโลกในแง่ร้าย การบังคับควบคุม ความมืด และเขาคือผู้ชายที่มืดมน
ตระกูล ‘โภคินกิตติกุล’ เป็นนามสกุลที่ผมใช้มาตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน ท่านดนัยกับคุณหญิงล้อมดาวเป็นพ่อกับแม่ของผม แน่นอนว่าตระกูลของเรามีบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างอุปกรณ์การตกแต่งบ้านทุกชนิดที่ส่งออกต่างประเทศและมีกิจการอยู่ในทวีปเอเชียและยุโรป
และผมเป็นลูกชายคนโตชื่อ ‘นายบุรธัช โภคินกิตติกุล’ หรือ ‘แบล็ค’ อายุ 25 ปี เกิดวันพุธ (กลางคืน) 14 ก.พ. สูง 185 ซม.
ผมเรียนจบด้านบริหารธุรกิจแต่ไม่คิดจะสานต่องานที่พ่ออยากจะส่งต่อให้ แต่ผมกลับเป็นคนที่ชอบมีอำนาจและชอบการควบคุม ผมไม่ชอบให้ใครมาขีดเส้นทางให้แม้แต่พ่อกับแม่ ดังนั้นผมจึงผันตัวเองมาเป็นผู้มีอิทธิพลในด้านมืด แต่ไม่ใช่แบบผิดกฎหมาย ด้วยเพราะเป็นคนที่มืดมนไม่ชอบค่อยชอบแสงสว่างในตอนเช้า ผมจึงทำงานกลางคืนเปิดคลับเฉพาะที่ถูกกฎหมายและคาสิโนสำหรับคนใหญ่คนโตที่จะเข้ามาเล่นในคลับ
“พี่แบล็ค กลับมาแล้วเหรอครับ?” สายตาคมตวัดหันไปมองร่างสูงที่เตี้ยกว่าผมกำลังอุ้มสุนัขพันธุ์บีเกิ้นเพศผู้อยู่พลางส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “ทานอะไรมาหรือยังครับ”
“ยัง” ตอบและถอดแจ็กเกตออก ล้วงเอาซองบุหรี่ออกมาพร้อมไฟแช็กก่อนจะเดินไปยังโซนรับแขก “แล้วเรียนยังไงบ้าง?”
“ครับ สนุกดีครับ”
‘กรีน หรือนายกรชวัล โภคินกิตติกุล’ อายุ 20 ปี เป็นน้องชายคนเล็กของบ้าน ซึ่งเขาแตกต่างจากผมเห็นจะว่าได้ ในขณะที่ผมมืดมน แต่กรีนกลับเป็นคนอบอุ่นและจิตใจดี ราวกับได้เห็นแสงสว่างออกจากตัวของน้องชายคนนี้
“พ่อกับแม่ไปไหน?” เพราะออกไปอยู่ที่คอนโด บางครั้งผมมีเวลาก็จะกลับมาที่บ้านเพื่อมาหากรีน เด็กคนนี้จิตใจดีและไม่คิดจะออกไปไหน สำคัญคือมีเจ้าหมาน้อยที่ชื่อ ‘กรรไกร’ ต้องเลี้ยงดูอีก
“ไปอังกฤษครับ เหมือนจะไปทำธุระ”
“แล้วก็แพลนไปเที่ยว” ตอบพลางเอามือป้องไฟแช็กที่กำลังจุดต่อบุหรี่ เมื่อเห็นไฟขึ้นผมก็สูบเอานิโคตินเข้าปอดและพ่นควันออกจากริมฝีปากแดงคล้ำซึ่งเป็นแบบนี้เพราะสูบบุหรี่จัด
“พี่แบล็คทำไมรู้ล่ะครับ?” กรีนทำหน้าฉงนใจ แต่ผมก็ยักไหล่เพราะต่อให้พ่อกับแม่ไม่บอก ผมก็รู้ดีเลยล่ะพวกเราโตกันหมดแล้วถึงได้ไม่เป็นห่วงไปทำงานบวกกับไปเที่ยวด้วย
“ฮ้าว ใครโผล่มาแต่เช้าวะไอ้กรีน!”
น้ำเสียงแหบพร่าดังขึ้นทำให้ผมเอี้ยวใบหน้าขึ้นไปมองบันไดทางขึ้น จึงได้เห็นชายร่างสูงที่เดินเปลือยท่อนบนก้าวลงบันไดพลางเอามือยีศีรษะตัวเองทั้งที่ตายังไม่ลืมดี “พะ พี่เรดครับ”
“อะไรของมึง!” มันตวาดกรีนจนผมนั่งไขว่ห้างและมองมันที่ลงบันไดมา “ใครโผล่ หะ หัว... พะ พี่แบล็ค!”
“เรียกน้องว่ายังไงนะ?”
หรี่สายตามองคนตรงหน้าที่ออกอาการตกใจเมื่อเห็นผม ‘เรด หรือนายเวทิศ โภคินกิตติกุล’ อายุ 23 ปี เรียนจบด้านการถ่ายภาพ แต่กลับไม่คิดจะทำงานหรือทำอะไรที่มันมีประโยชน์ให้กับตัวเองนอกจากทำตัวเล่นไปวันๆ อ่อ มีอีกอย่างที่มันชื่นชอบคือการแข่งรถที่แม่มักจะห้ามมันเสมอ แต่คนอย่างไอ้เรดไม่เคยทำตามที่แม่พูด แถมยังชอบทำตัวก้าวร้าวกับบุพการีและน้องซึ่งแน่นอนว่าผมไม่ชอบ
เราสามคนเป็นพี่น้องที่คลานตามกันมา อายุจึงไม่ได้ห่างกันมากสักเท่าไหร่ ถึงสนิทกันพอควรแต่ยกเว้นไอ้เรดที่ไม่อยากสนิทกับผม เพราะมันชอบขัดคำสั่งผมในหลายๆ เรื่องอย่างเช่นเรื่องการคุยกับน้องด้วยคำหยาบคาย คนอย่างกรีนควรพูดจาดีๆ ด้วยเพราะน้องยังเด็ก สำคัญคือน้องเป็นผู้ชายที่จิตใจดีซึ่งมันต่างกับไอ้เรดราวกับฟ้าเหว
“มันชินปากนี่นา พี่แบล็คก็น่าจะหยวนๆ ให้ผมนะ”
“มึงจะเรียกใครยังไงก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่กับกรีน” ชี้หน้าไอ้เรดที่ทิ้งตัวนั่งบนโซฟาก่อนจะคว้าเอาซองบุหรี่ของผมไปโดยยังไม่ได้รับอนุญาต พอเห็นผมนิ่งและจับจ้องมันจึงยิ้มแห้งๆ ส่งให้
“ขอมวนหนึ่ง” ทำหน้าอ้อนวอนจนผมขยับตัวและเอื้อมมือไปยังด้านหลัง “เฮ้ยๆ พี่แบล็ค แค่บุหรี่มวนเดียวถึงกับจะยิงน้องเลยเหรอวะ!”
ผมยกยิ้มมุมปากที่เห็นไอ้เรดทำหน้าซีดและหวาดกลัวขนาดนี้ ด้านหลังของผมมีปืนพก EAA Witness Elite Match สีดำ-เงินที่พกติดตัวมาตลอด เพราะทำงานด้านนี้ทำให้ผมถูกจ้องเล่นงานจากคนที่ไม่หวังดี แม้ว่าสิ่งที่ทำจะถูกกฎหมายทุกอย่าง แต่จะมีจำพวกคนที่เปิดสถานที่แบบผิดกฎหมายก็จะขาดรายได้ ทำให้พวกมันจ้องจะทำลายผมและกิจการ
“ถ้าจะยิงผม ยิงไอ้กรรไกรก่อนเลย” ไอ้เรดโบยไปที่หมาพันธุ์บีเกิ้นที่กรีนเลี้ยง
“ได้ไงล่ะครับพี่เรด เกี่ยวอะไรกับกรรไกร”
“ก็ไอ้กรรไกรมันกัดรองเท้าพี่แบล็คจนพัง มึงไม่ได้บอกพี่แบล็คหรือไง!” กรีนหันมามองผมหน้าตาเลิ่กลั่กก่อนจะยกมือไหว้ขอโทษผมแทนกรรไกร
“พี่แบล็คครับ”
“ช่างเถอะ รองเท้าพี่มีอีกเป็นร้อย” ตอบพลางส่งยิ้มให้กรีนก่อนจะลูบศีรษะน้องชายเบาๆ
“อะไรวะ! ทีกับผมจะฆ่า ด่า ไล่เตะ” ไอ้เรดทำหน้าบูดก่อนจะต่อบุหรี่สูบโดยไม่สนใจผมแล้ว “ใช่สิ เรามันไม่ใช่น้องรัก”