พ้นขีดอันตราย?

1851 Words
"คุณจะพาฉันไปไหน" "มิลาน!" "อะไรนะ! มิลาน? แต่ฉันจะกลับโรมแล้วจะได้กลับเมืองไทย" ลูก้าถึงกับถอนหายใจเมื่อคิดว่าเธอเข้าใจดีแล้ว แต่กลับงอแงขึ้นมาอีก "คุณได้กลับแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้" "แต่..." "ไม่ต้องพูดแล้ว ขืนคุณพูดอีกแม้แต่คำเดียวผมจะ..." เขาพูดไม่ทันจบ หญิงสาวก็ยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้ทันควัน "ดีมาก ทำตัวเป็นเด็กดีเข้าไว้" ชายหนุ่มแอบยิ้มมุมปาก แต่พอเงยหน้าขึ้นสบตากับเลขาฯ คนสนิทก็รีบปรับสีหน้าให้ราบเรียบตามเดิม ครึ่งชั่วโมงที่ถูกตามไล่ยิง รถของลูก้าก็แล่นเข้าสู่เขตสนามบิน เมลินคิดว่าพ้นขีดอันตรายแล้วก็ผ่อนลมหายใจยาวอย่างโล่งอก รถหยุดสนิทโดยมีรถของบอดี้การ์ดอีกคันขับตามเข้ามาจอดต่อท้าย โยเซฟรีบลงจากรถแล้วเปิดประตูให้เจ้านาย จากนั้นก็วิ่งอ้อมไปเปิดอีกฝั่งให้หญิงสาว "ขอบคุณค่ะ" เมลินก้มหน้าเอ่ยขอบคุณเบาๆ ไม่กล้าสบตาดุๆ ของอีกฝ่าย โยเซฟพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะหันไปหาเจ้านาย "รีบขึ้นเครื่องเถอะครับนาย เดี๋ยวพวกมันจะตามมาทัน" "อืม" มาเฟียหนุ่มรับคำแล้วหันกลับมาหาเมลิน ก่อนจะช้อนตัวเธอขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนอย่างง่ายดาย ท่ามกลางสายตาตะลึงงันของเลขาฯ คนสนิทและบอดี้การ์ดอีกหลายนาย "นี่คุณ! ปล่อยฉันลงนะ" เมลินตกใจที่อยู่ๆ ก็ถูกอุ้มลอยหวือขึ้นจากพื้น กำปั้นเล็กๆ รัวเข้าที่หน้าอกแกร่งแต่เขากลับไม่สะทกสะท้าน "ถ้าผมปล่อยให้คุณเดินเองแล้วกางเกงหลุดขึ้นมาจะทำยังไง" เขาไม่ยอมให้ใครเห็นขาอ่อนเธอหรอกนะ ถึงเสื้อเชิ้ตที่ยาวจนหัวเข่าจะช่วยบังสายตาก็เถอะ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกระเซ้าเย้าแหย่เธอเล่น "หรือคุณอยากให้เป็นอย่างนั้น ดูรอบๆ สิว่ามีสายตากี่คู่" หญิงสาวมองไปรอบๆ เห็นสายตาแต่ละคนน่ากลัวทั้งนั้นจึงส่ายหน้า "ไม่เอาอ่ะ" "งั้นก็เกาะไว้แน่นๆ" ว่าแล้วเขาก็อุ้มร่างบางเดินไปขึ้นเครื่องบินส่วนตัว แต่แทนที่เขาจะวางเธอลงบนที่นั่ง กลับเดินเลยไปยังห้องพักสุดหรูที่เปรียบเสมือนวิมานลอยฟ้า แล้วคำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือ เขาเป็นใคร? ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยคิดมาก่อนเพราะมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าให้คิด และเหมือนว่าลูก้าจะรู้ทันความคิดของหญิงสาวจึงเอ่ยดักทางไว้ก่อนขณะวางเธอลง "อย่าเพิ่งถามอะไร อย่างแรกคุณอาบน้ำก่อนดีกว่า ดูสิเสื้อผ้าเปื้อนฝุ่นหมดแล้ว เสื้อผ้าผมให้คนเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ผมจะออกไปรอข้างนอก เสร็จแล้วก็เรียกจะมาทำแผลให้" ไม่รอให้เธอซักถามอะไร พูดจบเขาก็ออกไปจากห้องทันที เมลินนั่งครุ่นคิดอยู่นานแต่ก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ จึงยอมลุกไปอาบน้ำดีกว่าทนใส่ชุดที่ไม่มีความปลอดภัยเอาเสียเลย "ได้ข่าวหรือยังว่าพวกมันเป็นใคร" พอออกมาจากห้องมาเฟียหนุ่มก็รีบถามเลขาฯ คนสนิททันที "รู้แล้วครับนาย" โยเซฟรีบลุกขึ้นยืนพลางตอบน้ำเสียงเคร่งขรึม "รับรองว่าเจ้านายจะต้องไม่ถูกใจข้อมูลที่ผมเพิ่งได้มาแน่" ลูก้าถึงกับชะงักก่อนจะกดเสียงถาม "ฝีมือใคร" "พวกเดียวกับเมื่อคืน พวกเรด สแปร์โรว์ครับ" "ว่าไงนะ!" มือที่กำลังถือแก้วเครื่องดื่มถึงกับต้องรีบวางลง "พวกเรด สแปร์โรว์ครับ ไม่รู้ว่าเธอไปเกี่ยวข้องกับคนพวกนั้นได้ยังไง" น้ำเสียงของโยเซฟค่อนข้างเครียด "ขืนเธอยังอยู่กับเราต่อไป อาจจะเป็นการเสี่ยงเกินไปนะครับ" เป็นที่รู้กันดีว่าเรด สแปร์โรว์ คือกลุ่มค้ายาเสพติดรายใหญ่ เป็นที่หมายหัวของตำรวจทั้งในประเทศและตำรวจสากล มีอิทธิพลและกำลังคนพร้อมอาวุธมากขนาดไหน แล้วเธอที่เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรกจะไปยุ่งเกี่ยวกับพวกนั้นได้อย่างไร แต่แล้วลูก้าก็นึกถึงเรื่องที่หญิงสาวเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ ซึ่งถ้าเป็นเรื่องจริงก็แสดงว่าพวกนั้นกำลังตามล่าผิดคน "เสี่ยงก็เสี่ยง เป็นไงเป็นกัน หรือนายจะให้ฉันปล่อยเธอออกไปเสี่ยงตายข้างนอกคนเดียวล่ะ" "ก็...ก่อนหน้านี้เจ้านายยังบอกว่าคนหัวดื้อและรั้นแบบนั้น..." "นั่นมันก็ส่วนตอนนั้น ตอนนี้ก็ส่วนตอนนี้ นายจะพูดเรื่องเก่าให้มันได้อะไรขึ้นมา ต่อไปนี้จัดคนตามประกบเธอทุกฝีก้าว ไม่จำเป็นอย่าให้ก้าวออกจากคอมเพล็กซ์ได้แม้แต่ก้าวเดียว เพราะถ้าเป็นอย่างที่เธอเล่าแสดงว่าพวกนั้นกำลังตามล่าผิดคน ส่วนคนที่พวกมันกำลังตามหาอยู่อาจจะเป็นสายให้ตำรวจก็ได้ถึงกัดไม่ปล่อยแบบนี้ และดูเหมือนพวกมันต้องการจะจับเป็น ฉะนั้นยกระดับความปลอดภัยให้มากขึ้น ตรวจทุกคนที่เข้าออกคอมเพล็กซ์อย่างเข้มงวด" "ครับ แล้วผมจะสั่งคนจัดที่พักบนเพนต์เฮาส์ไว้ให้เธอ" ลูก้ายิ้มมุมปาก "สมแล้วที่นายเป็นคนสนิทของฉัน พวกนายพักผ่อนเถอะ" ว่าแล้วร่างสูงก็กลับเข้าไปในห้อง ซึ่งเมลินที่อาบน้ำเสร็จกำลังก้าวขาออกมาจากห้องน้ำพอดี เขาเห็นว่าเธอเดินกะเผลกๆ จึงรีบปรี่เข้าไปช่วย "ให้ผมช่วยดีกว่า" ท่อนแขนแข็งแรงช้อนร่างบางขึ้นมาเพื่อจะพาไปทำแผลที่เก้าอี้ "เอ่อ...ฉันเดินเองก็ได้" เมลินรู้สึกว่าพักนี้จะถูกชายแปลกหน้าอุ้มบ่อยเกินไปแล้วจึงรีบหาทางลง "ให้เดินเองแล้วเมื่อไหร่จะถึง" เขาถามพลางจ้องหน้าเธอใกล้ๆ ส่งผลให้คนในอ้อมแขนถึงกับใจเต้นตึกตัก เมื่อเห็นว่าเธอไม่ว่าอะไร เขาจึงเดินไปที่เก้าอี้แล้ววางร่างนุ่มๆ และหอมกลิ่นสบู่จางๆ ลงที่เก้าอี้ แล้วเอื้อมมือไปหยิบกล่องปฐมพยาบาล "จริงๆ ฉันทำเองก็ได้นะ" เธอรีบท้วงเมื่อเขาดึงมือไปจะทายาตรงฝ่ามือให้ "นั่งเงียบๆ ไปเถอะ" เขาช้อนตาขึ้นมองเล็กน้อยก่อนจะหลุบลงมองหาหลอดยา "เมื่อคืนคุณไม่รู้สึกตัวก็เลยไม่แสบตอนแม่บ้านทายาให้ แต่ตอนนี้ทนเอาหน่อยแล้วกัน" แล้วเขาพูดไม่ทันขาดคำ เธอก็ร้องขึ้นมา "โอ๊ย! ซี้ด...แสบๆๆ" "ก็บอกแล้วไงว่าให้ทนเอาหน่อย ร้องเป็นเด็กไปได้ อายุเท่าไหร่กันเนี่ย" แม้น้ำเสียงจะดุแต่มาเฟียหนุ่มก็ยกมือบางขึ้นมาเป่าให้ ยิ่งทำให้หัวใจของเมลินเต้นแรงและดังยิ่งกว่าเพลงร็อก ลมอุ่นๆ ที่รินรดฝ่ามือเหมือนไฟจุดให้ใบหน้าของหญิงสาวร้อน ก่อนจะลามเลียไปทั้งตัวจนลืมความแสบไปเลย จากนั้นร่างสูงก็ขยับลงไปนั่งกับพื้นเพื่อจะทำแผลที่หัวเข่าต่อ โดยการดึงขาของเธอไปวางที่ตัก เมลินอดคิดในใจไม่ได้ว่าเขาทำแผลได้คล่องแคล่วขนาดนี้ คงเคยทำให้สาวๆ มาอย่างโชกโชน แล้วปากก็ไวเท่าความคิด "คุณคงจะทำแผลให้สาวๆ บ่อยละสิท่า" แล้วเสียงทุ้มก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว "ผมไม่เคยทำให้ใคร" "อ๋อ...ฉันเป็นคนแรกน่ะสินะ น่าภูมิใจตายล่ะ" หญิงสาวพึมพำเป็นภาษาไทย มาเฟียหนุ่มจึงเงยหน้ามามองเธอ "ครั้งที่สองแล้วนะที่คุณตั้งใจพูดไม่ให้ผมฟังรู้เรื่อง ด่าหรือนินทาอะไรผมอยู่" "เปล่านี่ ก็แค่บ่นกับตัวเอง" เป็นจังหวะเดียวกับที่ดวงตากลมโตหลุบลงมองเขาเหมือนกัน ทำให้ทั้งสองคนประสานสายตากันโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็เป็นเธอที่เลื่อนสายตาเลี่ยงไปทางอื่น ลูก้ายิ้มมุมปากน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงเคร่งเครียด "ไอ้พวกนั้นคงไม่รามือง่ายๆ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง ควรอยู่ใกล้ๆ ผมจะดีที่สุด เผื่อเกิดอะไรขึ้นผมจะได้ช่วยเหลือได้ทัน" "แล้วคุณจะไม่เดือดร้อนเพราะฉันไปด้วยเหรอ" แล้วคุณจะไม่เดือดร้อนเพราะฉันไปด้วยเหรอ... มาเฟียหนุ่มทบทวนคำพูดนั้นอยู่ในใจ ก่อนจะข่มความรู้สึกแปลกๆ ที่แล่นปลาบเข้ามาในใจ "คุณเป็นห่วงผมหรือไง" "ไม่ได้ห่วง แค่ฉันไม่อยากทำให้คุณเดือดร้อนก็เท่านั้น" เมลินพยายามทำเสียงให้เรียบที่สุด "แล้วแต่คุณจะพูดเถอะ แต่ผมจะตีความเอาว่าคุณเป็นห่วงผมก็แล้วกัน" "เอ้า! ก็บอกว่าไม่ได้ห่วงๆ พูดไม่รู้เรื่องหรือไง" หญิงสาวเถียงขาดใจเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเข้าใจผิดๆ คิดว่าเธอเป็นห่วงจริงๆ "โอเคๆ ไม่ได้ห่วงก็ไม่ได้ห่วง พอใจหรือยัง" เขาถามพลางเก็บยาใส่กล่องปฐมพยาบาลไว้ตามเดิมเมื่อทำแผลให้คนเจ็บเรียบร้อยแล้ว "อืม ขอบคุณที่ทำแผลให้ด้วย ว่าแต่เรากำลังไปมิลานจริงๆ เหรอ แล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้กลับโรม ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว อยากกลับบ้านเร็วๆ" เมลินปั้นสีหน้าจริงจังขึงขัง ทำเอาคิ้วเข้มของอีกฝ่ายขมวดเข้าหากัน "คุณรีบกลับขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วเรื่องตามหาแม่ล่ะ หรือว่ามีคนรักรออยู่" เห็นท่าทีรีบร้อน มาเฟียหนุ่มเลยลองเลียบๆ เคียงๆ ถามดู เมลินนิ่งเงียบไปสักพัก สีหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก ใช่! เธอลืมจุดประสงค์ของการมาที่นี่ไปแล้วเพราะหลายอย่างประเดประดังเข้ามาพร้อมกันโดยไม่ทันตั้งตัว เขาเห็นเธอเงียบไปก็แอบพิจารณาใบหน้าเนียนใสซึ่งไร้การแต่งแต้มใดๆ ดวงตากลมโตล้อมด้วยแพขนตาดกยาว เส้นผมดำเป็นมันยาวสยายเต็มกลางหลังอย่างเพลินตา ในใจก็รอลุ้นคำตอบไปด้วยว่าเธอจะมีคนรักแล้วหรือยัง "แม่ฉันก็อยากเจอ แต่ตอนนี้ฉันอยากกลับไปหายายมากกว่า ป่านนี้แม่อาจจะกำลังมีความสุขอยู่กับสามีก็ได้ แต่ยายไม่สบาย ยายอยากเจอแม่เป็นครั้งสุดท้ายเลยยอมใช้เงินที่เก็บออกมาทั้งชีวิตให้ฉันมาตามหาแม่ที่นี่ ถ้าฉันกลับไปโดยไม่เจอแม่ ยายจะต้องผิดหวังมากแน่ๆ แต่ถ้าฉันตามหาแม่ต่อไปฉันก็ต้องตายเหมือนกัน" "ผมจะช่วยคุณเองทั้งเรื่องตามหาแม่และเรื่องความปลอดภัย รับรองว่าคุณได้พาแม่กลับไปหายายแน่นอน" มือใหญ่ตบลงบนไหล่บางเชิงปลอบใจ "ว่าแต่เหตุผลแค่นี้ใช่ไหมที่คุณอยากกลับเมืองไทยเร็วๆ"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD