ปานรวีจอดรถถัดไปจากประตูบ้านของเอรินเล็กน้อย จอดรถแล้วเริ่มลังเลและถามตัวเองว่า มาทำไม มาเพื่ออะไร ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้คิดที่จะติด ต่อไปหาเธอเลย ภาพรอยยิ้มสวยๆ เมื่อหลายวันก่อนที่เอรินไปวิ่งกับสาวสวยที่มีรอยยิ้มและแววตาสดใสนั้นกลับเข้ามาในความคิดอีกครั้ง อันที่จริงถึงแม้จะผ่านมาหลายวันแล้วก็ตาม ภาพนั้นก็ยังคงอยู่ในความคิดตลอดเวลาเลยก็ว่าได้ จนกระทั่งถึงกับคิดเอาเองว่าสิ่งดีๆ ที่เอรินทำนั้น อาจจะเป็นอัธยาศัยที่ดีหรือความน่ารักที่เอรินมีให้กับทุกคนก็ได้
“พี่ป๊อบ” เอรินได้ยินเสียงกดออดที่หน้าบ้าน เสียงหัวเราะที่ดังอยู่นั้น ทำให้คนที่กดออดไปเมื่อสักครู่รีบหันหลังทำท่าจะเดินกลับไปที่รถ แต่เอรินเรียก เอาไว้ก่อน
“มาถึงแล้ว ไม่เข้าบ้านก่อนหรือคะ” เอรินถามและยิ้มน้อยๆ ให้คนที่ไม่ยอมมองสบตาด้วย
“พี่ไปร้านนิ่มมา ซื้อขนมมาฝาก” ปานรวีส่งถุงขนมให้เอรินที่ยิ้มๆ และจับมือปานรวีเอาไว้เจ้าตัวขืนตัวเล็กน้อย
“เข้าบ้านก่อนนะคะ นะ” เอรินกระชับมือที่จับปานรวีให้แน่นขึ้นอีก
“แต่อ๋อมมีแขก” ปานรวีเห็นผู้หญิงที่เดินตามเอรินออกมา จึงรีบดึงมือออกจากการเกาะกุมในทันที
“อ๋อมมีแขก เรากลับบ้านก่อนนะ” กานดาบอกเอรินที่ยิ้มน้อยๆ ให้
“ขอบคุณนะ กานดา”
“จ๊ะ” กานดายิ้มให้เอรินและยิ้มให้ปานรวีด้วยเช่นกัน ปานรวีมองตามกานดาที่เดินไปยังบ้านข้างๆ
“เข้าบ้านก่อนนะคะ พี่ป๊อบ” เอรินมองด้วยแววตาที่ปานรวีรู้ได้เลยว่า อย่างไรเสียตัวเองคงใจอ่อนยอมตามเข้าไปอย่างง่ายดาย และยังมือที่ยื่นมาตรงหน้านั่นอีก
“เดินเองได้ไม่ต้องจับมือหรอก” เอรินยิ้มน้อยๆ เมื่อได้ยินสิ่งที่ปานรวีพูดออกมา
ปานรวีนั่งเงียบไม่ได้พูดอะไร เอรินนำน้ำเย็นมาวางให้พร้อมกับขนมที่ปานรวีซื้อมาฝาก น่าแปลกเพราะความเงียบของปานรวีได้สร้างความกังวลใจให้กับเอรินโดยเจ้าตัวคงไม่รู้ตัว
“พี่ป๊อบ สบายดีนะคะ”
“ค่ะ” ปานรวีตอบเพียงสั้นๆ
“ตอบได้เป็นพิธีรีตองมากค่ะ อ๋อมแอบดีใจนะ ตอนเห็นพี่ป๊อบนึกว่า พี่ป๊อบคิดถึงอ๋อมเสียอีก” เอรินพูดเสียงอ่อยๆ ก้มหน้าเล็ก
น้อย ไม่ยอมมองสบ ตากับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่ก็เบี่ยงตัวหันหน้ามาทางปานรวี
“แสดงว่าไม่มีใครคิดถึงพี่สินะ ถึงไม่มีใครไปหาที่บ้านเลย” ปานรวีพูดเสียงเรียบ
“อ๋อมกลัว” เอรินบอกและเงยหน้ามองสบตากับปานรวี
“กลัวอะไรกัน”
“กลัวเวลาอยู่ใกล้ๆ พี่ป๊อบ” เอรินพูดงึมงำอยู่ในลำคอ แต่คำพูดนั้นทำให้ปานรวียิ้มน้อยๆ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“ทำไมพี่น่าจะอยู่ห่างๆ อย่างนั้น หรือคะ” ปานรวีถาม
“เปล่าค่ะ ที่ว่ากลัว เพราะอยู่ใกล้แล้วรู้สึกดีๆ ด้วยตลอด กลัวว่า วัน
หนึ่งจะรู้สึกดีมากกว่าคำว่า มิตรภาพ” เอรินบอกพร้อมด้วยรอยยิ้มจางๆ และเงยหน้ามามองสบตากับปานรวีที่มีน้ำตาคลอให้เห็น
“พี่กอดอ๋อมได้ไหม” ปานรวีถามพร้อมด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้จะมีน้ำตาคลออยู่ก็ตามที
“กอดได้ แต่ห้ามร้องไห้นะคะ” เอรินยิ้มกว้างมากขึ้นและขยับเข้าไปกอดกระชับปานรวีเอาไว้แนบแน่น
“คิดถึงจะแย่แล้ว”
“เหมือนกันค่ะ” เอรินบอกและกอดกระชับปานรวีให้แน่นขึ้นอีก
“ไหนเงยหน้ามาให้ดูหน่อย ถ้าเห็นแววตาจะได้รู้ว่าพูดจริงหรือเปล่า” ปานรวีเชยคางเอรินที่ยิ้มๆ อยู่เล็กน้อย แววตาที่สดใสขึ้นนั้น ทำให้ปานรวีรู้สึกมีความสุขมากขึ้น ริมฝีปากเรียวบางสีแดงๆ นั้น ทำให้ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว รู้สึกอุ่นใจอย่างน่าประหลาด เมื่อได้จ้องมองดวงหน้าของเอรินใกล้ๆ ทั้งๆ ที่ไม่เคยจะจ้องมองแบบนี้มาก่อน
“แววตาอ๋อม บอกอะไรพี่ป๊อบบ้างคะ” เอรินถาม
“อยากกินขนมที่พี่ซื้อมาฝาก”
“อันนั้นก็ดูตะกละไปนะคะ ถามจริงๆ ค่ะ เห็นอะไรบ้าง” เอรินยิ้ม
“ไม่เห็นอะไรเลย” ปานรวียิ้ม แล้วทาบทับริมฝีปากสั่นระริกของตัวเองไปที่ริมฝีปากอุ่นๆ ของเอริน ซึ่งปานรวีคิดว่า อีกฝ่ายอาจจะขยับออกห่าง แต่กลายเป็นว่า กลับเบียดให้แนบชิดจนคนที่จูบก่อนรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที
“เพราะแบบนี้ไงคะ อ๋อมถึงไม่กล้าไปหา” เอรินถอนริมฝีปากออกแล้วบอกกับปานรวีที่รู้สึกอายกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“พี่ก็มาหาอ๋อมแล้วไงล่ะ”
“อ๋อมไม่อยากทำให้พี่ป๊อบเสียใจเลยนะคะ” เอรินบอกและเข้าสวม กอดปานรวีเอาไว้
“เสียใจมาตั้งหลายวัน คุณหมอแถวนี้ไม่เห็นจะสนใจ กอดปลอบให้หายด้วยนะ” ปานรวียิ้มน้อยๆ และหวังว่าเอรินจะยิ้มอยู่เช่นกัน
“เหมือนผู้กอง งอแงนะคะ จะกอดไม่ยอมปล่อยเลยล่ะ” เอรินยิ้ม
“พี่รู้นะว่าพี่เห็นแก่ตัวที่คว้าความสุขเอาไว้ ทั้งๆ ที่วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ แต่พี่อยากกอดอ๋อมนะ อยากให้อ๋อมกอด แล้วร้องเพลงกล่อมนอน ชอบริมฝีปากบางๆ เมื่อกี้นี้ด้วย” ปานรวียิ้มอายๆ เมื่อคนที่คลายอ้อมกอดออกเปลี่ยนมาจ้องมองไปในดวงตาของเธอแทน
“ริมฝีปากสั่นนิดๆ น่ารักจะตายไปค่ะ” เอรินบอก เอานิ้วชี้แตะเบาๆ ไปที่ริมฝีปากของคนที่ยิ้มอายๆ อยู่
“ก็กลัวคนแถวนี้จะเย็นชาใส่น่ะสิ”
“เย็นชามากเลย เอาหมอนที่พี่ป๊อบหนุนนอน มากอดจนหลับไปทุกคืนเลยค่ะ” เอรินบอก
“คิดจะบอกบ้างไหมว่ารู้สึกอย่างไร”
“ไม่กล้าบอกกลัวพี่ป๊อบโกรธ พี่ป๊อบดูนิ่งๆ เหมือนจะเอ็นดูแบบน้อง” เอรินยิ้มจางๆ ก้มหน้าเล็กน้อย
“ก็ยังเป็นน้องอยู่นะ”
“น้องก็น้องค่ะ ตามอ๋อมมานี่เลย” เอรินฉุดปานรวีให้ลุกเดินตามขึ้นไปชั้นบน ซึ่งปานรวีก็เดินตามไปอย่างว่าง่าย
“พี่สาวไม่จูบน้องแบบพี่ป๊อบนะคะ รู้หรือเปล่า” เอรินพูดขึ้น เบียดตัวเข้าหาปานรวีที่ถอยร่นจนหลังชิดติดกำแพง
“ไม่เห็นรู้เลย” ปานรวีพูดเสียงเข้ม ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ยังจะมายั่วอีกนะคะ”
“พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ หมอคิดไปเอง”
“ก็ได้อ๋อมคิดไปเอง งั้นอ๋อมจูบพี่ป๊อบได้ แต่พี่ป๊อบคงไม่จูบตอบเนอะ” เอรินยิ้มน้อยๆ และเริ่มสัมผัสริมฝีปากที่สั่นระริกของ
ปานรวีที่ไม่จูบตอบทำเอาคนที่เริ่มจูบกอดรู้สึกใจแป้ว จนเกือบจะขยับออกแต่มือที่เริ่มเข้าไปสัมผัสที่เนินอกนั้นทำให้เอรินจูบปานรวีอีกครั้ง
ปานรวียิ้มน้อยๆ เมื่อถูกรุกเร้าด้วยริมฝีปากอันเรียวบางที่เริ่มไหลเรื่อย มาอ้อยอิ่งอยู่ที่ไหล่และบริเวณลำคอ สองสาวช่วยกันปลดตะขอเสื้อในของกันและกัน สัมผัสอันนุ่มนวลจากมืออุ่นๆ ที่คลึงเคล้าบริเวณเนินอกนั้น ทำให้ทั้ง เอรินและปานรวีหอบหายใจแรง เสื้อตัวนอกของปานรวีถูกถอดออกก่อนโดยที่เอรินดึงตัวของคนที่จ้องมองตาไม่กระพริบ แล้วเบียดตัวเองให้อีกฝ่ายล้มตัวลงนอนบนเตียง เอรินมองแววตาอันอบอุ่นของปานรวีที่เปลี่ยนไปไม่เหมือน กับทุกครั้งที่พบกัน บางครั้งก็มีความยั่วยวน เอรินยิ้มเพราะคิดว่า ตัวเธอเองนั้นอาจจะคิดไปเองก็ได้
“หมอยิ้มอะไร” ปานรวีพูดคล้ายดุเอริน
“ไม่บอกค่ะ” เอรินทาบทับไปบนเรือนร่างเปลือยเปล่าของปานรวีที่ทำให้รู้สึกร่างกายร้อนระอุ เมื่อจูบอันอ่อนโยนนั้นเริ่มร้อนแรงเสียจนเอรินคิดว่า ร่างกายอาจจะทนความร้อนแรงนั้นไม่ไหว โดยเฉพาะเมื่อโดนรุกเร้าโดยปานรวีพลิกตัว จูบไล่เรื่อยไปจนกระทั่งถึงบริเวณเนินอกที่แทบจะทำให้คนที่นอนบิดตัวไปมานั้นจะขาดใจ ปานรวีกลับมาจูบอ้อยอิ่งจนกระทั่งสบสายตาของคนที่มีแววตาหวานซึ้ง จนทำให้รู้สึกอ่อนแรงเพียงแค่แววตาที่จ้องมองมา เอรินยิ้มน้อยๆ และเริ่มรุกเร้าด้วยการจูบอย่างหนักหน่วง ปานรวีรู้ตัวเลยว่า หัวใจยอมโอนอ่อนผ่อนตามการหยอกล้อของเอรินที่พรมจูบไปทั่วเรือนร่าง เหงื่อเริ่มซึมออกมาเล็กน้อย เอรินหอบหายใจแรงหลังจากปานรวีพรมจูบอยู่ที่เนินอกอย่างอ้อยอิ่งและร้อนแรงสลับกันเนิ่นนานเจียนว่าจะขาดใจ เอรินดึงตัวปานรวีให้ขึ้นมาจูบที่ริมฝีปาก มืออันอบอุ่นที่คลึงเคล้าอยู่ที่เนินอกลดหลั่นเลื่อนลงไปจนทำให้ปานรวีชะงักงันเล็กน้อย ขยับตัวเพื่อตอบรับความรู้สึกดีๆ ที่เอรินมอบให้นั้นแทรกผ่านเข้าไปภายในเรือนร่าง ปานรวียิ้มน้อยๆ ยังคงจูบคนที่มีริมฝีปากที่แสนจะอบอุ่นและหอมหวาน ปานรวียิ้มทั้งที่ยังจูบอยู่ ร่างกายเอรินมีอาการกระตุกหลังจากโดนรุกเร้าแทรกผ่านความรู้สึกเข้าไปภายในเช่นกัน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างผู้หญิงสองคนที่ไม่มีอาภรณ์ใดๆ เลยสักชิ้นติดอยู่บนเรือนร่างมีเพียงความอบอุ่นที่หยิบยื่นความรู้สึกดีๆ ที่แฝงตัวอยู่ การกอดรัดจนสุดแรงนั้นเป็นการบอกถึงความสุขที่มีให้กัน เอรินไม่รู้ว่า ปานรวีไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนกอดไว้แน่นเสียจนแทบจะหายใจไม่ออก โดยลืมคิดไปว่า ตัวเองนั้นก็กอดปานรวีเอาไว้แนบแน่นสุดแรงเช่นกัน
“อย่ามายิ้มแบบนี้ ตอนนี้น่ะ” ปานรวีจูบแรงๆ ไปที่ริมฝีปากของเอรินที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทั้งใบหน้าและแววตา
“พี่ป๊อบน่ารัก” เอรินบอก แล้วจูบไปที่หน้าผากของคนที่ขยับตัวเอาใบหน้าแนบไปกับเนินอกของเอริน ซึ่งกอดกระชับเอาไว้
“ถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“ได้ค่ะ” ปานรวีเงยหน้าขึ้นมองสบตากับเอริน
“ทำไมพี่ไม่เคยรู้เรื่องกานดามาก่อน แน่ใจนะว่าแค่เพื่อนบ้าน”
“เพื่อนบ้านจริงๆ ค่ะ เอ๊ะว่าแต่ว่า ทำไมไม่ถามก่อนที่จะ” เอรินอมยิ้ม เมื่อเห็นปานรวียิ้มอายๆ แล้วหยิกเข้าที่แก้ม
“จะอะไรคะ” ปานรวีถามเสียงเข้ม
“หวงอ๋อม ใช่ไหมล่ะคะ” เอรินถามจ้องมองคนที่แกล้งทำท่าคิด
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่จำไม่ได้นะว่า ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น” ปานรวียิ้ม