ปานรวีกลับไปได้พักใหญ่แล้ว เอรินยังคงนั่งอยู่ที่บริเวณสนามหญ้าคิดถึงเรื่องที่ได้คุยกับนิมา แอบถอนใจอยู่หลายครั้ง เพราะไม่รู้ว่าเอาเข้าจริงในความรู้สึกดีๆ ที่ซ่อนอยู่นั้น จะก้าวไปไกลได้มากมายขนาดไหน เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น เอรินชะเง้อมองก็พบกับรอยยิ้มสวยๆ ของผู้หญิงคนหนึ่ง เอรินกำลังคิดว่าเป็นใครกันนะ
“สวัสดีค่ะ” เอรินทักทายขึ้นก่อน
“สวัสดีค่ะ กานดาค่ะ เพิ่งย้ายเข้ามาบ้านติดกันเห็นรถจอดอยู่เลยมาทักทายค่ะ” สาวผมยาวเรียบตรง เส้นผมดำขลับ พร้อมด้วยรอยยิ้มพูดแนะนำตัวเอง เอรินจึงยิ้มๆ และเปิดประตูให้เข้ามาภายใน
“เอรินค่ะ แต่เรียก อ๋อม ดีกว่า ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนบ้านใหม่นะคะ”
“ยินดีเช่นกันค่ะ แล้วนี่บัวลอยไข่หวาน ขนมสำหรับมาทำความรู้จัก อ๋อมทานขนมหวานหรือเปล่า” กานดาถาม รู้สึกกังวลเหมือนกัน เพราะจากรูปร่างที่ดูดี เอรินอาจจะไม่ชอบทานขนมก็ได้
“ชอบสิ ชอบทุกอย่างที่เป็นขนมเลยล่ะ” เอรินยิ้มอายๆ เมื่อสบตากับสาวตาโตที่มีแววตาสดใส
“จริงดิ ไม่น่าเชื่อเลยนะ หุ่นดีขนาดนี้”
“กินเข้าไปแล้ว ก็ชดใช้กรรมด้วยการวิ่งค่ะ กานดาชอบออกกำลังกายไหม” เอรินชวนพูดคุยด้วยการถาม
“ไม่ค่อยนะ” กานดาหัวเราะแหะๆ
“ไว้วันหยุด ไปวิ่งด้วยกันไหมล่ะ” เอรินเอ่ยชวน
“อ๋อมจะสอนเราใช่ไหม” กานดาถามยิ้มๆ
“อ๋อมก็วิ่งไปเรื่อยๆ นะ ไม่มีเทคนิคอะไร แค่พอเหงื่อออก”
“อ้อนึกว่าเป็นนักวิ่ง” กานดาอมยิ้ม
“ได้มีเวลาออกกำลังกายบ้างก็บุญแล้วล่ะ วันหยุดยังไม่ค่อยจะมีเลย” เอรินพูดบอก
“เหมือนกันเลย ถ้าขยันก็ทำงานเจ็ดวัน ถ้าขี้เกียจก็หยุดเจ็ดวัน”
“งานอะไรจะสบายขนาดนั้น ทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้” เอรินหัวเราะ มองดูคนที่นั่งยิ้มๆ รอยยิ้มสดใสนั้นพลอยทำให้เอรินยิ้มไปด้วย
“สอนศิลปะ” กานดาบอก
“สาวอาร์ต” เอรินยิ้มให้กับคนที่ยิ้มอายๆ
“แต่ไม่เหวี่ยงใครนะ เราปกติ ไม่อาร์ตมากขนาดนั้น” กานดาหัวเราะ เอรินก็เช่นกัน
“กานดาท่าทางอารมณ์ดีนะ แววตาดูมีความสุข” เอรินมองสบตากับคนที่จ้องมองอยู่เช่นกัน
“เห็นชัดขนาดนั้นเลย”
“ชัดมาก” เอรินยิ้มให้กานดา
“แต่อ๋อมแววตามีความกังวล เหมือนมีเรื่องไม่สบายใจเนอะ”
“เห็นชัดขนาดนั้นเลย” เอรินหัวเราะเมื่อเห็นกานดาทำคิ้วขมวด เมื่อได้ยินพูดทวนล้อประโยคเดียวกันออกมา
“ลอกเค้า ไปล่ะ มากวนนานแล้ว ว่างๆ เดินไปบ้านเราบ้างก็ได้นะ เราปลูกกล้วยไม้เหมือนกันมีสวยๆ อวดด้วยเหอะ” กานดา
อมยิ้ม เมื่อเห็นเอรินทำท่าชะเง้อมองไปทางบ้านของกานดา
“มีอวดด้วย ขอบคุณนะ กานดา ดีใจที่ได้รู้จักเพื่อนบ้านใหม่และสาวอาร์ตติสท์
“แล้วอ๋อมล่ะ ทำงานอะไร” กานดาถาม
“อ๋อมเป็นหมอ” เอรินอมยิ้ม เมื่อเห็นกานดาทำตาโตเหมือนไม่เชื่อ
“หมอที่ไหนจะชอบกินขนม” กานดาพูดขึ้น
“หนึ่งเดียวคนนี้ ใครๆ ก็ว่า เป็นหมอประสาอะไร ไม่รักษาสุขภาพ”
“พรุ่งนี้เช้าไปวิ่งไหม เราจะได้แคะตัวเองออกมาจากที่นอน” กานดาหัวเราะกับคำพูดของตัวเอง เอรินก็หัวเราะเช่นกัน
“ไปสิ แต่กานดาคงต้องขับรถไปเองนะ เพราะอ๋อมวิ่งแล้วจะเลยไปทำ งานไม่ได้กลับมาบ้าน” เอรินบอก
“รับทราบค่ะ เวลาล่ะคะ”
“หกโมงเช้าค่ะ ตื่นทันไหมคะ”
“อืม ถ้าพรุ่งนี้เช้าเห็นเราเดินอยู่หน้าบ้านก็แสดงว่า ตื่นทัน แต่ถ้าไม่เห็นอ๋อมไม่ต้องรอนะ เราน่ะ พวกขี้เกียจสันหลังยาว ไปล่ะ ทานขนมด้วยนะ อร่อยแน่นอน เรารับรอง” กานดาพูดจบก็รีบเดินจ้ำอ้าวไปในทันที
“ขอบคุณอีกทีนะจ๊ะ เพื่อนบ้านกานดา” เอรินอยากแกล้ง จึงตะโกนตามหลังไป กานดาจึงรีบวิ่งกลับเข้าบ้านไปทันที
“หมอบ้าอะไรว๊ะ จะน่ารักขนาดนี้” กานดายิ้มๆ มารดาส่ายหน้าเมื่อเห็นลูกสาววิ่งตึงๆ เข้าบ้านมา
เอรินเหลือบดูนาฬิกาก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ถอนใจเบาๆ เมื่อไม่มีข้อความ หรือสายโทรฯ เข้าที่ไม่ได้รับ เอรินยิ้มน้อยๆ มองผ่านบานหน้าต่างที่มีดอกกล้วยไม้ ซึ่งออกดอกสวยงามอยู่หลายชนิด
“สวัสดีค่ะ” ปานรวีรับสายและพูดขึ้น
“ถึงบ้านเรียบร้อยแล้วนะคะ” เอรินพูดเสียงอ่อยๆ
“ค่ะ”
“งั้นอ๋อมไม่กวนแล้วค่ะ” เอรินบอกยิ้มจางๆ อยู่ปลายสาย
“พี่โตแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงมากก็ได้” ปานรวีพูดเสร็จก็แอบถอนใจ
“อ๋อมเป็นห่วงอยู่เงียบๆ ก็ได้ค่ะ พี่ป๊อบไม่ต้องกังวล รู้ว่าพี่ป๊อบขับรถถึงบ้านเรียบร้อยก็ดีแล้วล่ะคะ อย่างน้อยตัวอ๋อมเองก็
สบายใจ ขอบคุณนะคะที่รับโทรศัพท์ สวัสดีค่ะ” เอรินวางสายไปในทันที
“เดี๋ยวอ๋อม” ไม่ทันเสียแล้ว ปานรวีถอนใจอีกครั้ง
“ส่งข้อความไปก็ได้ โทรศัพท์ไปรบกวนทำไมนี่ ไอ้อ๋อมเอ๊ย” เอรินพูดบ่นตัวเอง แต่แค่เพียงครู่เดียวสายเรียกเข้าก็ดังขึ้น
ตรัยโทรศัพท์มาเตือนย้ำเรื่องการไปพักผ่อนที่หัวหิน แต่เอรินพูดบ่ายเบี่ยงไป คนที่โทรฯ มาเอาชื่อปานรวีมาอ้าง โดยไม่รู้เลย
ว่า ปานรวีเพิ่งจะกลับ ไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมง ตรัยยังคงพูดออดอ้อนอยากให้ไปพักผ่อนด้วยกัน ชวนคุยอยู่พักใหญ่ ส่วนใหญ่ก็เรื่องราวเกี่ยวกับหัวหิน ตรัยรู้ดีว่า เอรินชอบทะเล ถึง แม้จะไม่ชอบลงเล่นน้ำสักเท่าไร แต่คุณหมอสาวชอบนั่งมองเส้นขอบฟ้าที่อยู่แสนไกลนั่งมองได้อยู่นานแสนนาน ตัวเอรินเองเคยสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงชอบมอง แต่ก็มีคำถามเกิดขึ้นในใจตั้งแต่เด็กจนกระทั่งโตว่า เส้นขอบฟ้าที่เรามองเห็นนั้นมันมีอยู่จริงหรือไม่
“ตกลงนะ คุณหมอ สัญญาว่าจะให้นั่งมองขอบฟ้าเงียบๆ ไม่กวน” ตรัยหัวเราะเล็กๆ ผ่านมาทางโทรศัพท์
“เสียมารยาทตายเลย แยกตัวไปอยู่คนเดียว ทั้งๆ ที่ไปกันตั้งหลายคน” เอรินพูดเสียงเข้มคล้ายดุตรัย
“ไปเถอะนะ พี่ป๊อบจะได้มีเพื่อนปกติไปกันพี่ป๊อบเป็นผู้หญิงคนเดียว ดื่มก็ไม่ค่อยดื่ม ถ้าอ๋อมไปพี่ป๊อบมีเพื่อนคงสนุกกว่าไปกับหนุ่มๆ นะ ว่าไหม” ตรัยพูดสรุป
“อืม เดี๋ยวพรุ่งนี้โทรฯ บอกนะคะ คุณนายแบบ แค่นี้นะ หิวแล้วไปหาไรทานก่อน” เอรินรู้สึกเหนื่อยอยากอยู่เงียบๆ
“ขอรับกระผม เออพรุ่งนี้โทรศัพท์คุยกับพี่ป๊อบเองแล้วกัน ตรัยมีถ่ายแบบทั้งวันเลย เผื่อว่าไม่สะดวกคุย ตกลงตามนี้นะจ๊ะ บ๊ายบาย คิดถึงนะครับ คุณหมอคนสวย” ตรัยวางสายไปแล้ว ไม่ทันที่เอรินจะได้พูดปฏิเสธเรื่องที่ตรัยจะให้โทรศัพท์ไปคุยกันปานรวี
“อีตาตรัย หาเรื่องให้จนได้สิน่า” เอรินบ่นพึมพำ
ทองทิพย์เดินยิ้มๆ มาหานิมา หลังจากออกกำลังกายเสร็จ นิมาเลือกที่จะไปว่ายน้ำและตอนนี้เปลี่ยนเสื้อผ้ายืนยิ้มรออยู่ที่ห้องทำงานของทองทิพย์แล้ว เจ้าของห้องเดินเข้ามาแกล้ง ทำท่าหมดแรงเหงื่อเต็มตัวไป นิมาอมยิ้ม เพราะรู้ว่าเป็นลูกอ้อนของคนรัก
“เหนื่อยขนาดนั้นเลยเหรอ” นิมาแกล้งถาม
“เหนื่อยสิคะ ดูเหงื่อสิ” ทองทิพย์พูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ
“รู้นะว่า อ้อนอยู่” นิมาหัวเราะเล็กๆ
“รู้อยู่แล้วว่ารู้ แต่ก็อยากอ้อน กอดได้ไหมเหงื่อเปียกขนาดนี้”
“ได้สิ เซ็กซี่ดีออก ทำอย่างอื่นก็ได้นะ” นิมาทำหน้าทะเล้น
“โห มีพูดชี้นำด้วยทำอะไรดีหนอ” ทองทิพย์ขยับเข้าใกล้และจูบนิมา
โดยที่ไม่ได้โดนตัวของคนที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามาตัวหอมแล้ว
“นิ่มรักทิพย์นะ” นิมายิ้มมองสบตากับคนที่ใบหน้าอยู่ห่างเพียงแค่คืบ คนที่ได้ยินยิ้มสวยๆ มองด้วยสายตาอ่อนหวาน
“หายเหนื่อยเลย ทิพย์อยากบอกรักนิ่มตลอดเวลาเลย เราสองคนไม่ ได้ทะเลาะกันมาหลายปีแล้วนะ ไม่น่าเชื่อ พี่ทัดยังบอกเลยว่า ดีใจที่มีนิ่มคอยดูแลทิพย์ ไอ้คนพยศกลายเป็นว่านอนสอนง่ายขึ้นมาทันทีไม่พูดจากวนๆ ใส่ พี่ทัดด้วยแปลกเนอะ” ทองทิพย์จูบนิมาอีกครั้งอย่างอ่อนหวานและอ่อนโยน
“ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ทิพย์นั่นแหละ กลัวหลานเอาเป็นแบบอย่างมากกว่าเป็นแบบดีๆ ให้หลานน่ะ ดีแล้ว เรื่องทะเลาะ เราก็ทะเลาะกันได้นะ ถ้าไม่เข้าใจกัน แต่มาทะเลาะกันสองคนที่บ้านเล็กดีกว่าเนอะ เลิกจูบยั่วนิ่มได้แล้วนะ เดี๋ยวก็ไม่ต้องอาบน้ำกันหรอกได้นัวเนียทั้งที่ตัวเหนียวๆ แบบนี้แหละ ดูสิมาจูบอ้อนอยู่ได้” นิมาอมยิ้ม เมื่อเห็นทองทิพย์มีรอยยิ้มที่มุมปาก
“ดีเลยจะจำไว้อ้อน จูบแบบนี้ชอบใช่ป๊ะล่ะ ไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมาอ้อนใหม่” ทองทิพย์ยิ้มๆ ทำท่าเหมือนจะเดินไป แต่ก็หันกลับมาหอมแก้มนิมาที่ตกใจเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มอายๆ แก้มแดงระเรื่อ มองตามคนที่รีบจ้ำอ้าวไปอาบน้ำ
“ร้ายจริงเชียว แค่นี้ก็รักจะแย่แล้ว” นิมาอมยิ้ม