คราวนี้คิมหันต์หัวเราะเบาๆ “พี่ก็พอมีฝีมือด้านนี้บ้าง ก็เลยมาช่วยสอนศิลปะเด็ก”
“จะอวดว่ามีความสามารถเยอะ” เธอเบ้ปากใส่เขา
“เปล่าครับ แค่น้องมุกไม่รู้ว่าพี่มีอะไรดีต่างหาก”
พราวมุกทำตาปริบๆ ไม่คิดว่าเขาจะเถียงเธอด้วยประโยคนี้ เล่นเอาเธอไปต่อไม่ถูก แต่พอนึกได้ว่าตัวเองถือจานขนมจีนอยู่ก็รีบพูดขึ้น
“ส่งตีนไก่มาให้มุกเดี๋ยวนี้นะ”
“ตีนไก่? อ้อ...เดี๋ยวพี่ตักให้” เขายิ้มขำท่าทางเอาแต่ใจของเธอแล้วตักตีนไก่ในหม้อใส่จานขนมจีนของพราวมุก
“มะเขือไม่กิน เอาเลือดไก่ด้วย” ไหนๆ ก็มีคนบริการแล้ว ก็ขอใช้งานหน่อยเถอะ
“อย่าเลือกกิน”
“ก็ไม่ชอบนี่ มันนิ่มๆอ่ะ เร็วๆ เอาเครื่องในด้วย หิวแล้ว”
“ได้แล้วๆ ไปนั่งตรงโน้นไป เดี๋ยวพี่เอาน้ำดื่มไปให้”
“มุกไม่ดื่มน้ำเย็นนะ”
“ทราบแล้วคุณหนู”
พูดออกไปแล้วคิมหันต์ก็นึกแปลกใจตัวเอง ปกติเขาไม่ใช่คนชอบพูดจาหยอกล้อกับใคร ถึงจะมีเพื่อนผู้หญิงที่สนิทกันประมาณหนึ่งแต่ก็ไม่เคยพูดจาแบบนี้ หรือเขาเห็นพราวมุกเป็นเหมือนน้องสาว แต่...ในใจก็บอกว่าไม่ใช่ ถ้าจะเรียกว่า ‘น้องสาว’ เขากลับใช้คำนี้กับพลอยดาวได้สนิทใจมากกว่า เขาโคลงศีรษะเล็กน้อย เดินไปหยิบขวดน้ำดื่มสองขวดแล้วตรงไปทางโต๊ะม้าหินที่พราวมุกนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“ขอบคุณค่ะ” ยังไงเขาก็มีน้ำใจหยิบน้ำมาให้ ไม่ขอบคุณก็เสียมารยาทไปหน่อย พราวมุกบอกกับตัวเองอย่างนั้น คิมหันต์แค่พยักหน้ารับแล้วเปิดขวดน้ำให้เธอ เขานั่งลงฝั่งตรงข้ามแล้วตั้งท่าจะกินขนมจีน
“เดี๋ยว!”
“ครับ?” มือที่จับช้อนอยู่ชะงักไปทันที “มีอะไรเหรอครับน้องมุก”
“นายจะนั่งกินตรงนี้เหรอ”
“แล้วจะให้พี่ไปนั่งที่ไหน?”
“ที่ว่างเยอะแยะไป ทำไมต้องนั่งโต๊ะเดียวกัน”
“แล้วทำไมนั่งโต๊ะเดียวกันไม่ได้”
“ก็...”
เหตุผลคือไม่อยากเห็นหน้า แต่จะพูดออกไปได้ไหมล่ะ
“กินเถอะ อีกครึ่งชั่วโมงก็ได้เวลาสอนเด็กๆ แล้ว ยังไงเราก็ทำงานด้วยกันอยู่ดี”
พราวมุกทำตาโตแล้วนึกขึ้นได้ เธอต้องเป็นล่ามภาษามือคู่กับวิทยากรที่มาสอนเด็กๆ วาดรูป เธอพูดอะไรไม่ออก เอาเถอะ รับงานมาแล้วนี่จะทำไงได้เล่า พราวมุกก้มหน้ากินขนมจีนในจานของตัวเองพลางใช้ปลายนิ้วไถหน้าจอมือถือ อ่านข้อความต่างๆ ทำเป็นไม่สนใจผู้ชายที่นั่งฝั่งตรงข้าม ซึ่งดูอารมณ์ไม่ดีนักที่เห็นเธอสนใจมือถือนั้นมากกว่าเขา และที่สำคัญ ทำไมเขาต้องหงุดหงิดด้วยก็ไม่รู้
“พอกินได้ไหมครับ น้องมุก-ครูคิม” ครูเอ็มเข้ามาทักทั้งสองคน
“อร่อยเลยค่ะ” พราวมุกยิ้มกว้าง และจานที่ว่างเปล่าก็ยืนยันได้ว่าอร่อยจริงๆ
“อีกสักสิบนาทีพอจะเตรียมตัวกันทันไหมครับ เด็กๆ ตื่นเต้นจะได้เรียนศิลปะกับครูคิมแล้ว”
คิมหันต์สบตากับพราวมุกเล็กน้อย ไม่ได้ยินหญิงสาวแย้งอะไรเขาก็พยักหน้ารับ ครูเอ็มยิ้มให้แล้วขอตัวไปรวมเด็กๆ ชายหนุ่มเป็นครูอาสาสอนศิลปะเด็กหลายครั้งแล้ว แต่เพิ่งได้ทำงานกับพราวมุกครั้งแรก ไม่รู้ว่าจะรับมือกับลูกสาวอาจารย์ที่ปรึกษายังไงดี
“เคยสอนเด็กที่พิการทางการได้ยินมาหรือเปล่า” พราวมุกถามพลางเก็บมือถือใส่กระเป๋าแล้วหยิบสมุดบันทึกออกมา ยังไงเธอก็ยังชอบจดอะไรต่อมิอะไรด้วยปากกาและกระดาษแบบนี้
“เคยครับ แต่คู่กับล่ามคนอื่น”
“ดีค่ะ” พราวมุกเงยหน้าสบตากับเขาด้วยท่าทีจริงจัง “ถ้างั้นคงไม่มีอะไรยาก นายพูดช้าๆ ชัดๆ เพราะเด็กบางคนสามารถอ่านปากได้ เวลาพูด พูดที่ละประโยค ฉันจะใช้ภาษามือสอนควบไปพร้อมกัน แต่จะทำได้ช้ากว่าที่นายพูด”
“เข้าใจแล้ว”
“โอเค. งั้นเราไปลุยกันเลย!”
‘ลุยกับอะไร’
คิมหันต์กลั้นหัวเราะ ฝาแฝดคู่นี้เหมือนกันแค่หน้าตาสินะ นิสัยตรงข้ามกันเลย เขามองหญิงสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้ เธอก้มๆเงยๆ เก็บของใส่กระเป๋าที่วางอยู่ข้างตัวแล้วเดินไปที่ห้องเวิร์คช้อป คิมหันต์เดินตามหลังแล้วขมวดคิ้ว เธอสวมเสื้อเชิ้ตผ้าลูกไม้สีครีมเรียบง่ายแต่กระโปรงพรีท ยาวเหนือเข่าเล็กน้อย ถึงจะไม่ได้สั้นอะไรนัก แต่เวลาเธอเคลื่อนไหวมันทำให้คนมองใจสั่นลุ้นระทึกว่าจะเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น ตอนยืนสอนคงไม่เป็นอะไร แต่ตอนที่ให้เด็กๆ นั่งวาดรูป ต้องก้มๆ เงยๆ ดูภาพกับเด็กๆ เขาเกรงว่า...
“น้องมุก”
“คะ” เธอหันมาตามเสียงเรียก
“น้องมุกมีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนหรือเปล่า”
“ทำไมคะ” เธอทำหน้างงแล้วก้มมองตัวเอง “ทุกทีเลิกงานแล้วมุกก็มาแบบนี้ ไม่เห็นเป็นอะไรนี่”
“เอ่อ...เสื้อคลุมล่ะ ไม่มีเหรอ”
“ใส่ทำไมคะ ร้อนจะตาย นี่ก็เสื้อแขนยาวแสนสุภาพแล้ว”
คิมหันต์อึกอักครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจถอดเสื้อเชิ้ตแขนยาวตัวนอกที่สวมอยู่ออกแล้วยื่นให้เธอ
“ทำไมคะ กระโปรงมุกเลอะเหรอ” เธอเอี้ยวมองด้านหลัง วันนี้ไม่ใช่วันมามากนี่นะ จะเลอะอะไรได้ล่ะ
เห็นเธอไม่ยอมรับ เขาก็หงุดหงิด เดินเข้าไปใกล้เอาเสื้อของเขาผูกเอวเธอไว้ อย่างน้อยก็ช่วยปิดด้านหลัง ขายิ่งขาวๆ เขาไม่อยากให้ใครเห็นขาสวยๆ ของเธอ
ว้อย! หงุดหงิดจริง!
พราวมุกตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ เธอตกใจที่จู่ๆ เขาก็ทำเหมือนโอบเธอแต่แล้วเขาก็แค่เอาเสื้อเชิ้ตมาผูกเอวไว้ คราวนี้ถึงเขาไม่พูดอะไร เธอก็พอใจความคิดของเขาแล้ว กระโปรงของเธอไม่ได้สั้นมากอะไรนัก แต่อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับการทำกิจกรรมที่ต้องก้มๆ เงยๆ ลุกๆ นั่งๆ นั้นแหละ
“ขอบคุณค่ะ... เด็กๆ รออยู่ เราไปกันเถอะค่ะ”
“ครับ”
คิมหันต์มองร่างเล็กที่เดินนำหน้าไปก่อน เสื้อของเขาอยู่บนเอวของเธอ แม้เธอจะหันขวับไปอย่างรวดเร็วแต่เขาก็ทันได้เห็นแก้มเนียนแดงระเรื่อ อืม...ผู้หญิงคนนี้ก็เขินอายเป็นอยู่เหมือนกันเหรอ แถมเวลาแก้มแดงก็น่ารักไม่น้อย
แย่แล้วคิมหันต์ อย่าบอกนะว่าตกหลุมรักลูกสาวอาจารย์ที่ปรึกษาเข้าให้แล้ว.
.......
เสื้อเชิ้ตลายสก็อตแขนยาวตัวใหญ่แขวนอยู่ในห้อง พราวมุกนั่งมองอยู่นานด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เสื้อตัวนี้คือเสื้อที่คิมหันต์ใช้ผูกเอวให้เธอ ถึงมันจะไม่ได้เลอะเทอะ แต่ก็เหมือนเธอใช้มันแล้วจะส่งคืนไปแบบนั้นก็ยังไงอยู่ แม้เขาไม่ติดใจอะไร แต่เธอคิดและคิดมากด้วยจนต้องขอเอากลับมาซักแล้วส่งคืนวันหลัง ซึ่งหมายความว่าเธอต้องเจอเขาอีก แต่ดูแล้วยังไงเธอก็ต้องเจอเขาอีกนั้นแหละ เพราะงานอาสาที่เธอรับปากครูเอ็มไว้ และเธอทำคอนเทนต์ในช่องยูทูปของตัวเองที่เกี่ยวกับผู้พิการทางการได้ยิน