เช้าวันรุ่งขึ้น มัลลิกาก็ต้องปวดหัวอีกรอบ เมื่อคุณวัลลภบอกว่าอยากให้เธอเข้าไปทำงานที่บริษัท เพื่อเรียนรู้งานเอาไว้ อันที่จริงตอนนี้เธอก็ทำงานที่เธอรักอยู่แล้ว นั่นคือการเป็นพยาบาล แต่จะให้เธอลาออกมาทำงานบริหารนั้น ดูท่าเห็นจะทำไม่ได้
“นะ ถือว่าทำเพื่อฉัน เดี๋ยวฉันจะให้เดลช่วยดูแล ไม่ต้องกลัวตาฟรานหรอก มันคงไม่กล้าทำอะไรคนที่อยู่ในฐานะแม่เลี้ยงมันแน่ ถือว่าเห็นแก่ฉันเถอะนะ”
มัลลิกาถูกต้อนให้จนมุม เธอเป็นคนใจอ่อนแบบนี้เสมอ จนต้องมาตกที่นั่งลำบากอยู่ตอนนี้ก็เพราะความใจอ่อนของเธอนี่แหละ
“แต่พริ้มขอเวลาหน่อยนะคะคุณท่าน พริ้มต้อง....”
“หึหึ ฉันให้คนไปจัดการเรื่องงานให้แล้ว พรุ่งนี้หนูพริ้มเข้าไปทำงานที่บริษัทได้เลย เรียนรู้ไปเดี๋ยวก็ทำเป็นเองแหละ”
มัลลิกาถึงกับถอนหายใจเมื่อลับร่างคุณวัลลภไปแล้ว แค่ทุกวันนี้เธอแทบไม่อยากก้าวออกจากห้องเพราะกลัวเจอฟรานซิสอยู่แล้ว แล้วนี่ยังจะให้ไปทำงานที่เดียวกันอีก แล้วอย่างนี้เธอจะทำยังไงดี
“เธอมาทำอะไรที่นี่”
เสียงฟรานซิสดังขึ้น เมื่อเดลโก้พามัลลิกาเดินเข้ามาในห้องทำงานของเขา แค่เห็นหน้าเธอที่บ้าน เขาก็แทบไม่เคยมองเพราะความเกลียด แล้วนี่เธอมาที่นี่ทำไม
“เมื่อวานนายไม่ได้ทานข้าวกับคุณพ่อน่ะสิ เลยไม่รู้ ต่อไปนี้พริ้มจะมาทำงานกับเรา และตำแหน่งก็คือเลขาของนาย”
เดลโก้พูดขึ้น ทำเอาทั้งมัลลิกาทั้งฟรานซิสถึงกับมองมาที่เดลโก้เป็นจุดเดียว มัลลิกานั้นรู้ว่าต้องมาทำงาน แต่ไม่นึกว่าต้องมาเป็นเลขาให้กับฟรานซิส ส่วนฟรานซิสนั้นแค่ได้ยินว่าหญิงสาวมาทำงานที่เดียวกันก็แทบจะไล่ตะเพิดหนีแล้ว แล้วนี่ให้มาเป็นเลขาของเขา แล้วเขาจะทำงานกับคนที่คิดว่าเกลียดแสนเกลียดแบบเธอได้ยังไง
“ฉันไม่ต้องการ แกเอามาจากทางไหนก็เอากลับไปทางนั้น”
เสียงกดให้ต่ำลงของฟรานซิสบ่งบอกว่าอีกไม่นานเขาจะระเบิดอารมณ์ออกมา ถ้ามัลลิกายังคงอยู่ในห้องทำงานของเขาแบบนี้
“โธ่ นายก็รู้นี่ว่าใครจะกล้าขัดคำสั่งท่านประธานใหญ่ได้....นายก็แค่ยอมให้เธอทำงานด้วยไง แล้วจากนั้นนายจะทำอะไรก็ไม่มีใครว่าเพราะเธอมาเป็นลูกน้องของนาย ดีกว่าไหมล่ะ”
เดลโก้พูดขึ้น ก่อนจะเดินมากระซิบใกล้กับหูของพี่ชายเพราะกลัวมัลลิกาจะได้ยิน ทำเอาฟรานซิสที่ตกหลุมพรางของน้องชายเริ่มเห็นด้วย
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ เป็นลูกน้องฉัน ห้ามมาสาย ห้ามขาด ห้ามลา แต่ตายได้...ออกไปได้แล้ว ให้พวกด้านนอกจัดโต๊ะให้ ส่วนนายก็ออกไป”
ฟรานซิสยอมให้มัลลิกาทำงานด้วย แต่ดูจากท่าทาง หญิงสาวคงไม่ได้อยู่อย่างสงบแน่นอน มัลลิการีบเดินออกมานอกห้องทำงานของเขา เพราะเธอเกือบหลุดด่าเขาออกมาอย่างสุดทนกับความร้ายของฟรานซิส แต่ก็ไม่ทำ เพราะเขาเป็นลูกชายของคุณวัลลภ ส่วนเดลโก้ก็เดินตามหลังหญิงสาวออกมา พร้อมกับชูสองนิ้ว บอกเป็นนัยๆว่าสู้ๆ
ฟรานซิสทำงานอย่างหนักเมื่อได้กลับมาที่นี่ ซึ่งก็ไม่ต่างกับที่ฝรั่งเศสเท่าไหร่ หนึ่งอาทิตย์แล้วที่เขาทำงานอย่างบ้าคลั่ง จนลืมเลือนเหตุผลที่ยอมกลับมาประเทศไทย จนกระทั่งวันนี้ งานทุกอย่างเริ่มเข้าที่ เข้าทางแล้ว
“คุณโซเฟีย เอางานที่เหลือเข้ามาให้ผมที”
ฟรานซิสยกหูโทรศัพท์ขึ้นพร้อมกับกรอกเสียงลงไป ก่อนจะวางสายทันทีโดยไม่ได้ฟังคนปลายสายเลยสักนิด ไม่นานงานที่เขาขอก็ถูกยกเข้ามา
“เอาวางไว้ตรงนั้นแหละ แล้วบริษัทที่จะเข้ามาประชุมบ่ายนี้ มารอรึยัง”
“เอ่อ คือ มารอเรียบร้อยแล้วค่ะ ส่วน....”
ตุ๊บ!!! ตุ๊บ!!!
เสียงหวานใสยังรายงานไม่จบก็ต้องหยุดชะงัก เพราะเมื่อฟรานซิสเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วเห็นว่าคนตรงหน้าไม่ใช่โซเฟีย เลขาที่ตามมาจากฝรั่งเศสของเขา แต่กลับเป็นมัลลิกา ภรรยาของบิดาเขาแทน ชายหนุ่มผลักเอกสารที่เธอเอาวางไว้ลงพื้นจนหมด ก่อนจะหันมามองด้วยสีหน้าเคืองๆ
“ใครบอกให้เธอเข้ามา ไสหัวออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้!”
เขาถามออกมา พร้อมกับไล่หญิงสาวให้ออกไปจากห้องทันที
“คือว่า วันนี้คุณโซเฟียลาป่วย ดิฉันเลยมาทำหน้าที่แทน ถ้าคุณต้องการอะไรคงมีแต่ดิฉันที่สามารถทำแทนคุณโซเฟียได้”
มัลลิกาเอ่ยออกมาเสียงเรียบ เมื่อเธอได้ทำอะไรผิด เขาจะมาเอาแต่ว่าเธอแบบนี้ได้ยังไง คนอะไรช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย เรื่องส่วนตัวก็คือเรื่องส่วนตัว จะเอามาปนกับเรื่องงานได้ยังไง
“และดิฉันคิดว่า ระหว่างเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน คุณคงแยกมันออก คุณเกลียดขี้หน้าฉัน ฉันก็ไม่ต่างกัน แต่ฉันจะทำงานของฉันให้ดีที่สุด ถ้าคุณไม่พอใจก็แจ้งคุณท่านได้เลย ขอตัวค่ะ”
หญิงสาวพูดออกมายาวเหยียดเพราะกลัวว่าจะโดนขัดจังหวะแล้วพูดต่อไม่ออก ส่วนเจ้าของห้อง ที่ยืนมองมาตาแทบถลนออกนอกเบ้านั้นได้แต่ยืนฟัง ไม่นึกว่าเมียใหม่ของบิดาจะปากเก่งขนาดนี้
“ปากดีนักนะ สักวันฉันจะทำให้เธอหุบปากไม่กล้าพูดมันเลยสักคำ ฮึ่ย ยัยบ้าเอ้ย นี่มาเป็นเลขาหรือเจ้านายวะ”
ฟรานซิสได้แต่ด่าตามหลัง เมื่อมัลลิกาเดินออกจากห้องเขาไปทันทีที่พูดจบ ส่วนมัลลิกาพอเดินออกมาได้ หญิงสาวถึงกับยกมือจับหน้าอกที่ตอนนี้ใจเธอเต้นรัวเร็วจนคิดว่า อีกไม่นานเธออาจช็อกได้ถ้ายังอยู่ในห้องนั้น เธอกลัวที่จะปะทะคารมย์กับคนปากร้ายแบบฟรานซิสมาตลอด จนวันนี้เธอทนไม่ไหวเลยพูดออกมายกใหญ่
“ฉันต้องการกาแฟ”
ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง ฟรานซิสก็โทรออกมาแล้วสั่งกาแฟ มัลลิกาเดินไปชงมาให้เขา ก่อนจะเอาเข้าไปเสิร์ฟ
เพล้ง!!!
“นี่มันน้ำเปล่ารึไงห๊ะ ไปชงมาใหม่ แล้วเก็บพวกนี้ไปด้วย”
ฟรานซิสโยนแก้วกาแฟลงพื้นทันทีที่ยกขึ้น แต่มัลลิกาแน่ใจว่ามันยังไม่ถึงปากของเขาแน่นอน หญิงสาวเดินมาเก็บแก้วที่แตก ก่อนจะเดินออกไป แล้วแจ้งแม่บ้านมาทำความสะอาด ฟรานซิสก็ไล่ออกมา เพราะเขาสั่งให้หญิงสาวทำไม่ใช่แม่บ้าน ส่วนมัลลิกาที่เดินกลับเข้ามาใหม่พร้อมกาแฟแก้วใหม่ก็ต้องแปลกใจที่พื้นยังสกปรกอยู่
“ฉันบอกให้เธอทำ ไม่ใช่แม่บ้าน วางไว้แล้วทำความสะอาดพื้นซะ”
ฟรานซิสยังสั่งออกมาไม่หยุด ก่อนจะยกแก้วกาแฟที่ยังร้อนๆอยู่โยนลงพื้น และพอดีกับที่มัลลิกากำลังจะนั่งลงทำความสะอาด น้ำกาแฟร้อนๆกระเด็นไปถูกแขนของหญิงสาวจนเธอรีบชักมือกลับพร้อมกับร้องออกมาอย่างตกใจ
“เลือด!!!”
มัลลิกาถึงกับตกใจกับเลือดที่กำลังไหลออกมาจากแขนของเธอ เพราะไม่ใช่เพียงน้ำร้อนที่โดนแต่กลับมีเศษแก้วกระเด็นไปโดนแขนของเธอด้วย ทำเอาฟรานซิสที่มองเห็นต่างตกใจไม่แพ้กัน
“สมน้ำหน้า เซ่อซ่าเองช่วยไม่ได้”
แต่ปากของเขากลับเอ่ยออกมาอีกแบบ ทำเอามัลลิกาถึงกับเหลืออด ยืนขึ้นแล้วเดินออกจากห้องของเขาไปทันที โดยไม่รู้เลยว่าฟรานซิสมองตามอย่างรู้สึกผิดนิดๆ เขาแค่คิดจะแกล้งไม่คิดให้เธอเจ็บตัวอย่างนั้น พอตกเย็น ชายหนุ่มคิดว่าจะแอบเดินไปดูคนเจ็บ แต่กลับพบแค่เก้าอี้ว่าง
“กลับแล้วเหรอ”
เขาเอ่ยออกมาอย่างแปลกใจ ก่อนจะเดินออกจากที่ทำงานไป เพราะมันเลยเวลากลับบ้านมาพักใหญ่ๆแล้ว พอกลับถึงบ้าน ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะมองหาร่างบางของมัลลิกา อยากรู้ว่าเธอเป็นหนักไหม เพราะเขามีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้เธอเจ็บ
“เมียคุณพ่อไปไหนซะละครับ”
คุณวัลลภที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ถึงกับลดมันลงแล้วหันมามองหน้าบุตรชายคนโตอย่างคาดไม่ถึงที่ฟรานซิสจะเอ่ยถามถึงมัลลิกา
“แกมีอะไรรึเปล่า”
“อ่าว ผมก็แค่ถามดู ปกติเห็นมานั่งบีบนวดกัน แล้ววันนี้ไปไหนซะละครับ”
“หึ ถ้าแกไม่รู้แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไง แกทำงานกับพริ้มนี่”
คุณวัลลภยอกย้อน ทำเอาฟรานซิสถึงกับชักสีหน้า เพราะยังคงไม่พอใจที่บิดาให้หญิงสาวเข้าไปทำงานที่บริษัท เพราะเขาคิดว่าคุณวัลลภหลงเมียจนขนาดจะยกหุ้นให้ ต่างจากเมียคนอื่นๆที่คุณวัลลภนั้นไม่ยอมให้ไปยุ่งเกี่ยวกับบริษัทเลยสักนิด
“ผมไม่เคยอยากรู้เรื่องของผู้หญิงคนนั้น คอยดูเถอะ ว่าเธอจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน”
ฟรานซิสพูดขึ้นก่อนจะเดินจากไป ทำเอาคุณวัลลภถึงกับส่ายหน้ากับความทิฐิของบุตรชาย เพราะถ้าฟรานซิสยอมเปิดใจสักนิด จะเห็นว่ามัลลิกานั้นทั้งสวยทั้งน่ารัก แถมยังเหมาะที่จะเป็นแม่ของลูกเสียยิ่งกว่าอะไร
“โอ๊ย!! ขอโทษค่ะ คุณ!!!”
มัลลิกาที่กำลังจะเดินออกจากห้องนอนของเธอ ถึงกับตกใจที่เดินชนกับใครก็ไม่รู้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง เจอเข้ากับคนที่เธอไม่อยากเจอเลยสักนิด ส่วนฟรานซิสรีบผลักร่างบางที่กอดอยู่ออกทันที พร้อมกับยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“เดินไม่ดู ไม่มีตารึไง”
เขาว่าเข้าให้ก่อนที่จะเดินหนีเข้าห้องของตนเองไป โดยมัลลิกาได้แต่มองตามอย่างไม่อยากจะเชื่อกับความไร้มารยาทของชายหนุ่ม แต่เธอก็ต้องปล่อยมันผ่านไป เพราะยังต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน
“เป็นอะไรของนายถึงชวนมาดื่มแต่หัววันเชียว”
“ก็แค่อยากเมา คลายเครียดพรุ่งนี้วันหยุดนี่ แกก็หยุด”
เดลโก้ถามขึ้น เมื่อเดินเข้ามานั่งอยู่ตรงข้ามพี่ชาย ซึ่งตอนนี้เวลาแค่สี่ทุ่มกว่าๆแต่พี่ชายของเขากลับชวนมาดื่ม สองพี่น้องนั่งดวลแก้วกันอย่างไม่มีใครยอมใครเพราะนานแล้วที่ไม่ได้ปลดปล่อยด้วยกันอย่างนี้ จนกระทั่งเริ่มคอพับเมื่อเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง
“นายขาบรถนา ฉานมาว ขาบม่ายด้ายยยย”
“เอิ๊ก ฉานก็มาว ขาบม่ายด้ายเหมือนกาน เอิ๊ก อื้อออออ”
เสียงคนเมาเกี่ยงกันว่าใครจะเป็นคนขับรถ เมื่อตอนนี้ทั้งสองต่างเมาแทบครองสติตัวเองไม่ได้อยู่แล้วจนบริกรที่ยืนคอยบริการอยู่รีบเสนออกมาว่าจะเรียกแท็กซี่ให้ ทำเอาสองพี่น้องถึงกับพยักหน้ายิ้มให้เพราะถือเป็นทางเลือกที่ดี เมื่อไปถึงบ้าน สองพี่น้องก็กอดคอกันร้องเพลงเดินเข้าบ้านไป ก่อนจะแยกย้ายกันเข้าห้องนอนใครห้องนอนมัน