เด็กเลี้ยงของไอศูรย์
ตอนที่6
[ผู้ปกครอง]
เปิดเทอมลุกส์ขับรถไปรับส่งตะวันฉายตามคำสั่งของไอศูรย์ เพราะบ้านอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยมากพอสมควร ถ้าขืนให้ไปกลับเองก็ห่วงถึงความปลอดภัย ถ้าจะให้บอดี้การ์ดเทียวรับเทียวส่งก็ยิ่งไม่เหมาะสม กับวัยของเธอที่กำลังสวยสะพรั่งอย่างน่ามอง
ตะวันฉายอยู่ในชุดนักศึกษา ที่มีผิวพรรณขาวนวลผ่อง ใบหน้าเนียนใสผิดกับตอนวันแรกที่เธอได้ก้าวเข้ามาอยู่ที่นี่อย่างลิบลับ
เด็กสาวในวันนี้สวยใสน่ามองยิ่งนัก ยิ่งยามที่เธออยู่ในชุดนักศึกษาที่รัดรูปพอดีตัว กับกระโปรงทรงสอบสั้นเหนือเข่า อวดเรียวขาที่เรียวสวย ก็ทำให้คนที่พบเห็นต้องหยุดชะงักและเหลียวมาโฟกัสที่เธอเป็นตาเดียวกัน
"ถึงแล้วครับสาวน้อย" ลุกส์หันมาพูดกับสาวน้อยที่นั่งคู่กับเขามาตลอดทาง ตั้งแต่ตะวันฉายได้ก้าวมาอยู่ที่นี่ ก็มีแต่ลุกส์ที่เธอได้นั่งเบาะหน้าคู่กับเขาตลอด ไม่ว่าเธอจะไปไหนไปทำอะไรก็มีแต่ลุกส์ที่เป็นเงาตามตัวเธอตลอดเวลาเช่นกัน จนทำให้ความผูกพันที่เขามีต่อเธอนั้นแน่นแฟ้นยิ่งกว่าสายเลือดเดียวกันเสียอีก
"พี่ลุกส์สวัสดีค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่คอยดูแลหนูมาตลอด" ตะวันฉายยกมือไหว้แล้วส่งยิ้มให้พี่ลุกส์ของเธอ
"ก็หนูเป็นน้องสาวของพี่ไง พี่ชายก็ต้องดูแลน้องสาวอยู่แล้วอย่าคิดมากนะ เข้าไปได้แล้วอย่าให้เพื่อนรอนานเข้าใจไหม" ลุกส์ยกมือลูบไล้บนศีรษะเล็กแผ่วเบาอย่างเอ็นดู ก่อนจะดันไหล่ให้สาวน้อยลงจากรถ
"เดี๋ยวเย็นพี่มารับนะ" ว่าจบก็เตรียมออกรถ ส่วนตะวันฉายก็เดินเข้ามหาวิทยาลัย
"เมย์รอตะวันนานไหม" ตะวันฉายเอ่ยถามเมยาวีที่ยืนรอรับเธออยู่หน้ามหาวิทยาลัย
"ไม่นานเลยเมย์เพิ่งมาถึงเหมือนกัน" เมยาวีเพื่อนสาวเอ่ยตอบ
สองสาวได้เลือกเรียนบริหารและได้อยู่ห้องเดียวกัน จึงทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แนบสนิทกันไวขึ้น ไม่ว่าจะทำอะไรทั้งคู่จะตัวติดกันตลอด ในเช้านี้เมยาวีจึงชวนเพื่อนสาวเดินเข้าไปในร้านมินิมาร์ทที่ตั้งอยู่ติดโรงอาหารของมหาวิทยาลัย เมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกาย แต่เธอดันลืมพกพาผ้าอนามัยมาด้วยนี่สิ
เมื่อได้ของตามต้องการสาวสวยจึงพากันเดินเข้าไปในร้านอาหารของมหาวิทยาลัย ตะวันฉายกับเมยาวีสั่งอาหารแล้วมานั่งทานด้วยกัน
แต่ความสวยโดดเด่นของตะวันฉาย ก็ทำให้หนุ่ม ๆ ในโรงอาหารหันมาสนใจเธอเป็นจำนวนมาก ถึงขั้นหนุ่มหล่อที่เป็นดาวของมหาวิทยาลัยอย่างกลุ่มของแทนไทน์ก็จ้องมองเธอตาไม่กะพริบเช่นกัน
"ไอ้ไทน์มึงจ้องน้องเขาตาไม่กะพริบเลยนะมึง" มาวินเอ่ยแซวเพื่อนที่เอาแต่จ้องมองสาวสวยไม่วางตา
"ถ้ามึงสนใจก็จีบเลยสิวะ" ไอคิวเอ่ยยุเพื่อนชายบ้าง
"เออ มึงก็ไปถามชื่อน้องเขาให้กูทีดิวะ" แทนไทน์หันมาบอกกับไอคิว
"เป็นกูอีกแล้วล่ะ คราวนี้ให้ไอ้วินได้ไหมกูไม่กล้าว่ะ แล้วมึงก็ถามเพื่อนน้องเขาให้ด้วยกูสนใจเธออยู่" ไอคิวได้แต่แอบมองเพื่อนสาวของอีกฝ่าย
ด้านตะวันฉายกับเพื่อนทานอาหารเสร็จก็พากันลุกเดินออกไปที่ตึกเรียน ทำให้หนุ่ม ๆ ได้แต่มองตามตาไม่กะพริบ
"สวยน่ารักมากเลยว่ะ" เสียงหนุ่มโต๊ะใกล้เคียงเอ่ยขึ้นเสียงดัง ทำเอาสาวสวยทั้งคู่หันมามองตามเสียงพร้อมกัน
"น้องชื่ออะไรเหรอครับ" มาวินเอ่ยถาม
ตะวันฉายได้แต่ส่งยิ้มอย่างผูกมิตรมาให้ ก่อนสองสาวจะพากันเดินจากไป
"กูก็ถามแล้วน้องเขาไม่ตอบวะ คนสวยก็แบบนี้เล่นตัวชะมัด" มาวินได้แต่บ่นงึมงำ แล้วมองตามร่างงามระหงที่เดินผ่านหน้าไปจนลับตา
พอเลิกเรียนรถของลุกส์ที่ออกมารับตะวันฉายได้แล่นเข้ามาจอดเทียบหน้าคฤหาสน์หรู สาวน้อยก้าวลงจากรถ ลุกส์ก็เลี้ยวรถกลับขับออกไปเลย สาวน้อยจึงเดินไปด้านหลังของตึกเช่นเคย ร่างเล็กเดินขึ้นบันไดไปเข้าห้องส่วนตัว วางสัมภาระลงบนเตียงนุ่ม ก่อนจะเดินลงมาชั้นล่างแล้วมาเข้าประตูครัว
“สวัสดีค่ะป้าภา” ตะวันฉายเข้ามาถึงก็ยกมือไหว้หญิงสูงวัยที่เธอให้ความเคารพรัก
“กลับมาแล้วเหรอลูก ทำไมไม่พักก่อน เพิ่งมาถึงก็เข้ามาช่วยป้าเลยรึไงเหนื่อยแย่สิลูก” ป้าภาที่เอ็นดูเด็กสาวได้แต่เอ่ยขึ้นอย่างห่วงใย
“หนูไม่เหนื่อยเลยค่ะ หนูอยากมาช่วยป้าแบ่งเบางานบ้างป้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
หน้าตึก
รถสปอร์ตหรูสีแดงสดได้แล่นเข้ามาจอดหน้าตึก ร่างสูงหุ่นดีของไวยกรณ์ได้ก้าวลงจากรถ หนุ่มหน้าตาดีที่มีเค้าโครงหน้าคล้ายคลึงกับไอศูรย์ได้เดินเข้ามาจนถึงด้านใน
ผ่องสาวใช้ที่กำลังดูแลความเรียบร้อยของห้องโถงอยู่ ถึงกับหยุดชะงักลงเมื่ออีกฝ่ายเข้ามากระแทกก้นลงบนโซฟาตัวยาวอย่างหงุดหงิด
“พี่ใหญ่ไปไหน” ไวยากรณ์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดุกระด้าง ทำเอาผ่องสาวใช้ถึงกับเลิ่กลั่กออกมา
“ฉันถามว่าพี่ใหญ่ไปไหน หูแตกรึไง คนใช้บ้านนี้เป็นไงวะ ฉันมานั่งหัวโด่อยู่ตั้งนานไม่มีใครเอาน้ำมาให้กินสักแก้ว” ไวยกรณ์ตวาดเสียงดังจนผ่องเองก็รับรู้ว่าอารมณ์คนพูดหงุดหงิดเพียงไหน
“เออ…นี่น้ำค่ะคุณเล็ก คุณใหญ่ไม่อยู่ออกไปข้างนอกยังไม่กลับนะคะ” ผ่องที่เคยเจอน้องชายของเจ้านายหนุ่มมาหลายครั้งแล้วก็จำได้
“แล้วไปไหน”
“ไม่ทราบค่ะ คุณใหญ่ไม่ได้บอกไว้” ผ่องได้แต่เอ่ยตอบไปตามความจริง เพราะวัน ๆ เจ้านายหนุ่มของบ้านก็กลับเข้าบ้านไม่เคยเป็นเวลาอยู่แล้ว
“มีอะไรที่คนใช้อย่างเธอทราบบ้าง” เสียงกระด้างยังเอ่ยต่อทำเอาผ่องมือไม้สั่นไปหมด
ไวยกรณ์ลุกขึ้นพรวดยืนขึ้นอย่างหัวเสีย แล้วเดินวนเป็นหนูติดจั่น ก่อนจะก้าวเท้าไปด้านหลังของห้องครัว ภาพที่ไวยกรณ์เห็นตรงหน้า เล่นเอาเท้าใหญ่ก้าวต่อไปไม่หยุด มือหนายกขึ้นตวัดร่างบางตรงหน้าที่สวยถูกใจเข้ามาแนบอก
“ว้าย!...” ตะวันฉายสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจสุดขีด ที่อยู่ ๆ ก็มีแขนแกร่งของใครที่ไม่รู้จักมาก่อนตวัดรัดร่างเธอเอาไว้แน่น
“นี่! ปล่อยนะ บอกให้ปล่อย” ร่างเล็กได้แต่ดิ้นรนเบี่ยงตัวหนีออกจากแขนแกร่ง แต่ไวยกรณ์ก็รัดร่างเธอแน่นขึ้นไม่ยอมปล่อยเหมือนกัน
“คุณเล็กปล่อยหนูตะวันเดี๋ยวนี้ อย่ามาทำรุ่มร่ามที่นี่นะคะ” ป้าภาที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ตกใจไม่น้อย
“เป็นแค่ขี้ข้าอย่าเสือก มีสิทธิ์อะไรมาห้ามวะ” ไวยกรณ์เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ เขาก็แค่เห็นของถูกใจก็แค่นั้นแล้วทำไมยายป้าแม่บ้านของพี่ชายต้องไม่พอใจด้วยวะ
“คุณเล็กป้าบอกให้ปล่อยหนูตะวันเดี๋ยวนี้ อย่ามาทำนิสัยแบบนี้ที่บ้านนี้นะคะ” ป้าภาที่เห็นว่าไวยกรณ์กำลังจะลวนลามสาวน้อย จึงเอ่ยห้ามปรามเพื่อเตือนสติอีกฝ่าย
“ทำไม? พี่ใหญ่หวงคนใช้ด้วยเหรอ ก็อย่างว่านะทั้งสวยทั้งเด็กขนาดนี้ พี่ใหญ่คงจะหลงน่าดู” ว่าจบจมูกโด่งเป็นสันก็เข้าจู่โจมแก้มเนียนใสทันที
จุ๊บ! จ๊วบ จ๊วบ!
พลั่ก!
“นี่นาย! อย่ามาทำเลว ๆ แบบนี้กับคนของฉัน” เสียงทุ้มกร้าวเอ่ยลอดไรฟัน อย่างอดกลั้นอารมณ์ไม่อยู่ จึงเสยหมัดกระแทกใส่ที่ใบหน้าหล่อเหลาของน้องชายไปหนึ่งที
“พี่ใหญ่ ต่อยหน้าผมแค่เพื่อจะปกป้องคนใช้เหรอวะ” ไวยกรณ์ที่โมโหเดือด กะอีแค่คนใช้เพียงคนเดียว พี่ชายถึงขั้นลงไม้ลงมือกับเขาเลยรึไง
“เออไง! นายจะได้ไม่กล้ามาแสดงกิริยาต่ำแบบนี้ที่บ้านฉันอีก”
“ดูพี่ใหญ่จะหวงเด็กคนนี้เหลือเกิน รึจะเก็บไว้กินเอง” น้องชายสวนกลับทันควันทำเอาไอศูรย์ขบกรามแน่น
“นายรีบออกไปซะ! แล้วไม่ต้องกลับมาเหยียบที่นี่อีก” ไอศูรย์เอ่ยเสียงขุ่น
“ไปก็ได้วะ แต่ผมไม่ยอมจบแน่” ไวยกรณ์สบถออกมา ก่อนจะก้าวเท้ายาว ๆ ออกไปขึ้นรถแล้วเร่งเครื่องเสียงดังลั่นหน้าบ้านก่อนจะออกรถไปอย่างฉุนเฉียว
ตะวันฉายได้แต่แหงนเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงใหญ่ตรงหน้า ที่โอบกอดร่างที่สั่นเทาของเธอเอาไว้หลวม ๆ คนนี้ใช่ไหมคือ ‘คุณใหญ่’ ที่เป็นเจ้าของบ้าน ทำไมเขาถึงเข้ามาในยามที่เธอหมดสิ้นหนทางทุกครั้งเลย คราแรกตะวันฉายนึกว่าคุณใหญ่ที่รับอุปการะเธอจะเป็นผู้ชายสูงวัยเสียอีกแต่ทว่ากลับตรงกันข้าม สาวน้อยร้อนผะผ่าวจิตใจว้าวุ่นไปหมด เมื่อตอนนี้ได้ตกอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของผู้มีพระคุณของเธอ
“เป็นไงดีขึ้นรึยัง” เสียงทุ้มที่เอ่ยถามอยู่ชิดริมหูเธอ ทำเอาร่างเล็กสะดุ้งเฮือกหลุดจากภวังค์
“เออ!...นะ…หนูดีขึ้นแล้วค่ะ…หนูต้องขอบคุณ คุณใหญ่มากนะคะ ที่ช่วยเหลือและรับอุปการะหนูให้ทุกสิ่งทุกอย่าง หนูไม่รู้จะตอบแทนคุณใหญ่อย่างไรดี” ตะวันฉายได้แต่ทำตัวไม่ถูก เธอเอาแต่ทำตัวเกร็งอยู่ในอ้อมแขนของผู้ปกครองของเธอ ไม่กล้าแม้แต่จะเบี่ยงตัวหนี
“เธอก็แค่เป็นเด็กดีตั้งใจเรียนก็พอ” เสียงทุ้มของไอศูรย์เอ่ยออกมา เล่นเอาคนฟังคิดตาม เธอจะเป็นเด็กดีและจะตั้งใจเรียนให้ได้เกรดเฉี่ยดี ๆ เช่นกันตะวันฉายได้แต่แอบให้สัญญาเขาอยู่ในใจ แต่ทำไมผู้มีพระคุณถึงไม่ยอมปล่อยวงแขนออกสักทีนะ
“เออ…คุณใหญ่ค่ะ…ช่วยปล่อยหนูก่อนได้ไหม” สาวน้อยได้แต่เอ่ยขึ้นเบา ๆ อย่างเกรงใจ
“อืม ฉันขอโทษ…ลืมไป” ว่าจบก็คลายวงแขนออก แล้วหมุนตัวเดินจากไป ตะวันฉายได้แต่มองตามร่างสูงใหญ่ของผู้ปกครองจนลับตา
“หนูตะวัน ตกใจมากไหม ดีนะเนี่ยที่คุณใหญ่กลับมาทัน” ป้าภาได้แต่เอ่ยขึ้น