ตอนที่ 1

2500 Words
“พี่ศีดานั่นใช่คุณสิปางที่เป็นนักแสดงและนางแบบชื่อดังหรือเปล่าคะ? หรือหนูตาฝาดไป ออร่านางกระจายมาก” อรรัมภา พนักงานแผนกธุรการ รีบวิ่งเข้ามาถามศศิดา หลังจากเห็นสาวสวยหุ่นดี ที่สวยจนไร้ที่ติ สวมชุดเดรสยาวสีฟ้าอ่อน เดินผ่านแผนกธุรการมายังห้องรองประธาน “ใช่จ้ะ” ศศิดายิ้มรับ แต่ไม่อธิบายต่อ “ข่าวลือในไอจีของนาง ที่เขียนแคปชั่นเป็นนัยๆ ว่ามีแฟนนอกวงการเป็นนักธุรกิจ จะใช่บอสหรือเปล่าคะ?” อรรัมภาพยายามซักไซ้หาข้อมูล สีหน้าอยากรู้อยากเห็นของคนตรงหน้าทำให้ศศิดาต้องหัวเราะออกมาอย่างขำๆ “พี่ไม่ค่อยสนใจข่าวในโซเชียลภาก็รู้” “ไม่รู้! หรือไม่บอก! แหมเดอะเบสเลขา เก็บความลับเสียมิดเชียว!” อรรัมภาแกล้งทำท่าสะบัดบ๊อบแล้วเดินออกไป ศศิดาอมยิ้ม ส่ายหน้าแล้วทำงานต่อศศิดา นันทิภาคย์ ทำงานในตำแหน่งเลขานุการรองประธานบริหารนี้มาสองปีแล้ว ภายใต้ชื่อบริษัทซีซีจี โฮลดิ้ง กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทการเงินและวางแผนการลงทุนยักษ์ใหญ่ระดับโลก แต่สาขาที่เธอทำอยู่นี้เป็นหนึ่งในเจ็ดสาขาย่อยจากทั่วโลก ผู้ถือหุ้นใหญ่จะเป็นตระกูลมหัทธนะกิตติ์ ซึ่งเป็นตระกูลผู้ทรงอิทธิพลในวงการธุรกิจการเงินและการลงทุน หลังรับปริญญาเธอก็มีโอกาสได้เข้าทำงานที่นี่ทันที เหตุเพราะมณีนุชเลขาคนเดิมจะลาออก เพื่อไปแต่งงานและใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศกับสามี บริษัทจึงเปิดประกาศรับสมัครเลขาใหม่ ทั้งมีประสบการณ์และเด็กจบใหม่ เพื่อมาฝึกงานหกเดือนก่อนที่เลขาคนเดิมจะครบกำหนดลาออก ศศิดารู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้รับเลือก เพราะมีผู้มาสมัครงานตำแหน่งนี้ราวๆ สองพันกว่าคน และทุกคนก็พกพาความสามารถ และคุณสมบัติที่ครบถ้วน ตามที่บริษัทต้องการทุกประการ สาเหตุที่มีคนจำนวนมากต้องการตำแหน่งนี้ เพราะทางบริษัทให้อัตราค่าจ้างสูงมาก เนื่องด้วยเป็นบริษัทใหญ่ อีกส่วนหนึ่งเกิดจากเสียงลือเสียงเล่าอ้าง ถึงรองประธานบริหารที่หล่อมากมหาศาล รูปร่างหน้าตาของเขาเหมือนเป็นกับดักหลอกล่อให้สาวๆ บางคนอยากจะลองเสี่ยงดวง สร้างตัวเองให้เป็นจุดสนใจ มากกว่าใช้ความสามารถในการทำงาน มณีนุชให้เหตุผลที่รองประธานเลือกศศิดาก็เพราะว่า เธอเพิ่งจะจบใหม่ อีโก้ยังน้อยสอนอะไรก็จะรับไว้ได้ทั้งหมด อีกทั้งเธอยังสามารถสื่อสารได้ถึงห้าภาษา เลยได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ ถึงแม้จะไม่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อนเลยก็ตาม แต่มณีนุชแอบกระซิบเบาๆ กับเธอว่า อันนั้นเป็นเหตุผลอ้างอิงในเชิงวิชาการ แต่ในความเป็นจริง ศศิดาเป็นเพียงคนเดียวจากผู้สมัครสองพันกว่าคนที่ไม่เน้นเรื่องการแต่งตัว และไม่ชายหูชายตาให้รองประธาน ศศิดาหัวเราะ เพราะวันนั้นเธอก็เห็นว่ามีผู้สมัครบางคนใส่กระโปรงสั้นมาก บางคนก็คว้านคอเสียกว้าง ซึ่งมณีนุชก็บอกอีกว่า บางคนแต่งสูทภูมิฐานคล้ายเลขาทรงประสิทธิภาพก็จริง แต่พอประจันหน้ากับท่านรอง ก็ถึงกับสติหลุด เขินอายจนทำอะไรไม่ถูกก็มีเหมือนกัน ราเมศวร์ มหัทธนะกิตติ์ นักธุรกิจหนุ่มอายุสามสิบห้าปี มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปปั้นสลัก ดวงตายาวรี ริมฝีปากบาง จมูกโด่ง ดูมีเสน่ห์คมลึกที่สามารถชวนให้ผู้หญิงทุกคนหลงใหล แต่เพราะความเอาจริงเอาจังอยู่ตลอดเวลาของเขา กลับทำให้ใบหน้านี้ดูเย็นชา และเฉยเมย ใครๆ ต่างก็พูดกันว่าเขาเป็นเสือร้ายในวงการธุรกิจ เพียงแค่เขากระดิกปลายนิ้ว ก็สามารถล้มธุรกิจขนาดกลางได้ เป็นบุคคลที่มากด้วยอำนาจ เป็นผู้ควบคุมเส้นทางด้านการเงิน ฉลาด และไร้น้ำใจ เขาไม่ค่อยเผยโฉมต่อสาธารณชนมากนัก ไม่เล่นโซเชียล ไม่มีข้อมูลส่วนตัวอื่นใดให้ค้นหา นอกเสียจากชื่อและนามสกุลที่มาจากตระกูลใหญ่เท่านั้น ที่สำคัญคือ เขามีตำแหน่งสูง หน้าตาดี แต่ก็ไม่เคยมีข่าวแปดเปื้อนเรื่องผู้หญิง ศศิดาตื่นจากภวังค์หลังจากเห็นสัญญาณกระพริบสีแดงจากเครื่องติดต่อภายใน เธอรีบคว้าโทรศัพท์และแท็บเล็ตแล้วเข้าไปด้านใน “คะ..ท่าน?” “คุณช่วยสั่งของว่างข้างล่างขึ้นมาให้หน่อย เอ่อ..เอาเป็นพวกเค้กโลว์ซูการ์ หรือคีโตดีครับ” เขาหันไปถามหญิงสาวที่นั่งตรงข้าม “แหม คุณราเมศวร์ ใส่ใจผู้หญิงดีจังเลยนะคะ รู้ด้วยว่าผู้หญิงกังวลอะไรที่สุด ฉันขอเป็นเค้กคีโตนะคะ รสอะไรก็ได้กับชานม ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวหันมาสั่งศศิดาเสียงหวาน ยิ้มยังหวานอีกด้วย เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบ “ท่านรองจะรับชาเขียว หรือกาแฟดีคะ?” “น้ำอุ่น” เขาตอบ ศศิดายิ้มรับนิดหนึ่งแล้วเดินออกมา แต่ไม่วายได้ยินเสียงตามหลัง “เลขาคุณราเมศวร์สวยจังค่ะ แถมหุ่นดีอีกด้วย สิอิจฉานะคะเนี่ย!” หญิงสาวหัวเราะ ทำให้ศศิดากลอกตามองบนก่อนจะปิดประตู นินทาระยะเผาขนเชียว อิจฉาหรือหึงกันแน่? “ศีดา บอสมีแขกไหม?” ศศิดาเงยหน้าขึ้นยิ้มรับ เมื่อเมธัส ผู้ช่วยฯของท่านรองเดินเข้ามาหา “มีค่ะ คุณสิปาง เพิ่งจะเข้าไปเมื่อสักครู่” “สิปาง? นักแสดงนั่นน่ะรึ?” เมธัสเลิกคิ้วสูง “ค่ะ ถ้ามีเรื่องด่วนคุณคงต้องส่งเป็นข้อความแทนแล้วล่ะค่ะ” “อืม งั้นขอยืมโต๊ะคุณหน่อย” “ฉันจะลงไปร้านเค้กคุณจะเอาอะไรไหม?” “ถ้าเลี้ยงก็โอเค” เขาหัวเราะ “ได้! ฉันเลี้ยงน้ำเปล่า” หญิงสาวพูดแล้วหันเดินออกไป เมธัสมองตามหลัง นึกเปรียบเทียบถึงวันที่เธอมาทำงานวันแรกกับตอนนี้ สมัยนั้นเธอมักจะใส่เสื้อผ้าหลวมๆ ไม่พอดีตัว แต่งหน้าเพียงตบแป้งให้พอมีนวล และทาเพียงลิปกลอสพอให้มีสีสันเท่านั้น แต่หลังจากโดนบอสเทศนาเรื่องการแต่งตัว และสั่งให้คุณมณีนุชเลขาคนเก่าเทรนก่อนลาออก จึงเห็นผลเหมือนวันนี้ หลังจากเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวใหม่แล้ว ทำให้หญิงสาวดูสวยสง่าขึ้น เพราะมีโครงหน้าที่สวยอยู่แล้ว แต่งหน้าเพียงเล็กน้อยก็ทำให้โดดเด่น ที่เพอร์เฟคไปกว่านั้นคือเธอมีหุ่นที่ดี เห็นส่วนโค้งส่วนเว้าชัดเจน ช่วงขาเรียวยาว ยิ่งใส่ส้นสูง ยิ่งส่งเสริมให้รูปทรงดูโดดเด่น ถึงแม้จะแต่งตัวเรียบง่ายก็ตาม เขายิ้มในสีหน้า ถ้าเขาโสดคงไม่พลาดที่จะลองจีบหญิงสาวดูแน่นอน “ศศิดา” เสียงกดเรียกมาจากภายในห้อง “ศีดายังไม่ขึ้นมาเลยครับ” เมธัสกดตอบ “งั้นคุณเข้ามา” เมธัสเข้าไปในห้องพร้อมเอกสารและแฟ้มปึกใหญ่ในมือ “คุณช่วยพาคุณสิปางไปพบกับผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผมคุยกับเขาคร่าวๆ แล้ว” “คุณราเมศวร์ไม่ไปกับสิเหรอคะ?” เสียงอ้อนหวานใส จนเมธัสอดชื่นชมไม่ได้ “ผมมีงาน ต้องขอตัว” ราเมศวร์ปฏิเสธ เห็นได้ชัดว่าลูกอ้อนใดๆ ก็ไม่ได้ผล หญิงสาวทำหน้าเง้างอน แต่ก็ลุกตามเมธัสออกมาโดยดี แล้วหยุดที่หน้าประตูแล้วหันมาถามอีก “พรุ่งนี้ คุณทานข้าวเย็นกับสิได้ไหมคะ?” เสียงหวานถามด้วยความหวัง “ผมมีงานยุ่งทั้งอาทิตย์เลยครับ ขอโทษด้วย” เขาตอบเสียงเรียบ ยกมือขึ้นขยับเนคไทเล็กน้อย “งั้นสิขอโทรหานะคะ?” “ครับ ถ้าผมว่างรับสาย” เขายังตอบด้วยเสียบราบเรียบแต่ไม่ได้ให้ความหวังอีกเช่นเคย “คุณสิ เชิญครับ” เมธัสแอบเร่งเล็กน้อย หญิงสาวเดินออกไปสายตาเศร้านิดๆ ศศิดาขึ้นมาพอดีกับที่เห็นเมธัสพาสิปางเดินสวนออกมา “คุณเมธ คุณสิปาง จะกลับมาพบท่านรองอีกไหมคะ?” “จริงด้วย! สิยังไม่ได้ทานเค้กเลย” หญิงสาวหน้าตาสดชื่นด้วยความหวังอีกครั้ง “เอ่อ เกรงว่า บอสจะไม่สะดวกแล้วครับ เชิญคุณสิปางทางนี้ดีกว่าครับ” เมธัสรีบตัดบท ศศิดาถอนใจ เดี๋ยวค่อยเอาไปแจกน้องๆ ธุรการก็ได้ “ศศิดา” เสียงเรียกมาจากเครื่องติดต่อภายใน เธอรีบคว้าโทรศัพท์และแท็บเล็ตเข้าไป “อ้าว เค้กล่ะ?” เขาถามถึงของว่าง ศศิดาทำหน้างงเล็กน้อย ก็เขาไม่ได้สั่งของตัวเองนี่ หรือจะหมายถึงของคุณสิปาง?? “อ่อ ค่ะ” เธอรีบไปยกถาดเข้ามาในห้องวางตรงหน้าเขา กลิ่นหอมๆ ของนมในขนมเค้กโชยมาเข้าจมูก ในถาดมีเค้กชิ้นเล็กหน้าตาน่ากินสามชิ้น ขนาดประมาณสองสามคำ กับชานม และน้ำอุ่น “นั่งลง แล้วทานซะ” เขาสั่ง “เอ่อ ทั้งหมดนี้เลยหรือคะ?” เขาพยักหน้า แล้วหยิบน้ำอุ่นไปดื่ม “ถ้างั้น ขอไปทานข้างนอกนะคะ ท่านรองจะได้ทำงาน” “ตรงนี้แหละ ถ้าเอาออกไป คุณก็เอาไปแจก นั่ง..แล้วทานซะ” เขาสั่งแกมบังคับ ศศิดานั่งลงอย่างเกรงใจ รู้สึกอึดอัดอย่างที่สุด ใครจะกล้าอ้าปากเคี้ยวต่อหน้าผู้บริหารล่ะ เผลอสำลักพุ่งใส่หน้าล่ะแย่เลย เธอยังไม่อยากตกงานหรอกนะ เหมือนเขาจะรู้ว่าเธออึดอัด หยิบเอกสารที่อยู่ข้างตัวมาขึ้นมาพลิก แล้วหยิบปากกามาเซ็นเอกสาร เธอเห็นเขาไม่มองจึงเริ่มค่อยๆ ตักโยเกิร์ตมูสเค้กก่อนเป็นอันดับแรก ราเมศวร์เหลือบสายตาขึ้นมองหญิงสาวโดยไม่เงยหน้า เห็นลิ้นสีชมพูแลบออกมานิดหนึ่งขณะกำลังตักเค้ก ก็อดยิ้มมุมปากนิดหนึ่งไม่ได้ พอเริ่มตักเค้กชิ้นที่สองเขาก็เหลือบตาดูอีกครั้ง “กินเป็นเด็ก” เขาพูดโดยไม่เงยหน้า ขณะกำลังเซ็นต์เอกสาร “คะ?” เขาไม่ตอบ หันไปหยิบกระดาษทิชชู่ด้วยมือหนึ่ง อีกมือจับปลายคางหญิงสาวไว้ แล้วเช็ดครีมที่อยู่ตรงริมฝีปากบนเบาๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย นิ่งสนิท ศศิดามองเขาตาโต ใบหน้าแดงระเรื่อ เธอรู้สึกตกใจเล็กน้อย นี่เป็นครั้งที่แรกที่เขาแตะผิวเนื้อเธออย่างตั้งใจ แต่เป็นครั้งที่สองที่เขาถูกเนื้อต้องตัว เมื่อครั้งนั้นเป็นช่วงปีใหม่ของปีที่แล้ว เธออยู่บนเก้าอี้กำลังติดสายรุ้งที่กระจกด้านบนสุดหน้าห้องทำงานของเขา และเป็นเวลาที่เขามาทำงานพอดี พอเขาทักถาม เธอตกใจเลยร่วงลงมา แต่เขารับไว้ได้ กลายเป็นว่าเขากอดเธอไว้ทั้งสองแขน กระอักกระอ่วนอยู่หลายวัน กว่าจะปรับตัวได้ “วันนี้ทำโอทีหรือเปล่า?” “ค่ะ พรุ่งนี้มีประชุมตอนเก้าโมง ต้องเตรียมพรีเซนต์ให้ท่านรองค่ะ” “อืม” เขาทำเสียงรับในคอ แล้วอ่านเอกสารต่อ “จะให้สั่งข้าวกล่องไหมคะ หรือท่านรองจะออกไปทานข้างนอก?" “คุณล่ะ ทานที่ไหน?” เขาถาม “ฉันมีโยเกิร์ตกับนมถั่วเหลืองแล้วค่ะ” “ผมเอาด้วยสิ” “ได้ค่ะ” “คนอื่นเรียกคุณว่ายังไง?” “คะ?” เธองงเล็กน้อย เพราะไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงชื่อจริงหรือชื่อเล่นกันแน่ แต่เดาว่าเขาน่าจะหมายถึงชื่อเล่นมากกว่า “แม่กับยายเรียกศิดาค่ะ ส่วนเพื่อนๆ จะเรียกกันว่า..ศีดา” “ศีดารึ? เป็นฉายาหรือไง?” เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย เพราะนึกถึงชื่อเล่นของตัวเอง อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น ราวกับฟ้าลิขิต “แทนตัวเองว่าศิดากับผมนะ” “อ่า..ค่ะ” เธอรับคำแบบงงๆ ก่อนจะเดินออกไป เพราะไม่เข้าใจว่า ทำไมวันนี้เขาทำตัวแปลกๆ ซึ่งต่างไปจากปกติที่จะนิ่งๆ เฉยๆ ……………………… ศศิดาตักโยเกิร์ตใส่ปากสองสามคำ แล้วหันไปทำพรีเซนต์ต่อ พลันประตูห้องทำงานเปิดออกมา “ของคุณรสอะไรน่ะ?” เขาถามพลางวางเอกสารปึกหนึ่งไว้บนโต๊ะ แล้วดึงเนคไทให้คลายออกกว้าง จับไปที่คอเสื้อแกะกระดุมคอออกสองเม็ด คอเสื้อที่เปิดออกเล็กน้อยนั้นเพิ่มความเกียจคร้านและความผ่อนคลายของเขาให้เพิ่มขึ้นมา จากนั้นปลดกระดุมข้อมือ พับแขนเสื้อขึ้นไปสองสามรอบ เผยให้เห็นเส้นเอ็นบนกล้ามแขน “สตอเบอรี่ค่ะ” เธอตอบแล้วเลิกคิ้วสูง สายตามองตามมือเขาที่หยิบถ้วยโยเกิร์ตของเธอไปตักใส่ปาก เพื่อลองลิ้มชิมรส “มีเนื้อสตอเบอรี่ด้วยสิ ผมขอชิ้นนึงนะ” เขาไม่รอให้ตอบ ตักใส่ปากหน้าตาเฉยพูดว่า “อร่อย” หลังจากนั้นก็วางคืนไว้ตรงหน้าเธอ แล้วก็หันหลังเดินกลับเข้าห้องไป ศศิดาตาโต อ้าปากค้างเล็กน้อย โดนผีสิง หรือว่าป่วย? “เอ้า! พี่ศีดาเป็นอะไร อ้าปากตาค้างเชียว!” อรรัมภาหัวเราะ “นี่สำเนาเอกสารสำหรับประชุมพรุ่งนี้ หนูรวมเล่มให้แล้วนะคะ หนูกลับก่อนนะ” หญิงสาววางเอกสารปึกใหญ่บนโต๊ะ “ขอบคุณมาก กลับยังไงล่ะ?” “แฟนหนูมารับ แล้วพี่ล่ะ? นี่ก็สามทุ่มแล้วนะคะ” เธอถามอย่างเป็นห่วง “ทำพรีเซนต์เสร็จก็กลับแล้วล่ะ เจอกันพรุ่งนี้จ้ะ” อรรัมภาโบกมือแล้วออกไป ศศิดาทำพรีเซนต์เสร็จเกือบจะห้าทุ่ม หลังจากนั้นก็เตรียมไฟล์ เตรียมเอกสาร กว่าจะเสร็จก็เกือบเที่ยงคืน เธอเหลือบไปมองคนในห้อง เขายังนั่งอ่านรายงานสำหรับวันพรุ่งนี้อยู่ เธอเคาะประตูและเข้าไปเมื่อได้ยินเสียงอนุญาต หญิงสาวเดินเลยไปที่ตู้เย็น วางโยเกิร์ตสตอเบอร์รี่ไว้ให้เขาสองถ้วย นมเปรี้ยวหนึ่งขวด แล้ววางแก้วเก็บอุณภูมิบนโต๊ะทำงานของเขา “น้ำอุ่นค่ะ ในตู้เย็นมีโยเกิร์ตกับนมเปรี้ยว เผื่อท่านรองจะหิว” เขาพยักหน้า “คุณจะกลับแล้วรึ?” “ค่ะ ฉันจองโรงแรมไว้ใกล้บริษัท เพราะพรุ่งนี้ต้องมาแต่เช้า” “ไปยังไง” “เดินค่ะ ใกล้แค่นี้เอง ขับรถไปลำบากเปล่าๆ” เขาวางปากกา แล้วลุกขึ้น “ผมเดินไปส่ง” “มะ..ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไปเองได้ ฉันชอบเดิน” “ศิดา” “คะ?” “แทนตัวเองว่าศิดา ลืมแล้วรึ?” เขาทวนความจำให้ “อ่า..ค่ะ..ศิ..ศิดา..ไปเองได้ค่ะ” เธอพูดตะกุกตะกักเพราะไม่ชินปาก “อย่าดื้อ! ไปเก็บของ” เขาพูดแล้วเดินนำออกไปก่อน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD