ไม่ง่ายเลยนะ

1308 Words
ภายนอกเขาคือสามีที่ใส่ใจภรรยา แต่เรื่องในบ้านไม่มีใครรู้ และยิ่งทุกอย่างกลายเป็นความดำมืดที่ไม่มีใครล่วงรู้ก็คือ วันหนึ่งฮุ่ยชิวรับโทรศัพท์จากตำรวจซึ่งแจ้งว่าพบรถยนต์ของคุณกั๋วคังเหรินตกเขา สภาพรถพังเสียหาย ในที่เกิดเหตุพบศพหญิงสาวที่มาทราบภายหลังว่าเป็นนักร้องไนท์คลับแห่งหนึ่ง แต่ไม่พบร่างของกั๋วคังเหริน ไม่มีใครรู้ความสัมพันธ์ของกั๋วคังเหรินกับผู้หญิงคนนั้น แต่แน่นอนว่าข่าวที่ออกไปไม่ดีนัก ในปีนั้นเองที่หลินเหยาซื่อตั้งครรภ์อ่อนๆ เธอเองก็ไม่รู้ว่ากั๋วคังเหรินรู้หรือไม่ว่าภรรยาสาวตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว หญิงสาวเดินเข้าในห้องครัว เด็กชายหญิงหน้าตาละม้ายคล้ายกันหันมามองแล้วสิ่งยิ้มกว้าง เด็กทั้งสองนั่งแกว่งเท้าไปมาบนเก้าอี้เด็ก หลินเหยาซื่อส่งยิ้มกว้าง เดินไปคว้าผ้ากันเปื้อนมาคาดเอวอย่างรวดเร็วและเตรียมลงมือป้อนอาหารเช้าให้เด็กทั้งสอง “คุณผู้หญิงค่ะ ไก่ที่สั่งไว้มาส่งแล้วนะคะ” “ไก่มาแล้วหรือ?” เธอหันไปมองนาฬิกา “มาแต่เช้าเลยรึ? หรือว่าฉันตื่นสาย” ป้าฮุ่ยชิวแอบค้อนเข้าให้ “คุณผู้หญิงไม่น่าให้เงินไปก่อนเลยเจ้าค่ะ คราวหน้าคราวหลังได้ของแล้วค่อยให้เงินนะเจ้าค่ะ” “แค่ไก่ไม่กี่ตัว เขาคงไม่โกงเราหรอก” หลินเหยาซื่อหัวเราะแล้วป้อนโจ๊กให้ลูกๆ “ไก่” เด็กๆ ออกเสียงตามผู้เป็นมารดา “ไก่” เธอออกเสียงชัดๆให้เด็กๆพูดตาม “บ้านเรามีไก่ก็จะมีไข่กินทุกวันแล้วนะ” “คุณผู้หญิง...” “ป้าค่ะ” หลินเหยาซื่อส่งยิ้มให้ “ถ้าเราไม่อยากขายบ้านนี้ก็ต้องหาทางลดค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ดินหลังบ้านยังว่าง เราทำแปลงผักกันนะคะ” “ขายบ้าน?” เด็กแฝดพูดตามมารดาทั้งที่ไม่เข้าใจความหมายนัก หลินเหยาซื่อหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดที่มุมปากของเด็กๆ แล้วพูด “จางลี่ จางหย่ง ชอบบ้านหลังนี้ไหมจ๊ะ” เด็กแฝดหันมามองหน้ากันก่อนพยักหน้าหงึกหงัก “ชอบก็ดีแล้ว แม่ก็ชอบบ้านหลังนี้เหมือนกัน” เธอยิ้มแล้วป้อนข้าวให้เด็กๆต่อ ขอให้การ ‘ขายบ้าน’ เป็นทางเลือกสุดท้ายของเธอก็แล้วกัน ถึงจะมาอยู่ร่างนี้ไม่นาน แต่เธอก็ชอบบ้านหลังนี้เหมือนกัน. .......... “บ้านหลังนั้นสวยจัง” “ตึกสไตล์ยุโรป แสดงว่าเจ้าของบ้านต้องมีฐานะดีแน่ๆ” “แต่แค่สองชั้นเองนะ” “ดูสภาพสิน่าจะเกินห้าสิบปีแน่ๆ” “นี่ๆ คุยกันพอหรือยัง ได้เวลาเข้าฉากแล้ว” เสียงหนึ่งดังเตือนบรรดาตัวประกอบให้เข้าฉาก “เหยาซื่อ เธอนะจำไว้ว่าเป็นแค่ตัวประกอบ ไม่ต้องทำตัวเด่นเกินหน้านักแสดงหรอกนะ” “ค่ะ” หลินเหยาซื่อยิ้มทะเล้นพลางก้มศีรษะเป็นเชิงขอโทษ เพื่อนร่วมป้องปากหัวเราะอย่างรู้ดีว่าผู้หญิงตรงหน้าไม่ได้ใส่ใจกับเสียงหัวเราะนี้นัก “จากตัวประกอบเดินไปเดินมาจนได้เป็นตัวประกอบที่มีบทพูด กว่าจะมาถึงวันนี้ไม่ง่ายเลยนะ” เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างชื่นชม “ฉันนับถือเลย” หลินเหยาซื่อแค่พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มแล้วเตรียมตัวไปเข้าฉาก แม้จะเป็นแค่ ‘ตัวประกอบ’ แต่เธอก็เคยเรียนการแสดงมาก่อน ยืดอกรับเลยล่ะ เธออยากเป็นดารา อยากเป็นนักแสดงที่เจิดจรัสเป็นที่รู้จัก แม้เป็นความฝันที่คนอื่นพากันหัวเราะเยาะว่าหญิงสาวที่เติบโตในสถานสงเคราะห์อย่างเธอจะใฝ่สูง ตั้งแต่จำความได้ เธอก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นั้น แม่บุญธรรมบอกว่า เธอถูกนำมาวางไว้ที่ประตูซึ่งก็เหมือนเด็กหลายๆ คนที่พ่อหรือแม่ไม่กล้านำมามอบให้ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ เด็กๆ ในสถานสงเคราะห์ต่างคาดหวังว่าจะมีครอบครัวใจดีมารับไปอยู่ด้วย เธอเองก็เช่นกัน เธอพยายามอย่างที่สุด ตั้งใจเรียน ฝึกเขียนอักษร วาดภาพ เล่นดนตรี แต่สุดท้าย...ไม่มีใครเลือกเธอเลย แม้ว่าเธอจะอยู่มานานแค่ไหนก็ตาม เธออยากเป็นดารา อยากเป็นคนที่มีแต่คนรุ่มล้อม ไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยวและผิดหวังครั้งแล้วครั้งแล้ว เธอทำงานพิเศษ เก็บเงินไปเรียนการแสดง แต่เมื่อไปสมัครเป็นนักแสดงก็ได้เพียงบทเล็กๆ น้อยๆ เดินผ่านกล้องไปมา แต่ความมุ่งมั่นของเธอทำให้เริ่มได้รับแสดงที่มีบทพูด แม้จะเล็กน้อย แต่ก็ได้เห็นหน้าตัวเองตั้งหลายวินาที แต่ยังไม่ทันได้เป็นดารา เธอก็ประสบอุบัติเหตุรถทัวร์ตกเขาแล้วโผล่มาในปี 1980 นี้แล้ว หลินเหยาซื่อที่เริ่มปรับตัวกับชีวิตใหม่ได้แล้วสะบัดศีรษะไปมา เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ช่างมันเถิด ตอนนี้คือต้องใช้ชีวิตที่นี่ต่อไป โดยเฉพาะตอนนี้เธอมีลูกแฝดวัยสามขวบต้องเลี้ยงดู มือเรียวหยิบกรอบรูปที่มีรูปชายหญิงคู่หนึ่ง ผู้หญิงในภาพคือ ‘หลินเหยาซื่อ’ ส่วนผู้ชายในภาพน่าจะเป็น... “พ่อ!” เด็กสองคนส่งเสียงพร้อมกัน ยื่นมือมาหมายจะจับกรอบรูป หลินเหยาซื่อย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้าทำให้เด็กๆ ได้จับรูปได้ถนัดมือ “แม่!” “อื้ม ถูกต้อง นี่แม่ แล้วนี่ก็พ่อ” หลินเหยาซื่อเอ่ยชมเด็กฝาแฝดทั้งสองคน ป้าฮุ่ยชิวเห็นว่าเธอจำอะไรไม่ค่อยได้จึงเล่าเรื่องราวความหลังช่วยฟื้นความทรงจำให้ หลินเหยาซื่อเองก็ยอมรับว่า บางครั้งจะมีภาพบางภาพปรากฏแวบๆ ขึ้นมาในหัว เดาเอาว่าเป็นความทรงจำของเจ้าของร่างนี้ เลี้ยงเด็กสามขวบสองคนไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหลินเหยาซื่อ การที่เธอเติบโตในสถานสงเคราะห์เด็กทำให้ต้องช่วยดูแลเด็กคนอื่น เจ้าหน้าที่มีไม่พอ เธอต้องช่วยตั้งแต่อาบน้ำเปลี่ยนผ้าอ้อมป้อนนมป้อนอาหารตลอดจนเข้าครัวเพื่อช่วยแม่ครัวปรุงอาหาร งานทุกอย่างล้วนผ่านมือเธอมาแล้วทั้งสิ้น เมื่อได้มาอยู่ในร่างนี้เธอต้องเลี้ยงจางลี่-จางหย่ง ก็ไม่ทำให้ลำบากใจอันใด เพียงแค่ เธอไม่มีความรู้สึกหรือความทรงจำยามอุ้มท้องและคลอดลูก เธอจึงรู้สึกเพียงว่าตนเองเป็นคนเลี้ยงเด็กมากกว่าเป็นแม่จริงๆ แต่ไม่เป็นไร นานวันเข้า เธอคงสัมผัสความเป็นแม่ได้เอง “พ่อก็หล่อเหมือนกันนะเนี้ย” เหยาซินอดพูดไม่ได้ ในบ้านมีรูปกั๋วคังเหรินอยู่หลายภาพ ในห้องนอนของเธอก็มีอัลบั้มภาพที่มีรูปของกั๋วคังเหรินอยู่มาก ‘หลินเหยาซื่อ’ คงหลงรัก ‘กั๋วคังเหริน’ มากทีเดียว แต่น่าจะเป็นรักอยู่ฝ่ายเดียว เพราะนอกจากรูปแต่งงานสองสามรูปแล้ว ไม่มีรูปคู่อื่นเลย รวมทั้งแทบไม่เห็นรอยยิ้มจากผู้ชายในภาพ เพราะแบบนี้หรือเปล่า ในที่เกิดเหตุจึงพบร่างนักร้องสาวจากไนต์คลับคนหนึ่ง เขาอาจมีผู้หญิงที่ตัวเองเลี้ยงดูไว้ หรือบางที เขาอาจใช้สถานการณ์นี้ ไปใช้ชีวิตกับผู้หญิงคนอื่นก็ได้ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เขาก็น่าจะกลับมาหย่ากับ ‘หลินเหยาซื่อ’ ให้เรียบร้อยก่อนสิ หรือว่า ‘หลินเหยาซื่อ’ ไม่ยอมหย่า เขาจึงใช้วิธีหายตัวไปอย่างนี้ แต่เขาคงไม่ได้ ‘ตาย’ หรอกนะ ไม่พบศพก็ยังไม่ถือว่าเป็นคนตายนี่ “คุณนายค่ะ ให้คนยกจักรเย็บผ้าออกมาให้แล้วค่ะ” “ขอบใจจ๊ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD