ในขณะที่เพลาพิลาศหลงลำพอง หล่อนคิดว่าตัวเองมีเสน่ห์ สามารถจับพุฒิพัฒน์อยู่หมัด แต่ในความเป็นจริงคือ...ผู้ชายอย่างเขา มองเธอเป็นแค่ของเล่น ที่ฉกฉวยได้ง่ายๆ หากมีเงินจ่าย เป็นมุมมองคนละอย่างกับที่เพลาพิลาศคิด
บ้านสันติพันธ์...
ประตูรถยนต์ตอนหลังเปิดออก เมื่อสาวโสภาผลักแรงๆ หล่อนฉวยกระเป๋าสะพายข้างตัวเดินฉับๆ เข้าไปภายใน โดยไม่คิดจะรอน้องสาว
“กลับดึก”
เสียงตำหนิแม้จะไม่ดังนัก แต่มันก็ยังฟังขัดหูของหญิงสาวอยู่ดี
“แม่คะ...เพลาไม่ได้อายุ3 ขวบนะคะ อีกอย่างยัยพราวก็ไปด้วย” หญิงสาวแย้ง หล่อนทิ้งตัวลงนั่ง ยกปลายเท้าขึ้นไขว่กันแบบไม่รักษากริยา เมื่อชายกระโปรงร่นจนถึงโคนขาอ่อนจนแทบจะเห็นสิ่งสงวนบนร่างกาย
“แม่รู้...แต่ แม่ถามแกหน่อยยัยเพลา ยัยพราวห้ามแกได้หรือ? ถ้าแกจะทำ...เด็กนั่นก็แค่ไม้กันหมาที่แกเอาไว้อ้างกับฉัน”
ถึงจะอยู่แต่ในบ้าน ข่าวคาวๆ ของบุตรสาวมีหรือนางจะไม่รู้ เมื่อมันฉาวเสียจนนางเองยังอาย คำแก้ตัวของเพลาพิลาศก็ไม่ได้ทำให้นางดีขึ้นเลยสักนิด ต้องทนอกไหม้ไส้ขม เพราะอยากเห็นบุตรสาวมีอนาคตดีๆ หาใช่แบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
“แม่คะ...เพลาโตแล้วค่ะ”
หญิงสาวแย้งเสียงขุ่น มุมปากสีสดบิดเบี้ยว ความไม่พอใจล้นอก แต่ไม่กล้าพูดแรงๆ เมื่อแข่งแขเป็นมารดา
“เพราะแกโตแล้วไงยัยเพลา ฉันถึงเตือน ถ้าเป็นตอนเด็กๆ ฉันคงฟาดแกด้วยไม้เรียวไปแล้ว” นางกระแทกเสียงขุ่น ไม่มีผู้หญิงคนไหนถูกยกย่องเชิดชูหรอก หากแร่ไปกับผู้ชายคนนั้นที คนนี้ที แสดงออกมากกว่าการเป็นคนรู้ใจ แทบจะเหมือนผัว-เมียแบบนั้น
“แม่คะ!!”
“พอเถอะ!! แกอย่ามาเถียงฉันเลยยัยเพลา หัวฉันหงอกอยู่นี่เห็นไหม? อย่ามาหลอกกัน แกอ้าปากฉันก็เห็นยันโคนลิ้น”
นางก่นว่า ดวงตาคมรีตวัดฉับ นึกอยากจะว่าให้แรงกว่านี้ แต่...ติดตรงที่เพลาพิลาศเป็นบุตรสาว หากเป็นพราวฟ้านะเรอะ!! นางคงโยนออกจากรั้วบ้าน ไม่ให้อยู่ร่วมชายคาให้เสียถึงนามสกุล
“เพลาไม่ได้เสียหายอะไร? ดีเสียอีกช่วยโปรโมทให้เพลา งานจะได้วิ่งชนเยอะๆ ไงคะ”
หญิงสาวไหวไหล่ เธอตอบแบบไม่ยี่หระ เนื้อตัวของเธอ จะแบจะถ่างให้ใคร มันเดือนร้อนใครไม่ทราบ คนนอกไม่ได้จ่ายสตางค์ให้เธอ แล้วทำไม่ต้องแคร์ เมื่อทุกอย่างที่เธอทำลงไป มันคือเมล็ดเงินทั้งนั้น
“ทำเรื่องดีๆ บ้างสิลูก แบบนี้แม่แทบจะเอาปีบคลุมหัวเดิน ข่าวแบบนี้มันมีแต่จะทำให้เราเสื่อม”
นางติง ถึงรู้ดีว่าเพราะข่าวฉาวรายวันแบบนี้ เพลาพิลาศถึงได้กำลังฮอต แต่นางก็อยากให้บุตรสาวมีคนชื่นชม ไม่ได้ถูกแดกดันเหมือนทุกวันนี้
“เพลาต้องสนด้วยเหรอคะ? เขาเอาเงินมาให้เพลาหรือก็เปล่า”
ต่างคนต่างมีเหตุผล และมุมมองต่างกัน เพลาพิลาศคิดในมุมของตัวเอง เธอพอใจกับทุกสิ่งที่เป็น ไม่ได้ติดว่าการพลีกายแลกเงินเป็นความผิด เพราะเธอสนุกเช่นกัน ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งความหฤหรรษ์ ใครไม่คว้าไว้สิโง่!!
“เห้อ!! แกมันไม้แก่ยากที่จะดัด...อนาคตแกจะรู้ว่าที่ฉันเตือนนะเพราะหวังดี”
แข่งแขพูดเสียงอ่อน เพลาพิลาศหัวแข็ง หล่อนมั่นใจสูง และมันเป็นความผิดของนางด้วย เพราะกลัวบุตรสาวจะมีปม นางเลยตามใจจนเพลาพิลาศไม่ฟังใคร หล่อนเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง ไม่สนใจคนรอบข้าง อะไรก็ตามที่บุตรสาวคิดว่าถูกต้อง...หล่อนจะเดินหน้าแบบไม่หวั่นเกรง นางกลัวความคิดเช่นนี้ จะทำให้บุตรสาวต้องอับปาง จึงต้องคอยดึงๆ รั้งๆ เตือนกันไว้บ้าง เพราะยังไงเพลาพิลาสก็ไม่ได้ตะแบงเสียทุกอย่าง หล่อนยังเคารพนับถือ แม้จะไม่ค่อยฟังคำสอนสั่งของนางเลยก็ตาม
หางตาของแข่งแขเหลือบเห็นพราวฟ้ากำลังเดินเลี่ยงไปอีกทาง นางเลยตะโกนเรียก “พราวๆ ยัยพราว มานี่สิ...”
หญิงสาวเจ้าของชื่อพ่นลมหายใจแรงๆ คงไม่แคล้วดุด่าเธออีกเป็นแน่ เพราะหากท่านเฉ่งเพลาพิลาศไม่ได้ คนที่เป็นกระโถนคือตัวเธอเอง
“แม่จะคุยกับยัยพราว เพลาขอตัวนะคะ เพลาง่วง!!”
สาวสวยผุดลุกขึ้นยืน เธอไม่ได้สนใจฟังคำอนุญาต เมื่อพูดจบ ก็เดินฉิว
พราวฟ้าหอบถุงเต็มสองมือ งานของเธอยังไม่จบ จนกว่าจะเคลียทุกอย่างลงตัว หญิงสาวทรุดนั่งที่พื้น...ใช่ที่พื้น ไม่ต้องแปลกใจหรอก...เธอทำเช่นนี้จนชิน ไม่ใช่ตั้งแต่บิดาวายชนม์ แต่เธอต้องสนิมสร้อยเช่นนี้ เพราะแข่งแขไม่ชอบ
“แกปรามๆ พี่สาวแกบ้านะยัยพราว ปากอมอะไรอยู่ย่ะ ทำไมไม่ห้ามไม่ดึงพี่แกบ้าง ปล่อยให้มีข่าวแย่ๆ แบบนี้ออกมาได้ยังไง...เรื่องผู้ชายน่ะ ให้เพลาๆ ลงหน่อย ฉันนี่อยากจะมุดดิน”
นางแหวเสียงเขียวอ่อนใจกับความประพฤติของบุตรสาว แต่ก็ไม่กล้าตักเตือนแรงๆ ได้แต่กำหลาบพราวฟ้าแทน เพราะคนที่ใกล้ชิดบุตรสาวจริงๆ ก็มีแค่พราวฟ้าเท่านั้น แม้จะรู้ว่าไม่สามารถห้ามหรือรั้งอะไรได้เลย
“ค่ะ”
“ไอ้หนุ่มลูกคนรวยนั่น หายไปไหนเสียล่ะ? ฉันไม่เห็นหน้าเลย”
นางถามถึงเหมราช เขาหายหน้าหายตาไป ไม่มีของกำนัลมาฝากนางเหมือนเดิม
พราวฟ้าผ่อนลมหายใจยาวๆ เธอเสียดายแทนเพลาพิลาศ พี่สาวไม่เห็นค่าคนรัก คนที่รักไม่เอาใจใส่ ไปหลงระเริงอะไรกับความจอมปลอมที่มองไม่เห็นอนาคต เมื่อมันเป็นแค่ภาพมายา
“พราวไม่ทราบค่ะ พราวไม่เห็นคุณเหมมาหลายวันแล้วเหมือนกัน”
“อย่าบอกนะ ว่ายัยเพลาเลิกกับไอ้หนุ่มนั่นแล้ว โหยยย... ยัยลูกบ้า!! ทิ้งเพชรไปคว้ากรวดมาอีกหรือเปล่าล่ะนี่ คนมีสกุลไม่แล มันอยากได้ ‘ผัว’ เป็นคนแบบไหนกันหะ”
นางยกมือตบอก...ครางเสียงระโหย เหมราชมีสกุลรุนชาติ เขาเป็นสามีที่ดีแน่ๆ ที่สำคัญเขารักบุตรสาวของนางจริงๆ
หญิงสาวได้แต่นั่งก้มหน้า เธอไม่มีสิทธิ์ออกความเห็น จนกว่าคุณแข่งแขจะถาม
“ไปไหนก็ไปป่ะ!! แล้วอย่าลืมที่ฉันสั่ง ปรามๆ ยัยเพลาบ้าง”
นางโบกมือไล่พราวฟ้าลูกติดสามี ที่เวลานี้ไม่ต่างอะไรกับคนรับใช้ เมื่อต้องคอยอำนวยความสะดวกให้เพลาพิลาศทุกเรื่อง นางจะกดพราวฟ้าแบบนี้ล่ะ ไม่มีทางให้หญิงสาวได้ดีเกินหน้าเกินตาลูกตัวเอง...เพราะแค่เห็นก็หมั้นไส้ เพราะ...หากเปิดพินัยกรรมกันจริงๆ นางกับลูกคือผู้อาศัย เมื่อสมบัติทุกชิ้น!! เน้นเลยทุกชิ้น ไอ้ผัวเฮงซวยของนาง...ยกให้ลูกสาวตัวเองทั้งหมด...นางกับเพลาพิลาศ ได้แค่เงินเดือนไม่กี่สตางค์ นางเจ็บใจ...เพราะอุตส่าห์ลงทุนร่วมหอ ลงโลงด้วย...กลับไม่ได้อะไรติดมือเลยสักอย่าง นางจึงเก็บงำ พินัยกรรมเอาไว้ โดยครอบครองสมบัติทุกชิ้นตามสิทธิ์ภรรยา...โดยไม่ปริปากบอกพราวฟ้า
พราวฟ้าค่อยๆ หยัดกายขึ้นยืน เธอหอบถุงกระดาษ หอบสารพันถุงที่เพลาพิลาศจับจ่ายมา เดินขึ้นไปบนห้องนอนพี่สาวเงียบๆ
“แกต้องเป็นอีก้นครัวไปแบบนี้แหละ โทษฉันไม่ได้นะย่ะ แกต้องโทษพ่อแกที่ไม่มีความยุติธรรม”
นางแบะปาก เหยียดยิ้มสมเพชพราวฟ้า ทั้งอิจฉาและเกลียดจับใจ เพราะหากพูดตามเนื้อผ้า เพลาพิลาศไม่ได้เศษเสี้ยวของพราวฟ้าเลยสักกะผีก ถ้าหล่อนลุกขึ้นมาแต่งเนื้อแต่งตัว...เมื่อผิวพรรณ กริยาของพราวฟ้าหล่อนคือลูกผู้ดีมาแต่กำเนิด...ถูกอบรมมาอย่างดี เค้าหน้าหล่อนยิ่งงามพิสุทธิ์ แข่งแขจึงยอมไม่ได้หากลูกเลี้ยงจะดีเกินหน้าลูกของนาง
นางตัดความสนใจเรื่องของพราวฟ้า ก้มลงมองสมบัติพัสถานในกระบะตรงหน้า พร้อมกับยิ้มละไม
แก้ว แหวน สมบัติของสามี เวลานี้ล้วนแล้วแต่เป็นของนาง...และนางไม่มีวันปล่อยมือเด็ดขาด
ของทุกชิ้นของสันติพันธ์...จะต้องเป็นของนางกับลูกเท่านั้น!!
“ยัยพราว...แม่บ่นอะไรพี่บ้าง?”
เพลาพิลาศกระดกศีรษะจากหมอนนุ่ม ร้องถามพราวฟ้า เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องนอนเปิด
“เรื่องเดิมค่ะ...แค่ให้พราวคอยเตือนพี่เพลา” หญิงสาวตอบเสียงอ่อน เธอรื้อถุงเสื้อผ้า จัดการแยกลงตะกร้า เพื่อให้คนงานนำไปทำความสะอาด ส่วนที่เป็นของใช้ก็จัดเก็บเข้าที่
“เหอะ!! แกอะนะจะเตือนพี่...แม่ต้องเพี้ยนไปแน่ๆ”