ป่วยนานเหมือนตายไปแล้ว

1340 Words
หนึ่งเดือนแล้วที่บุตรีคนเล็กของราชครูโจวเยี่ยน นอนป่วยหมดสติอยู่บนเตียงนอนภายในเรือนของนาง ฮ่องเต้รับสั่งให้หมอหลวงมาช่วยดูอาการแล้วหลายคน หมอหลวงทุกคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นางเพียงแค่หลับไปเท่านั้น ภายในร่างกายไม่ได้เจ็บป่วยอะไรเลย “ฮึก ฮือ ฮือ!! ท่านพี่ เมื่อไหร่ลี่เออร์ของเราจะฟื้นขึ้นมาเจ้าคะ” โจวฮูหยินนั่งร้องไห้อยู่ข้างเตียงนอนของบุตรสาว นางนึกไปถึงสภาพของบุตรสาว ที่ตัวซีดขาวเหมือนร่างไร้ลมหายใจเมื่อครั้งที่ขึ้นมาจากน้ำใหม่ๆ ก็ยิ่งร้องไห้ไม่หยุด เสียงสะอึกสะอื้นดังระงม จนผู้เป็นสามีปวดใจกับภาพที่พบเห็นยิ่งนัก “ท่านแม่ ลี่เออร์ไม่ได้ป่วยเป็นอะไรขอรับ เดี๋ยวน้องก็ตื่นแล้ว” โจวสืออี้ พี่ชายคนโตที่กำลังตาแดงก่ำ แต่ก็พยายามฝืนเอ่ยปลอบใจมารดาออกไป ในใจของเขาหวาดกลัวว่าน้องสาวจะจากไป แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมาให้มารดาได้ยิน “ฮูหยิน พี่เชื่อว่าลี่เออร์จะกลับมาหาพวกเราในเร็วๆนี้ ตามที่ท่านไต้ซือได้บอกกล่าวเอาไว้ เจ้าอย่าร้องไห้ให้ลูกได้ยินอีกเลย” ราชครูโจวเชื่อเช่นนั้นจริงๆ เขากับฮูหยิน ขึ้นไปกราบไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และไต้ซือที่วัดบนเขามา ท่านไต้ซือบอกว่าอีกไม่นาน นางจะกลับมาพร้อมการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น “ฮึก!! ถ้านางฟื้นขึ้นมาข้าจะพานางกลับไปกราบไหว้ไต้ซือ ที่วัดบนเขาด้วยตนเอง” ตำหนักอ๋องหนานกงชิง “ฟานจง นางฟื้นหรือยัง” ในห้องทรงงานอันเงียบสงบ บุรุษเจ้าของตำหนักที่มีใบหน้าเคร่งขรึม ก็เงยหน้าจากงานราชการมากมาย ที่ต้องช่วยเหลืองานของพี่ชาย เพื่อไต่ถามในสิ่งที่ยังติดค้างอยู่ในใจของเขามาตลอด1เดือน “ยังขอรับ” “ส่งโสมไปเยี่ยมนางอีก เผื่อฟื้นขึ้นมาจะได้บำรุงร่างกายให้แข็งแรง และไม่เจ็บป่วยนานๆแบบนี้อีก” น้ำเสียงราบเรียบ แต่ทว่าถ้าฟังดีๆจะรู้สึกถึงความห่วงใยปนความรู้สึกผิดมาด้วย “ขอรับ ว่าแต่ท่านอ๋องไม่นำของบำรุง ไปเยี่ยมคุณหนูโจวด้วยตนเองหรือขอรับ” องครักษ์ฟานจง แสดงความคิดเห็นไปตามความเหมาะสม เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องในคราวนั้น อ๋องหนานยังไม่เคยไปเยี่ยมไข้โจวลี่เซียนด้วยตนเองเลยสักครั้ง มีเพียงให้คนนำสมุนไพรบำรุงส่งไปจวนราชครูเท่านั้น “อืม ข้าควรไปด้วยตนเองหรือ?” น้ำเสียงไม่มั่นใจเอ่ยถามออกมา เพราะเขาก็แยกออกมาอยู่ตัวคนเดียวมานานหลายปี ไม่ได้มีมารดาคอยชี้แนะ จึงไม่ได้ล่วงรู้ธรรมเนียมปฏิบัติอันใดมากนัก “ขอรับ เพื่อแสดงน้ำใจจะได้ไม่น่าเกลียด พวกนางทะเลาะกันเรื่องของท่าน ถึงแม้ว่าท่านอ๋องจะเป็นคนช่วยนางขึ้นมาจากน้ำก็ตาม การไปเยี่ยมไข้ด้วยตนเองสักครั้งก็ถือว่าสมควรยิ่ง” ฟานจงรู้นิสัยท่านอ๋องเจ้านายของเขาดี ว่าที่จริงแล้วเป็นคนจิตใจดี ติดที่ว่าเฉยชาและไม่ค่อยรู้ธรรมเนียมปฏิบัติเท่านั้นเอง จึงได้เอ่ยแนะนำออกไปตามตรง “ถ้าเช่นนั้นก็ไปเตรียมรถม้าเถิด ข้าจะไปเยี่ยมนางด้วยตนเอง” “ขอรับ” จวนราชครูโจว บุรุษสูงศักดิ์ ก้าวเท้าเข้ามาในจวนราชครูด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย และมีใบหน้าที่เป็นมิตร ผิดจากยามปกติที่มักจะนิ่งขรึมเฉยชาอยู่เสมอ และครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งแรกที่อ๋องหนานกงชิง ได้เข้ามาเยี่ยมเยือนที่จวนราชครูโจว ตามติดมาด้วยองครักษ์ฟานจง ที่กำลังถือตะกร้าใส่ของบางอย่างอยู่ในมือ “คารวะท่านอาจารย์ขอรับ” “ถวายบังคมท่านอ๋อง กระหม่อมไม่ทราบว่าพระองค์จะเสด็จมาที่จวน เลยไม่ได้เตรียมการต้อนรับ ขอประทานอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ราชครูโจวรีบเดินออกมาจากห้องหนังสือ เมื่อพ่อบ้านของจวนไปแจ้งเรื่อง ว่าท่านอ๋องหนานกงชิงมาขอพบ “ท่านอาจารย์ พูดกับข้าเสียนึกว่าอยู่ในวังหลวงต่อหน้าเสด็จพี่ฮ่องเต้ พูดธรรมดาเถิดขอรับข้าจะได้พูดคุยด้วยอย่างสบายใจ” “ขอรับ ท่านอ๋อง ว่าแต่ท่านมาถึงจวนราชครู มีสิ่งใดให้พวกเราตระกูลโจวช่วยเหลือหรือไม่” ราชครูโจวนึกแปลกใจ ที่อ๋องหนานกงชิงมาที่จวนตระกูลโจว เพราะปกติอ๋องหนุ่มคนนี้ ค่อนข้างจะหวงแหนความเป็นส่วนตัวสูง ไม่ชอบไปเยี่ยมเยือนใครถึงจวน และไม่ชอบให้ใครไปเยือนที่ตำหนักของเขาเช่นกัน “ข้าไม่มีสิ่งใดรบกวนตระกูลโจวหรอกขอรับ ที่มาวันนี้เพียงแค่นำของบำรุงมาเยี่ยมไข้คุณหนูโจวเพียงเท่านั้น เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องในครั้งนั้น ข้าก็ยังไม่เคยมาเยี่ยมนางด้วยตนเองเลยสักครั้ง วันนี้เห็นเป็นโอกาสที่เหมาะสม เลยนำโสมมาให้พวกท่านต้มให้นางดื่ม ยามที่ตื่นฟื้นขึ้นมาจากอาการเจ็บป่วย” “พวกเราตระกูลโจวต้องขอบพระคุณท่านอ๋องมากขอรับ ที่ทั้งช่วยเหลือชีวิตบุตรสาวของเรา ทั้งมีแก่ใจนำสมุนไพรมาเยี่ยมเยียนอีก เป็นบุญของลี่เออร์ยิ่งนัก” ราชครูโจวก้มหัวลง เพื่อขอบคุณอ๋องหนุ่มอย่างถึงที่สุด ถ้าไม่ได้บุรุษตรงหน้าเห็นทีว่าบุตรสาวของเขา คงไร้ลมหายใจตั้งแต่ตกลงไปในสระบัวนั้นแล้ว “ท่านอาจารย์อย่าก้มหัวให้ข้าขนาดนี้เลย ข้าควรต้องช่วยนางอยู่แล้ว เพราะต้นเรื่องมาจากข้า ที่ทำให้พวกนางทะเลาะกันจนเกิดเรื่องขึ้น จนถึงทุกวันนี้ข้าก็ยังสำนึกผิดอยู่ทุกครั้ง ที่นึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น การที่ได้กระโดดน้ำลงไปช่วยชีวิตของนาง ก็ถือว่าเป็นการไถ่บาปในใจของข้าไปบางส่วนเช่นกัน” ใช่แล้ว อ๋องหนานกงชิงรู้สึกผิดอยู่ทุกวัน ที่ตนเองมีส่วนทำให้โจวลี่เซียน ต้องตกลงไปในสระบัวจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด จนกระทั่งเวลานี้นางก็ยังไม่ฟื้นกลับมาหาครอบครัว ในขณะที่ราชครูโจว กำลังสนทนาอยู่กับอ๋องหนานกงชิง ในห้องโถงรับแขกอยู่นั้น พ่อบ้านจิ้งก็รีบเดินเข้ามาแจ้งข่าวสำคัญให้ราชครูโจวรับรู้ “ขอประทานอภัยท่านอ๋องพะย่ะค่ะ” พ่อบ้านจิ้งรีบกล่าวขออภัยแขกผู้สูงศักดิ์ของนายท่าน ก่อนที่จะเอ่ยแจ้งเรื่องสำคัญออกไป ให้นายท่านของเขารับทราบ เพราะเป็นข่าวที่ดีที่สุดในรอบ1เดือนมานี้แล้ว “ขออภัยท่านอ๋อง พ่อบ้านคงมีเรื่องด่วนมาแจ้งกระหม่อม มีเรื่องอะไรหรือพ่อบ้านจิ้ง” ราชครูโจวกล่าวขออภัยแขกสูงศักดิ์ที่ถูกรบกวนการสนทนา แล้วหันมาสอบถามเรื่องราวจากพ่อบ้านจิ้ง ที่มีสีหน้าแตกตื่น แต่ทว่าแลดูกำลังยินดีอยู่เช่นกัน “คุณหนูฟื้นแล้วขอรับ ฮูหยินให้คนมาแจ้งข้า เพื่อส่งข่าวให้นายท่านทราบขอรับ” “ห๊ะ ลี่เออร์ฟื้นแล้วอย่างนั้นหรือ” “ขอรับนายท่าน” จากนั้นบุคคลทั้งหมดในห้องโถงรับแขก ก็รีบเดินตามพ่อบ้านจิ้งไป ไม่เว้นแม้แต่บุรุษสูงศักดิ์ผู้เป็นแขกของราชครูโจวกับองครักษ์ของเขา ก็เดินตามไปด้วยเช่นกัน พอเดินไปถึงบริเวณหน้าเรือนนอนของโจวลี่เซียน ก็มีเพียงราชครูโจวเท่านั้น ที่เดินเข้าไปภายในเรือนนอนของนาง ส่วนคนอื่นๆก็อยู่รอฟังข่าว อยู่บริเวณด้านนอกตามมารยาทที่พึงกระทำ “แค่ก แค่ก!!! ขอน้ำ” เสียงแหบแห้งพยายามเอ่ย เพื่อบอกกล่าวความต้องการของตนเอง เนื่องจากลำคอขาดน้ำมาเนิ่นนาน การที่จะเอ่ยออกมาแต่ละคำนั้นก็ช่างลำบากยิ่งนัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD