ตอนที่ 8 คนที่ไม่อยากเจอ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพรหมลิขิตหรือฟ้าดินลงโทษกันแน่ ต่อให้คืนนั้นฉันจะจำอะไรไม่ค่อยได้ก็ตามทีเถอะ แต่ทว่า....ฉันกลับค่อนข้างมั่นใจมากเลยว่าผู้ชายที่นั่งเก็กหน้าหล่ออยู่ข้าง ๆ เพื่อนสนิทของฉันในตอนนี้ คือผู้ชายคนที่ฉันเผลอไปมีอะไรในคืนก่อนด้วยแน่นอน และเมื่อยิ่งสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้หัวใจของฉันก็ยิ่งเต้นแรงขึ้น ถึงอีกฝ่ายจะดูนิ่งเฉยไม่มีปฏิกิริยาอะไร แต่ทำไมฉันถึงกลับรู้สึกว่ายิ่งเดินเข้าใกล้ถึงโต๊ะร่างกายของฉันยิ่งหนักอึ้ง สองขาพาลจะไม่มีแรงเอาดื้อ ๆ ไม่อยากจะเข้าไปสู้หน้าทั้งสองคนเลย…ให้ตายเถอะ
“แหม มาช้าจังเลยนะยะ ดูเดินเข้าลีลาจังเลยนะ”
เมื่อมาถึงโต๊ะ ไอด้าก็เป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาเอ่ยแซวฉันทันที ก่อนที่ฉันจะหันกลับมาตั้งสติแล้วส่งยิ้มเจื่อนกลับไปให้เพื่อนสนิท ฉันพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติอย่างที่สุดเท่าที่ฉันคิดว่าจะดูแนบเนียนที่สุดถึงมันจะค่อนข้างตรงกันข้ามกับเสียงหัวใจที่ดังราวกับระเบิดตั้งเวลาก็เหอะ
เอาวะ...เวลานี้ฉันควรตัดสินใจทำเป็นลืมเรื่องราวของตัวเองไปก่อน
“เอ่อ ขอโทษทีไอด้า พอดีเพิ่งได้งานโปรเจคมาใหม่ก็เลยมาช้านิดนึง”
“ตลอดเลยนะแม่คุณ เอาเถอะให้อภัยเพราะวันนี้ฉันอารมณ์ดี” ไอด้าบ่นเป็นพิธีก่อนฉีกยิ้มกว้างแล้วหันมาทำท่าเกาะแขนประจบผู้ชายที่กำลังทำหน้านิ่งจ้องมองฉันอยู่ด้วยสายตาแปลก ๆ
แม่เจ้า...เขาจะรู้ไหมนะว่าสายตาของเขากำลังทำให้ฉันหายใจไม่ออก
“นี่ที่ฉันนัดมาวันนี้เพราะว่าฉันจะมาเปิดตัวคู่หมั้นให้รู้จักน่ะ”
ไอด้าเริ่มมุ่งเข้าประเด็น ก่อนจะหันไปแนะนำชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา...ที่ฉันไม่ได้อยากทำความรู้จักเลยแม้แต่น้อย แต่จะว่าไปพอดูหน้าเขาชัด ๆ แบบใกล้ ๆ แบบนี้ โคตรหล่อเลย...อึ้มม...ไม่ได้นะอันนา นิ่งไว้ก่อน
นิ่งไว้ ตะ...แต่แหม...ผู้ชายคนนี้ดูดีมากจริง ๆ ผิวขาวเนียนที่เปล่งออร่ามาแต่ไกล ยิ่งพอมาดูใกล้ ๆ แบบนี้จะว่าไปผิวดีกว่าเราอีก แต่...ก็นะ ติดนิดเดียวที่เขาดูหน้านิ่งจนดูน่ากลัวไปหน่อย
“สวัสดีครับ”
น้ำเสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยขึ้น เขาโค้งศีรษะเล็ก ๆ เพื่อทักทาย ฉันจำต้องสบตากับเขาแล้วโค้งศีรษะทักทายกลับเช่นกัน ทำไมนะ...เหมือนสายตาของฉันสังเกตเห็น รอยยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยของเขา ก่อนที่สีหน้าของเขาจะกลับมาเรียบเฉยตามเดิม เขาทำราวกับว่าไม่เคยรู้จักฉันมาก่อนยั้งงั้นแหละ
เออ...อย่าบอกนะว่าเขาจะจำฉันไม่ได้
ใช่ น่าจะเป็นแบบนั้นแหละ ทำตัวปกติเข้าไว้อันนา
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่ออันนานะคะ”
ฉันยิ้มกลับทักทายเขาไปตามมารยาท พยายามทำตัวเหมือนกับว่าไม่เคยรู้จักหรือพบอีกฝ่ายมาก่อนเช่นกัน ส่วนไอด้าเพื่อนสนิทของฉันน่ะเหรอ นางกำลังนั่งกระแซะเบียดอีกฝ่ายจนตัวแทบจะสิงกันอยู่แล้ว ภาพตรงหน้าทำให้ฉันรู้สึกกระอักกระอ่วนบอกไม่ถูก เพราะต่อให้ฉันจะแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขา แต่สุดท้ายฉันก็ไม่สามารถปฏิเสธความเป็นจริงในใจได้เลยว่า หมอนี่คือคนที่พรากความบริสุทธิ์ของฉันไปในคืนนั้น
“เอาไว้ พอถึงงานแต่งงานของฉัน ฉันจะให้แกมาเป็นเพื่อนเจ้าสาว แกโอเคไหม”
“โอเค โอเคสิ ยินดีมาก ๆ อยู่แล้ว ยินดีด้วยนะคะ” ฉันพยายามฉีกยิ้มกว้างให้ทั้งไอด้าและเขา ทั้งที่ภายในใจค่อนข้างรู้สึกตรงกันข้าม
ไอด้าเริ่มชวนฉันคุยไปเรื่อย เพราะหลังจากวันเกิดเหตุนั้นฉันกับไอด้าก็แทบไม่ได้ติดต่อกันเลยเกือบสองอาทิตย์ และเพราะบทสนทนาที่สนุกสนานของไอด้า ทำให้ฉันพยายามไม่ใส่ใจเรื่องคืนนั้นระหว่างเขากับฉันให้ออกจากสมองไป แต่เมื่ออยู่ ๆ ไอด้าวนมาถามเรื่องการทำงานของฉันนี่สิ นาทีนี้เหมือนเริ่มหัวจะปวดอีกรอบ เมื่อนึกไปถึงงานโปรเจคใหม่ที่เพิ่งจะได้รับมา แล้วก็รู้สึกหนักใจมากกว่าเดิม
ตอนแรกที่ได้รับงานก็หลงดีใจจนตัวลอยอยู่หรอกนะ แต่พอรู้ว่างานได้มาค่อนข้างหินเอาการ อารมณ์ก็เหมือนคนโดนเอาหินถ่วงแล้วโยนทิ้งน้ำยังไงยังงั้น
เฮ้อ...
“อย่าถามถึงเรื่องงานเลยของฉันเลยไอด้า โคตรเครียด”
“อ้าว ทำไมล่ะ? ไหนเล่าสิ ฉันรู้จักคนเยอะนะแก เพื่อฉันช่วยแกได้”
ไอด้าแสดงสีหน้าเห็นอกเห็นใจ ส่วนฉันพอนึกถึงเรื่องงานโคตรหินนั่น ก็ลืมความกระอักกระอ่วนในใจไปจนหมด ลมหายใจถูกพ่นออกมาเพื่อระบายความรู้สึกห่อเหี่ยว ฉันยกแขนขึ้นมาท้าวค้างบนโต๊ะ รู้สึกหมดอาลัยตายอยากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ก่อนจะเริ่มสาธยายถึงความรู้สึกอัดอั้นที่มีอยู่ข้างในออกมา
“ก็ที่บริษัทฉันน่ะสิ…อยู่ ๆ ก็โยนงานโคตรหินมาให้ แล้วแกคิดดูนะ ฉันเป็นแค่เด็กใหม่ได้งานโปรเจคที่พวกรุ่นพี่คนอื่นไม่กล้ารับ พอหัวหน้าสั่ง ฉันเลยโดนแจ็คพ๊อต แล้วถ้าฉันทำงานนี้ไม่สำเร็จนะ เหอะ...โดนเพ่งเล็งแหง”
ยิ่งนึกก็ยิ่งกลุ้ม ฉันจึงหันไปเห็นน้ำเปล่าที่บริกรเตรียมเอาไว้ขึ้นมาจิบ เผื่อหัวใจจะได้รู้สึกชุ่มชื้นและบรรเทาความหัวร้อนที่เริ่มคุกรุ่นขึ้นมา
“หืม… งานยากขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ลำพังงานก็ธรรมดานะแหละ ให้ไปเสนออุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ไอ้ยากมันไม่ยากหรอก ถ้าผู้บริหารคนนั้นเป็นคนใจดีแล้วก็ไม่เรื่องมากอะนะ แต่ว่าข้อมูลของคนที่ฉันจะต้องไปขอเข้าพบน่ะสิ ท่าจะยากสุด ๆ”
ฉันเกริ่นเรื่องขึ้นมา ส่วนไอด้ามีท่าทีสนใจหัวข้อที่ฉันเปิด ในขณะที่ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างไอด้ายังคงวางท่าทีนิ่งเฉยนิ่งฟังฉันกับไอด้าคุยเงียบ ๆ แต่ถึงตอนนี้ฉันไม่สนใจแล้วล่ะ ต่อมอยากเมาท์ของฉันก็เริ่มทำงานแล้ว ฉันไม่สนใจแล้วว่าจะมีคนนอกอย่างเขากำลังนั่งฟังและรับรู้เรื่องราวของฉันด้วยอีกคน
“แล้วแกคิดดูนะไอด้า ฉันเพิ่งเริ่มทำงานใหม่ อยู่ ๆ ก็โดนให้ไปเสนองานให้คนที่โคตรหิน แล้วแกว่า...ฉันจะรู้จักเส้นสายที่ไหนไหม...ก็ไม่”
“แล้วโรงพยาบาลอะไรที่แกต้องไปเสนองาน มา...ฉันช่วยแนะนำให้ เผื่อฉันรู้จัก”
“โรงพยาบาล T ส่วนคนที่ฉันต้องเข้าพบ คือผู้บริหารของโรงพยาบาลเป็นนายแพทย์หนุ่มอะไรนี่ล่ะ แต่รุ่นพี่บอกว่าหยิ่งมากเลยนะแถมเข้าถึงตัวยากสุด ๆ สงสัยจะเป็นประเภทพวกมาดเยอะ หรือขี้เก๊ก เนอะแกเนอะ ชื่ออะไรน้า อ๋อๆ ชื่อวาคิม นายแพทย์วาคิม อะ แก”
“...”
ทุกคนดูเหมือนอึ้งไปเมื่อฉันเอ่ยชื่อนี้ ฉันเลยคิดไปเองว่าคงไม่มีใครรู้จักเขาแน่ ๆ ฉันเลยพรั่งพรูทุกสิ่งที่อยู่ในจิตใจออกมา
“เอ่อ…”
ฉันไม่สนใจท่าทางสีหน้าของผู้ฟังอีกต่อไป ตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุดคือการระบายความอัดอั้นตันใจออกมาก็เพียงเท่านั้น
“แล้วแกว่า...สภาพฉันแบบนี้จะได้สัมภาษณ์คนหยิ่ง ๆ แบบนั้นไหม อ้อ...มีอีกนะรุ่นพี่บอกว่าจะส่งรูปถ่ายนายคนนั้นมาให้ป่านนี้ยังไม่ส่งเลยจ้า คนอะไรก็ไม่รู้ดูทำตัวเว่อร์วัง เข้าถึงตัวย้าก ยาก”
“เอ่อ…”
“ยังแก ยังไม่หมด อีตานายแพทย์คนนี้นะน่ะ อาจจะเป็นเกย์ด้วย เพราะไม่เคยคบผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย แกว่าม่ะ ถ้าเป็นผู้ชายปกติก็ต้องเคยมีแฟนมาบ้างแล้วใช่ปะ”
ฉันพูดไปอย่างออกอรรถรสอย่างที่ได้ยินรุ่นพี่ใส่ใข่มาให้ฉัน ก่อนชายหนุ่มที่นั่งฝั่งตรงกันข้ามจะเริ่มชักสีหน้าแปลก ๆ
“คุณอยากนัดพบกับเขาเหรอครับ? ผมเป็นธุระให้ได้นะ เพราะผมรู้จักกับเขาดี”
เสียงเรียบที่เอ่ยมาก ทำให้ฉันหูผึ่งรีบหันกลับมาสนใจที่ชายหนุ่มที่เป็นแฟนใหม่ของไอด้า
“หา คุณรู้จักเขาด้วยหรือคะ” ฉันก็ลืมนึกไปว่าไอด้าเคยบอกว่า ว่าที่คู่หมั้นของเขาเป็นนายแพทย์ หรือบางทีหมอนี่อาจจะรู้จักนายแพทย์ผู้บริหารคนนั้น
“คุณค่ะ...”
ไอด้าดูสีหน้าแปลก ๆ ก่อนที่ฉันจะเห็นเธอหันไปสะกิดไหล่คู่หมั้น สีหน้าไอด้าดูลำบากใจแบบสุด ๆ
“ครับ ผมรู้จักวาคิมดี”