“หากกระหม่อมจะมีภรรยา กระหม่อมก็จะหาหญิงสาวที่งดงามเฉกเช่นพระชายาปิณฑิราเช่นเดียวกันพ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์อัสรัสส์เอ่ยบอกความใจใจ พร้อมกับคลี่ยิ้มออกมาทันที เมื่อมกุฎราชกุมารฟารีสต์ ได้ตรัสถึงพระชายาปิณฑิราพระมารดาของพระองค์ ราษฎรทั่วทั้งประเทศอัสดารานส์ ล้วนรู้ดีว่าพระชายานั้นเป็นกุลสตรีชาวไทยที่งดงามทั้งกายและใจ วีรกรรมในอดีตของพระชายา ที่ยอมเสียสละความสุของตัวเอง เพื่อราษฎรอัสดารานส์ ได้ทำให้ราษฎรทุกคนรักพระชายาเป็นอย่างมาก ซึ่งเขาเองก็อยากมีคนรัก อย่างมีคู่ชีวิตที่เข้มแข็งและงดงามอย่างพระชายาปิณฑิรา
“แล้วเจ้าเจอผู้หญิงคนนั้นบ้างหรือยังอัสรัสส์”
มกุฎราชกุมารฟารีสต์ เอ่ยถามคนที่นั่งอยู่แทบเท้าของพระองค์ ซึ่งอีกฝ่ายก็รีบตีหน้ามุ่ย ส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
“กระหม่อมหายังไม่เจอพ่ะย่ะค่ะ สงสัยชาตินี้ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว เดียวดายไปทั้งชีวิต”
อัสรัสส์ตอบออกมาอย่างผิดหวัง คิดว่าชีวิตนี้ทั้งชีวิตของตน จะหาหญิงสาวผู้นั้นได้หรือเปล่า ซึ่งผู้ที่เป็นเจ้าเหนือหัว ก็ทรงคิดไม่ต่างจากองครักษ์ผู้รับใช้สักเท่าไร
“อย่าว่าแต่เจ้าเลยอัสรัสส์ เราก็รอมาจนถึง 31 ปีแล้ว แต่เรายังไม่เจอหญิงสาว ที่รักเราอย่างจริงใจสักคน”
มกุฎราชกุมารฟารีสต์ทรงบ่นกระปอดกระแปด ถึงเรื่องเนื้อคู่ตุนาหงันของพระองค์ กับองรักษ์เอกไม่ได้หยุด โดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้ท่านพ่อและท่านแม่ของพระองค์ รวมทั้งขนิษฐาตัวแสบได้แอบมายืนฟังอยู่ข้างๆ ประตูห้องได้สักพักใหญ่แล้ว
ราชนิกุลหนุ่มผู้ที่จะก้าวขึ้นครองราชย์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ได้ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปที่นอกระเบียบ ซึ่งสามารถทอดสายตา มองเห็นคลื่นทะเลทรายสีทอง อันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาได้อย่างชัดเจน จากนั้นก็ทรงรำพึงงำพันออกมาอีกครั้ง
“ชาตินี้จะมีหญิงสาวคนไหนที่เหมือนท่านแม่บ้างนะ จะต้องรอไปอีกกี่ปี ถึงจะได้เจอหญิงสาวคนนั้น”
“แม่คิดว่าไม่นานเกินรอ ฟารีสต์ก็จะได้พบกับหญิงสาวคนนั้นอย่างแน่นอน”
มกุฎราชกุมารฟารีสต์หันขวับตามน้ำเสียงที่ลอยมาตามสายลมอันแสนไพเราะ เต็มไปด้วยความรัก ความเมตตาที่พระมารดาได้มอบให้กับพระองค์เสมอ และเมื่อได้เห็นร่างโปร่งบางของพระมารดา ที่คงความสวยไม่สร่าง แม้จะล่วงเข้าวัยห้าสิบปีตอนปลายแล้วก็ตาม ซึ่งได้เดินนำหน้าพระบิดาของพระองค์มา ก็ได้รีบเข้าไปสวมกอดพระมารดาไว้แนบแน่นด้วยความรัก
“ท่านแม่ เสด็จมาเมื่อไร ทำไมไม่ให้สุ้มให้เสียงเลยล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
“แหม! ขืนมาแบบอึกทึกครึกโครม ก็ไม่ได้รู้กันพอดี ว่าพี่ชายสุดหล่อของติย่า กำลังบ่นหาเนื้อคู่ผู้เคราะห์ร้ายอยู่”
องค์หญิงฟาติย่า ซัลฮาบินด์ อัลวาสต์ หรือติย่า องค์หญิงแสนสวย ขนิษฐาของมกุฎราชกุมารฟารีสต์ ได้เอ่ยแซวเชษฐา ก่อนจะหัวเราะคิกพร้อมกับหวีดร้องเสียงหลง วิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังพระบิดา เมื่อเชษฐาแกล้งตีหน้ายักษ์ ทำเสียงฮึ่มๆ แล้วเดินเข้าใส่ทันที
“ยายติย่าตัวแสบ เข้าใจแซวพี่นักนะ มานี้เลย มาให้พี่ลงโทษซะดีๆ”
มกุฎราชกุมารฟารีสต์ แสร้งตีสีพระพักตร์ถมึงทึง ก้าวเท้ายาวๆ เข้าหาองค์หญิงฟาติย่า นางฟ้าแสนสวยของราชวงศ์ซัลฮาบินด์ อัลวาสต์ ที่นอกจะมีใบหน้างดงามไม่แพ้พระมารดาแล้ว ยังดื้อรั้น แสบซนสุดๆ และเมื่อขนิษฐาร้องกรี๊ดวิ่งเข้าไปหลบอยู่ข้างหลังพระบิดา ใช้เรือนกายใหญ่โตของพระบิดาเป็นที่หลบกำบัง ก็รีบวิ่งเข้าไปหา พร้อมกับเอื้อมพระหัตถ์ไปคว้าต้นแขนขาวเนียนของขนิษฐาคนสวย
“กรี๊ด!!! ท่านพี่ฟารีสต์ ติย่าไม่เล่นแล้วนะ”
องค์หญิงฟาติย่าร้องบอกรัวเร็ว ก่อนจะวิ่งหนีเชษฐาอยู่รอบๆ ตัวพระบิดากับพระมารดา พอเห็นจวนตัวว่ากำลังจะถูกเชษฐาจับได้ก็รีบเอ่ยบอกเสียงร้อนรนอีกครั้ง
“ท่านพี่...ติย่ายอมแพ้แล้ว เลิกไล่เถอะ ติย่าเหนื่อย”
องค์หญิงคนสวยยังหลบอยู่ข้างหลังพระบิดาเหมือนเดิม โผล่เฉพาะใบหน้างดงามคมเข้ม แบบลูกครึ่งอาหรับมามองเชษฐา ตอนที่ได้เอ่ยขอร้องเสียงสั่นเพราะเหนื่อยหอบ
“ทำไมเหนื่อยเร็วนักล่ะติย่า ตะกี้พี่ยังเห็นเธอร้องกรี๊ดๆ วิ่งรอบท่านพ่ออยู่เลย”
มกุฎราชกุมารฟารีสต์ไม่มีทีท่าว่าจะเชื่อมารยาของขนิษฐาคนสวย เพราะฟาติย่านอกจากจะสวยน่ารัก ชาญฉลาดแล้ว ยังมารยาไม่มีใครเกิน
องค์หญิงฟาติย่าหันไปมองท่านพ่อท่านแม่ ก่อนจะทำตาปริบๆ ดูน่าสงสาร พร้อมกับร้องขอเสียงอ่อย เรียกรอยยิ้มได้จากผู้ที่เป็นเชษฐา
“ท่านพ่อ ท่านแม่คะ บอกให้พี่ฟารีสต์ หยุดไล่ติย่าหน่อยสิคะ ติย่าเหนื่อย เมื่อยขาไปหมดแล้ว”
พระชายาปิณฑิรากับชีคฟาซิซต์ พระมารดา พระบิดาของมกุฎราชกุมารหนุ่มและองค์หญิงฟาติย่า ต่างก็มองพระพักตร์กันแล้วยิ้มกว้าง ส่ายพระพักตร์ราวกับระอาการเล่นหยอกล้อของโอรสธิดาของพวกตน ที่มักจะเล่นกันราวกับเด็กตัวเล็กๆ ทั้งๆ ที่จะขึ้นครองราชย์อยู่ไม่กี่วันแล้ว
“ฟารีสต์ เลิกแกล้งน้องเถอะ เดี๋ยวติย่าหายใจหายคอไม่ทัน จะเป็นลมเป็นแล้งได้”
ชีคฟาซิซต์ ผู้เป็นบิดาได้ตรัสห้ามโอรส ที่ยังคงแกล้งตีหน้ายักษ์ใส่ขนิษฐาอยู่ และหากให้เดา พระองค์รู้ว่าองค์หญิงแสนสวย ซึ่งหลบอยู่ข้างหลังพระองค์ คงกำลังตีหน้าทะเล้นใส่ผู้ที่เป็นเชษฐาอยู่เช่นเดียวกัน
“จริงด้วยค่ะ เลิกแกล้งติย่าได้แล้ว ติย่านะแสนจะบอบบางและอ่อนหวาน ขืนให้วิ่งมากๆ จะเป็นลมล้มพับไปกองกับพื้นนะท่านพี่”
องค์หญิงฟาติย่า รีบพยักหน้าเออออห่อหมกตามที่พระบิดาได้ตรัสออกมา แต่แทนที่จะทำสีหน้าให้ดูน่าสงสารตามน้ำเสียงที่เปล่งออกมาอย่างแผ่วเบา องค์หญิงคนสวยกลับตีหน้าทะเล้น แลบลิ้นใส่เชษฐา พร้อมกับแอบหัวเราะคิกอยู่ตลอดเวลา
มกุฎราชกุมารฟารีสต์กลอกตาขึ้นบนอย่างเซ็งๆ เมื่อรู้ว่าพระองค์ต้องพ่ายแพ้ ให้กับความแก่นแก้วของขนิษฐาอีกแล้ว
“ท่านพ่อ ถือท้ายบ่อยๆ แบบนี้ เดี๋ยวยายตัวเปี๊ยกก็เหลิงได้ใจหรอกพ่ะย่ะค่ะ”
น้ำเสียงที่ตรัสออกมานั้นอาจจะฟังดูเป็นการตำหนิ แต่จริงๆ แล้วมกุฎราชกุมารหนุ่ม ตรัสออกมาเพราะความรักในตัวขนิษฐาต่างหาก องค์หญิงฟาติย่า ห่างจากพระองค์ 7 ปี แม้ว่าขนิษฐาจะมีอายุถึง 25 ปีแล้ว แต่พระองค์ก็คิดเสมอว่าฟาติย่ายังเป็นองค์หญิงน้อยๆ ตัวกะเปี๊ยกที่พระองค์เคยให้ขี่คอเล่นเมื่อหลายยี่สิบปีก่อน
“ท่านพี่นะ ทำไมชอบเรียกติย่าว่ายายตัวเปี๊ยกด้วย ติย่าไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
ผู้ที่เป็นพระบิดาไม่ทันได้ตอบโอรส คนที่ถูกเรียกว่ายายตัวเปี๊ยก ก็ก้าวออกมาจากหลังของพระบิดาแล้วยกมือเท้าสะเอว จ้องมองเชษฐาอย่างหาเรื่อง