ในเวลาสองแม่ลูกกำลังช่วยกันเก็บข้าวของเข้าที่ หลังจากที่เหมารถหกล้อ เอาของมาส่งให้ หลังจากที่ใช้เงินเป็นแสนเซ็งร้านนี้มา โดยที่เจ้าของเดิมเขาได้เซ็นกรรมสิทธิ์ให้กับองุ่นเป็นผู้เช่าต่อ ซึ่งในสัญญาได้ระบุเอาไว้ เธอจะจ่ายเป็นรายปีหรือรายเดือนก็ได้ หญิงสาวมองว่าค่าเช่าที่นี่ถูกมากเดือนละแค่ห้าพันบาท เจ้าของที่เขาต้องเป็นคนที่มีจิตใจดีมาก เพราะเธอคิดว่าต้องทำรายได้ต่อเดือนไม่ต่ำกว่าสองสามหมื่นอย่างแน่นอน หรืออาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ และที่เธอบอกว่าสองสามหมื่นนั้นมันคือกำไร หลังจากที่หักต้นทุนออกแล้ว ซึ่งสำหรับองุ่นมันโอเคมากๆ เพราะดูจากทำเล ที่นี่น่าจะขายอาหารตามสั่งดีเป็นเทน้ำเทท่า และเธอก็กำลังคิดว่าจะตั้งราคาไม่แพง เพราะค่าเช่าที่ก็ไม่สูง ถือว่าเกื้อกูลกันและกัน
"องุ่นเก็บกวาดห้องหลังร้านเสร็จแล้ว แม่ไปนอนพักเถอะจ้ะมาเหนื่อยๆ เดี๋ยวข้างนอกองุ่นจัดการเอง"เมื่อหญิงสาวเห็นมารดามีใบหน้าที่อิดโรย เธอก็เกิดความรู้สึกห่วงใยขึ้นมาในทันที เพราะนั่งรถมาทั้งคืนนางก็คงจะเมื่อยเป็นธรรมดา
"แม่ยังไหวไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เอง เก็บกวาดช่วยกันจะได้เสร็จไวๆ"
"ไม่เอา แม่อย่าดื้อสิจ๊ะ ลุกไปอาบน้ำนอนพักผ่อนเดี๋ยวองุ่นจะทำข้าวต้มน้ำร้อนๆ ให้ทาน โอเคไหม" หญิงสาวพูดพร้อมดันหลังมารดาเบาๆ เพื่อให้นางนั้นได้ไปพักผ่อน เพราะร้านนี้มีห้องนอนสองห้องแยกออกไปทางด้านหลังร้าน และก็มีห้องครัวอีกด้วย มันก็สมกับราคาที่เธอเซ้งมาเป็นแสน และเนื้อที่ก็กว้างพอสมควร โต๊ะที่ใช้สำหรับให้ลูกค้าได้นั่งรับประทานอาหาร ก็ประมาณสิบกว่าโต๊ะเห็นจะได้ เจ้าของร้านคนเดิมคงร่ำรวยไปแล้ว ถึงยอมออกเซ้งร้านให้กับเธอ
"อ้าว! ได้ข่าวว่าคนเดิมเขาย้ายออกไปแล้วนี่ หนูเป็นคนเซ้งร้านต่อเหรอจ๊ะ" หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาทัก ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ท่าทางน่าจะเป็นคนแถวนี้
"ใช่จ้าป้า ฉันจะมาเปิดร้านอาหารตามสั่งแทนป้าคนเดิมที่ย้ายออกไป ฝากอุดหนุนด้วยนะจ๊ะลองแวะมาชิมได้" หญิงสาวพูดออกไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม พร้อมที่จะเป็นมิตรกับทุกคน
"อ้าว! หนูไม่รู้เหรอจ๊ะว่าอีกไม่นาน ที่ตรงนี้เขาจะสร้างคอนโด เห็นบอกว่าต้นเดือนนายทุนเขาก็จะมารื้อแล้วนะ" หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับกระซิบออกมาเบาๆ เหมือนกับกลัวว่าใครจะได้ยิน
"ฮะ!! ไม่จริงมั้งป้า ป้าไปเอาข่าวนี้มาจากไหน ฉันไม่มีทางเสียเงินเซ้งร้านไปฟรีๆ หรอกนะ ต่อให้เป็นนายทุนมีอิทธิพลแค่ไหนก็ตาม ฉันสู้ยิบตาไม่ถอยแน่" ดวงตาคู่สวยฉายแววแข็งกร้าวออกมา ยังกับคนไม่ยอมใคร ทั้งที่ภายในใจของเธอเริ่มหวั่นไหวและหวาดกลัว เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ชีวิตของเธอคงก้าวเข้าสู่หายนะอีกครั้ง เพราะเงินเก็บที่มีก็เหลือเพียงแค่ไว้ลงทุนซื้อของเข้าร้านเท่านั้น
"ป้าจะพูดเล่นทำไม บ้านของป้าอยู่ในซอยหลังร้านหนูนี่เอง พวกเราอยู่กันมาหลายสิบปี ไม่คิดว่าจะโดนไล่ที่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้หรอก เพราะที่ตรงนี้ มันไม่ใช่ที่สาธารณะ ที่เขายอมเมตตาให้พวกเราอยู่มาได้ขนาดนี้ก็บุญเท่าไหร่ แถมยังให้เงินครอบครัวล่ะห้าพันไปตั้งหลักอีกด้วย" ความจริงแล้วบางครอบครัวก็มีสัญญาเช่าเป็นรายปี แต่ก็ไม่กล้าลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเอง เมื่อพวกเขาคิดว่าที่ผ่านมาเจ้าของที่ดินก็มีบุญคุณท่วมหัว เช่าแค่เดือนละห้าร้อย หากเดือนไหนไม่มีก็ผลัดไปก่อนได้ ถ้าหากวันนี้เขาต้องการเรียกคืนเพื่อทำกำไรมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร เพราะถึงยังไงเขาก็ถือกรรมสิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
"ป้าใจ ฉันตามหาอยู่ตั้งนานป้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่ กลับบ้านได้แล้ว หัวหน้าหมู่บ้านเรียกประชุม ไม่รู้ว่านายทุน จะมาเสนออะไรให้อีกเร็วเข้า"นั่นคือเสียงของหลานชายป้าใจ ที่เพิ่งจะเข้าเรียนมัธยมศึกษาปีที่สี่ วิ่งเหนื่อยหอบหน้าตาตื่นเข้ามาหาผู้เป็นป้า และที่เขาเรียกว่าหัวหน้าหมู่บ้าน เนื่องจากว่าพวกเขาได้จัดตั้งผู้นำขึ้นมาเอง เพื่อมีไว้ปรึกษาหารือและช่วยกันคิดแก้ปัญหา ภายในชุมชนเล็กๆ ของเขาพวกเขา
"นังหนู ไปฟังด้วยกันไหม เผื่อว่านายทุนจะเสนออะไรใหม่ๆ มาให้พวกเรา บางทีเขาอาจจะเพิ่มเงินให้ก็ได้นะ ไปเถอะ" ป้าใจกำลังยืนคะยั้นคะยอขอให้องุ่นตามนางไปประชุมด้วยกัน ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนว่าหญิงวัยกลางคนจะตีสนิทคนง่ายเป็นมิตรกับคนรอบข้างหรือพูดง่ายๆ นางเป็นเหมือนหอกระจายข่าวให้กับชุมชน โดยไม่ต้องใช้เครื่องขยายเสียงหรือว่าโทรโข่งเลยด้วยซ้ำ
"เอาไว้วันหลังนะจ๊ะป้า วันนี้ฉันต้องจัดของ แล้วต้องทำอาหารให้แม่ทานด้วย" องุ่นทำหน้าทำตาเหมือนกับคนกำลังใช้ความคิด เมื่อเธอกำลังคิดว่าควรจะศึกษารายละเอียดเก็บข้อมูลให้มากกว่านี้ก่อน และถ้าเธอเข้าประชุมด้วย ทุกคนคงต้องแปลกใจว่าเธอเป็นใครมาจากไหน ทำไมถึงได้ตามป้าใจไปเข้าร่วมประชุมด้วย
"เรื่องนี้มันสำคัญกับเรามากนะนังหนู นอกจากพวกป้าหนูก็ต้องได้รับผลกระทบเต็มๆ เพราะร้านนี้ยังไงก็ต้องถูกรื้อออกไปวันยังค่ำ เหตุผลแค่นี้หนูว่าเป็นไง จะเปลี่ยนใจไปกับป้าได้หรือยัง"
"เอ่อ... แต่องุ่นว่า..." หญิงสาวพูดจาออกมาอ้ำอึ้งอย่างลังเลใจ เพราะเธอเองก็อยากรู้เหมือนกันว่านายทุนจะพูดอะไร ถ้าหากเขาให้เธอย้ายออกไป มีหวังต้องอดตายอย่างแน่นอน
"หนูชื่อองุ่นเหรอ ชื่อเพราะจัง อย่าลังเลใจเลยไปกับป้า รับรองว่าไม่มีใครกล้าว่าอะไรหนูหรอก ป้าจะได้แนะนำทุกคนให้รู้จักหนู แม้ว่าพวกเราจะอยู่ที่นี่อีกไม่นาน แต่รับรองว่าทุกคนต้องไปอุดหนุนอาหารที่ร้านหนูทุกวันจนทำไม่ทันแน่" ป้าใจไม่รั้งรอให้องุ่นปฏิเสธ นางรีบคว้ามือหญิงสาวให้เดินตามไปในทันที เพราะที่ทุกคนเรียกว่าหมู่บ้านนั้นอยู่ไม่ไกล เดินไปในซอยแป๊บเดียวก็ถึง
"ป้าปล่อยมือองุ่นได้แล้ว หนูเดินเองได้ บ้านแต่ละหลังทุกคนสร้างเองเหรอจ๊ะป้า ทำไมไม่เหมือนกันสักหลังเลย" พอเดินเข้ามาในซอยองุ่นก็เริ่มสงสัย เพราะบางหลังมันทรุดโทรมมาก แต่โดยรวมแล้วส่วนมากบ้านแต่ละหลังก็ดูดี พออาศัยหลบแดดหลบฝนได้
"ใช่จ้า ค่าเช่าที่ล็อกละห้าร้อยต่อเดือน สำหรับป้าแล้วมันกว้างมากเลยนะ ทั้งปลูกบ้านไว้อาศัย ทั้งปลูกผักไว้กิน เจ้าของที่ใจดีมากเลย"คำบอกเล่าของป้าใจ ทำให้องุ่นชักอยากจะเห็นหน้าเจ้าของที่แห่งนี้แล้วสิ แต่ทำไมเขาถึงเปลี่ยนใจอยากได้กำไรขึ้นมา หรืออาจเป็นเพราะว่าเขาขาดทุนมานานแล้ว ที่ปล่อยให้ทุกคนเช่าแค่เดือนละห้าร้อยตั้งหลายตารางวา