ชายหนุ่มมาดขรึม ใส่สูทผูกไท กำลังเดินเข้ามาภายในบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ พร้อมกับบิดาของเขา ซึ่งตุลาเพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศ หลายวันแล้ว หลังจากที่เขาไปเรียนต่อปริญญาโท ชายหนุ่มในมาดนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ที่ใครต่อใครต่างก็จับตาและให้ความสนใจ เมื่อเขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นถึงรองประธานบริษัท แน่นอนอีกไม่นานตำแหน่งประธานย่อมตกเป็นของเขา เมื่อตุลาเป็นลูกชายคนโตของบ้าน ส่วนกันยาคงไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้หญิงสาวไปเป็นสะใภ้ไร่กวางกมล และเธอก็คงจะตั้งรกรากอยู่ที่นั่นถาวร ส่วนธันวาลูกชายคนเล็ก เพิ่งเข้าเรียนในชั้นประถมปีที่สอง กว่าจะเข้ามาบริหารงานช่วยพี่ชายได้ ก็คงต้องใช้เวลาอีกตั้งสิบกว่าปี
"ตุลาเย็นนี้พ่อมีนัดกับหุ้นส่วนรายใหญ่ แต่แม่โทรให้พ่อรีบกลับ ลูกไปพบเขาแทนพ่อได้ไหม" อีธานพูดกับลูกชายพร้อมกับฉายแววตาเจ้าเล่ห์ออกมา เมื่อเขามีความปรารถนาอยากให้ตุลา ได้ทำความรู้จักกับลูกสาวหุ้นส่วนรายใหญ่ของเขา
"ได้ครับพ่อไม่มีปัญหา เย็นนี้เลิกงานพ่อก็รีบกลับบ้านได้เลย เดี๋ยวแม่จะรอนานโดนบ่นผมไม่รู้ด้วยนะ" ตุลาพูดกับบิดาพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อนึกถึงผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างบิดาของเขา เวลาที่อยู่บ้านอีธานกลับทำตัวราวกับเจ้าแมวเหมียว เหมือนกับเสือที่ถอดเขี้ยว เพียงแค่มารดาของเขาพูดไม่กี่คำ ดูเหมือนว่าผู้เป็นบิดาก็จะยอมจำนนทำตามและยอมก้มหัวให้ทุกครั้งไป ตุลาคิดว่าอานุภาพของความรัก มันช่างร้ายแรงยิ่งนัก สามารถทำให้ผู้ชายคนหนึ่งยอมผู้หญิงคนหนึ่งได้มากขนาดนี้
"โอเค"
เมื่อลิฟต์เปิดออกกว้างอีธานได้เดินตรงไปยังห้องทำงานของเขา ส่วนตุลาเอง ก็เดินตรงไปยังห้องทำงานของเขาเช่นกัน โดยมีเลขาหน้าห้องยืนขึ้นต้อนรับ หล่อนยกมือขึ้นไหว้พร้อมกับรอยยิ้ม ที่พยายามโปรยเสน่ห์มัดใจชายหนุ่ม เมื่อโพรไฟล์เขานั้น ช่างเพอร์เฟกต์สมบูรณ์แบบไม่มีที่ติ
"สวัสดีค่ะคุณตุลา"
"สวัสดีครับคุณน้ำตาลช่วยเอาเอกสารที่ ท่านประธานจะไปพบกับหุ้นส่วนรายใหญ่เย็นนี้ แนบรายละเอียดทั้งหมดไปให้ผมด้วย ด่วนเลยนะ" ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมใบหน้าของเขาดูเย็นชา จนไม่สามารถเดาอารมณ์ได้
"ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวดิฉันจะจัดการให้" น้ำตาลรีบรับปาก จากนั้นท่านรองประธานหนุ่มก็เดินเข้าไปในห้องทำงาน หล่อนไม่รอช้ารีบรวบรวมข้อมูลทันที ก่อนที่เลขาสาวจะทำหน้าแปลกใจ เพราะข้อมูลที่ระบุเอาไว้ ท่านประธานก็ได้เจรจา กับหุ้นส่วนรายใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว เพราะโปรเจกต์นี้จะเริ่มขึ้นในต้นเดือน
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เคาะประตูดังขึ้น จากนั้นไม่นานหญิงสาวร่างอรชร ในชุดเดรสกระโปรงรัดรูป แล้วสวมสูททับตามแบบฉบับที่เลขาเขานิยมใส่กัน
"นี่คือเอกสารทั้งหมด แต่ตาลรู้สึกว่าท่านประธานได้ไปเจรจากับคุณชยาแล้วนะคะ" เลขาสาวก้มหน้าพร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา เมื่อเธอพอจะเดาได้ถึงจุดประสงค์ของท่านประธานในวันนี้ ที่ต้องการให้ตุลาไปพบ กับคุณชยา คงอยากให้ชายหนุ่มได้ทำความรู้จักกับลูกสาวคนเดียวของเขา ถ้าหากทั้งคู่ลงเอยกันได้คงจะเป็นคู่ที่น่าอิจฉา ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา หรือฐานะในชาติตระกูล มันช่างสมบูรณ์เพอร์เฟกต์ยิ่งกว่ากิ่งทองใบหยกด้วยซ้ำ
"ขอบคุณมาก ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะดูรายละเอียดทั้งหมดเอง" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเปิดแฟ้มเอกสารดู จากนั้นเลขาสาวก็ค่อยๆ ก้าวเท้าเดินออกไปจากห้อง
"นี่มันอะไรกัน จะสร้างคอนโดหน้าโรงงานเฟอร์นิเจอร์ ใครเป็นคนต้นคิด" ตุลาถึงกับเอามือขึ้นมากุมขมับ เพราะเขาเชื่อว่าคนนับร้อย นับพัน ต้องเดือดร้อนอย่างแน่นอน เนื่องจากว่าที่ตรงนั้นส่วนมากจะเป็นที่รกร้างปล่อยให้เช่ามาเป็นสิบยี่สิบปี บางคนที่ลืมตาอ้าปากได้หน่อยก็สร้างบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้แบบอยู่ถาวรไปแล้วด้วยซ้ำ คนที่คิดโครงการนี้ขึ้นมาคงจะหวังกำไรโดยไม่ได้สนใจความเป็นอยู่ของคนเหล่านั้นเลยสักนิด เพราะบางคนอยู่มาทั้งชีวิต ตั้งแต่ก่อนที่บิดาของเขายังไม่ได้แสดงตัวว่าเป็นเจ้าของที่แห่งนั้นด้วยซ้ำ
"หากสร้างคอนโดจริงๆ พวกเขาจะไปอยู่ที่ไหน คนหาเช้ากินค่ำคงไม่มีปัญญามาเช่าคอนโดราคาห้าหกหลักต่อเดือนแน่ ลำพังค่าเช่าที่ทุกวันนี้หลักร้อยหลักพันยังลำบากเลย" ชายหนุ่มพูดออกมาคนเดียว เมื่อกำลังใช้สมองคิดจะช่วยคนอื่นที่ไม่ใช่ญาติไม่ได้รู้จัก แต่เป็นเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก
"ฮัลโหลคุณน้ำตาล ช่วยติดต่อคนที่ดูแลโครงการนี้ให้เขามาพบผมที่ห้องที" ชายหนุ่มตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะขึ้นมาโทรออกหาเลขา ยังไงเขาก็ต้องยับยั้งโครงการนี้ให้ได้ ไม่ว่าต้องขาดทุนไปกี่ร้อยกี่พันล้านก็ตามที
"ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวดิฉันจะโทรตามคุณเผด็จให้" เมื่อวางสายจากเลขาสาว ตุลาค่อยๆ เปิดดูรายละเอียดในแฟ้มอีกครั้ง ชายหนุ่มกำลังคิดว่า โครงการนี้มารดาของเขาคงไม่รู้ ที่สำคัญนายชยาคงอยู่เบื้องหลัง ที่เป็นคนผลักดันให้บิดาของเขาคล้อยตาม แต่ที่ตุลากำลังสงสัยก็คือนายชยา คงคิดหาทางย้ายทุกคน ที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นไปที่ไหนสักแห่ง จึงทำให้บิดาของเขาเห็นดีเห็นงามไปด้วย
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงคนเคาะประตูห้องดังขึ้นจากนั้นไม่นานชายร่างสูงใหญ่ หน้าตาก็ดูหล่อเหลาคมคายได้เดินเข้ามา ภายในห้องของท่านประธานหนุ่ม
"สวัสดีครับคุณตุลา คุณต้องการพบผมมีอะไรหรือเปล่าครับ"
"เชิญนั่งก่อนสิ"
"ขอบคุณครับ" เผด็จก้มศีรษะเล็กน้อยตามมารยาท ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งลงไป ตรงข้ามกับตุลา
"ผมอยากรู้รายละเอียดทั้งหมด เกี่ยวกับโครงการสร้างคอนโดหน้าโรงงานเฟอร์นิเจอร์ ใครเป็นคนต้นคิด" น้ำเสียงของชายหนุ่มไม่เกรี้ยวกราด แต่ทว่าได้วางอำนาจอยู่ในที จนทำให้คนฟังนั้นรู้ดี ถึงความรู้สึกโกรธของท่านรองประธานหนุ่มที่มี
"เอ่อ... คือ คุณชยาเป็นคนต้นคิดและเสนอให้กับท่านประธานได้ไตร่ตรอง จนเห็นว่าไม่มีผลเสียกับคนที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น ท่านประธานจึงยอมอนุมัติโครงการนี้ครับ" น้ำเสียงของเผด็จไปด้วยความรู้สึกหนักใจ เมื่อเขาไม่สามารถโต้แย้งใดๆ ออกไปได้เลย
"ทำไมจะไม่มีผลกระทบล่ะ พวกเขาจะไปอยู่ที่ไหน ที่ตรงนั้นท่านประธานก็เคยประกาศเอาไว้แล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่แตะต้องที่ดินผืนนั้น ปกติพ่อผมก็ไม่ใช่คนที่เห็นผลประโยชน์ทางธุรกิจเป็นหลักอยู่แล้ว จึงปล่อยให้คนหาเช้ากินค่ำได้เช่าในราคาถูก แต่ต้องปลูกบ้านอยู่เอง จะแบบชั่วคราวหรือถาวรคุณพ่อก็ไม่ขัดข้อง" ตุลาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ เมื่อเขากำลังคิดว่าชยาคงคิดเอาแต่ได้ ผู้ชายคนนี้คงวางแผนมาดี ถึง ทำให้คนที่มีเมตตาอย่างบิดาของเขานั้นยอมใจอ่อนทำอะไรแบบนี้ได้
"ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดดีไหม เพราะพูดไปก็ไม่มีหลักฐาน" เผด็จมีสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนะ เพราะเขากลัวว่าจะเป็นการปรักปรำนายชยา
"คุณรู้อะไรก็พูดมาเถอะ เรื่องนี้จะเป็นความลับระหว่างเราสองคน แต่ผมคงยอมให้เขาสร้างคอนโดหน้าโรงงานไม่ได้ เพราะมันมีหลายปัจจัย โครงการนี้ถ้าดึงดันที่จะทำ ยังไงก็เจ๊งไม่เป็นท่าแน่ ใครเขาสร้างคอนโดไว้หน้าโรงงาน ที่มีความเสี่ยงแบบนั้นได้ และที่สำคัญผมต้องการให้ทุกคนที่อาศัยอยู่ในที่ตรงนั้น ได้ทำมาหากินสะดวกขึ้น เพราะมันใกล้โรงงาน" เผด็จยอมรับว่าชื่นชมในตัวตุลามาก เขาเพิ่งเห็นนักธุรกิจที่ไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตน เพราะนอกจากท่านประธานแล้ว ก็มีท่านรองประธานเป็นลูกไม้ที่หล่นไม่ไกลต้น จากนั้นชายหนุ่มจึงยอมพูดความจริงทั้งหมดให้กับตุลาได้ทราบ แม้ว่ามันจะไม่มีหลักฐาน แต่ท่านรองประธานหนุ่มก็ไม่มีทางยอมให้สร้างคอนโด ในที่ตรงนั้นเป็นอันขาด