"ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ พี่ไม่ถือน้องน่ารักจะตาย" บุษบายังคงพูดจาออกมาได้อย่างนุ่มนวลน่าฟัง ฟังเหมือนเดิม แต่ภายในใจของเธอนั้น ไม่รู้สึกอินหรือชอบเด็กเลยสักนิด
"ถ้าอย่างนั้นผมกลับแล้วครับคุณพ่อคุณแม่สวัสดีครับ"
"จ้า ขับรถดีๆ นะ ซันนี่" ฮันน่ารับไหว้พร้อมกับ พูดออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ผิดไปจากอีธาน ที่รับไหว้แบบพอไปที เนื่องจากว่าเขาไม่ชอบซันนี่
"กลับแล้วนะตุลาธันวา เชิญครับคุณบุษบา"
"ตุลามีอะไรจะคุย ก็ตามไปพบพ่อที่ห้องทำงาน" เมื่อบุษบาและซันนี่เดินออกจากบ้านไป อีธานจึงพูดขึ้น ซึ่งเขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าลูกชายต้องการพูดเรื่องอะไร
"ครับพ่อ" ชายหนุ่มเดินไปหยิบเอกสารที่รถ จากนั้นเขาจึงตัดสินใจ เดินเข้าไปหาผู้เป็นบิดาในห้องทำงาน เพราะเขาไม่ต้องการที่จะให้เกิดโครงการนี้ขึ้น
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! สิ้นเสียงคนเคาะประตูชายร่างสูงใหญ่ได้เดินเข้าไปภายในห้องทำงานของบิดา เขาวางเอกสารลงไว้ที่โต๊ะ ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ ด้วยใบหน้าที่ขรึมเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
"ผมขอคัดค้านโครงการนี้นะครับพ่อ"
"โครงการไหน แล้วบอกพ่อได้หรือเปล่าว่าทำไม" อีธานแกล้งถามลูกชายออกไป เผื่อเขาจะได้หาข้อโต้แย้ง เพื่อให้ลูกชายยอมจำนน ในสิ่งที่เขาต้องการได้
"ก็โครงการสร้างคอนโดหน้าโรงงานเฟอร์นิเจอร์ ผมยังมองไม่เห็นเลยว่าถ้าสร้างไปแล้ว จะได้กำไรตรงไหน มีแต่จะขาดทุนและที่สำคัญทุกคนในชุมชนก็จะกลายเป็นคนไร้บ้านทันที เพราะคุณอาชยาไม่ได้เตรียมรับมือให้พวกเขามีที่อยู่อย่างที่พูดเอาไว้" ตุลาพูดออกระบายออกมาชุดใหญ่ ด้วยความอัดอั้นตันใจ โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงคำพูดของซันนี่ที่บอกว่าองุ่นเปิดร้านอาหารตามสั่งหน้าโรงงานเฟอร์นิเจอร์ แค่ได้ยินชื่อก็ทำให้เขารู้สึกใจหายถ้าหากว่าเธอจะต้องย้ายไปที่อื่น
"แต่โครงการนั้น อยู่ในแผนเรียบร้อยแล้วนะ ถ้ายุติโครงการเราอาจจะขาดทุนเป็นร้อยล้านเลยนะตุลา" อีธานพูดออกไป เพื่อหยั่งเชิงลูกชาย เขาอยากจะทราบเหมือนกันว่าตุลาจะเห็นความสำคัญของคนอื่น มากกว่าผลประโยชน์ของตัวเองหรือเปล่า
"เรื่องนั้นมันแก้ไขได้ เดี๋ยวผมจะจัดการเรื่องหาที่ทางจัดตั้งคอนโดใหม่ รับรองว่าผมจะทำให้พ่อได้กำไรมหาศาล แต่ผมขอแค่อย่างเดียวอย่าไล่ที่พวกเขาเลยนะครับพ่อ"
"ถ้าพ่อตอบตกลง แต่มีข้อแม้ลูกจะโอเคหรือเปล่า"
"ข้อแม้อะไรกับพ่อ"
"แต่งงานกับบุษบา แล้วพ่อจะไม่ยุ่งกับที่ดินผืนนั้นเลย"
"การแต่งงานมันต้องเกิดจากความรัก ไม่ใช่เหรอครับพ่อ เมื่อไหร่ที่การแต่งงานเกิดจากผลประโยชน์ทางธุรกิจ ผมคิดว่าชีวิตนี้มันมีแต่ขาดทุน เพราะสำหรับผมแล้วความรักมันคือกำไรของชีวิต ที่จะทำให้เราอยากตื่นขึ้นมีลมหายใจอยู่ในโลกใบนี้ได้ในทุกๆ วัน" คำตอบของบิดา เป็นเหมือนสายฟ้าที่ฟาดลงกลางใจตุลา เพราะเขาไม่มีทางแต่งงานกับบุษบาต่อให้เธอเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้ เขาก็ไม่มีทางรักลง เมื่อหัวใจของตุลามันพร่ำหาแต่ใครบางคนที่เขารอคอยมาแสนนาน ชายหนุ่มตัดสินใจลุกเดินออกมาจากห้องทำงานของบิดาในทันที ไม่ว่าชีวิตนี้จะต้องเผชิญกับปัญหาอะไร สิ่งเดียวที่เขาจะไม่ทำเด็ดขาด นั่นก็คือการฝืนใจให้รักใครสักคน
ณ ครัวแสนสุของุ่นแซ่บเว่อร์
ภายในร้านอาหาร มีหญิงสาวผิวขาวร่างเล็กกำลังขะมักเขม้นเตรียมวัตถุดิบอยู่ในครัว เพื่อเตรียมเปิดร้าน เธอรับสมัครลูกมือมาคอยช่วยเสิร์ฟและทำทุกอย่างภายในร้าน เข้างานแปดโมงเช้า เลิกงานหกโมงเย็น โดยองุ่นได้สองพี่น้องมาช่วย ชื่อผักกาดกับผักบุ้งน่าจะอายุสิบหกสิบเจ็ดทั้งคู่เรียนจบแค่มอต้น เป็นเด็กในชุมชนนี่เอง ทั้งสองดีใจมากที่องุ่นให้ค่าแรงคนละห้าร้อยต่อวัน หรือถ้าวันไหนขายดีมากๆ ก็จะมีพิเศษให้อีกด้วย
"ถ้าขายดีแบบนี้ทุกวัน อีกไม่นานเราคงมีเงินเก็บไปคืนให้คุณตุลา แล้วก็คุณกริชนะคะแม่" องุ่นพูดขึ้นหลังจากที่เธอเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำเมนูต่างๆ ในร้านเอาไว้เรียบร้อย เหลือแค่หั่นผักนิดหน่อยก็เสร็จแล้ว
"แต่ไม่รู้ว่าข่าวเรื่องที่เขาจะไล่ที่มันจริงหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นเราคงไม่ได้ทุนคืนแน่ แม่ก็ได้แต่ภาวนาขอให้นายทุนเมตตา ยื้อเวลาให้คนจนอย่างพวกเราบ้างสักนิดก็ยังดี" นางมะปรางที่กำลังนั่งเด็ดใบกะเพราให้กับลูกสาวพูดขึ้นมา พร้อมกับใบหน้าที่เป็นกังวลเล็กน้อย แต่ความสวยของนางก็ยังคงมีให้เห็น นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าสวยไม่สร่างกาลเวลาไม่สามารถทำอะไรหญิงวัยกลางคนได้เลย
"แต่องุ่นได้ยินทุกคนเขาพูดกัน ลูกชายเจ้าของโรงงานไม่ยอมให้ทำคอนโด เพราะเขาบอกว่าโครงการนี้พ่อของเขาไม่ได้เป็นคนต้นคิดนะจ๊ะแม่"
"เราก็ขายไปก่อนละกัน ถ้าหากเขาไล่ที่จริงๆ เราค่อยหาทางคิดแก้ไขปัญหา เด็ดเสร็จแล้วแม่ไปอาบน้ำก่อนนะ"
"จ้าแม่ เดี๋ยวองุ่นทำมื้อเช้าไว้รอ เราจะได้ทานข้าวพร้อมกันเลย เดี๋ยวสองคนนั้นก็คงมา" เมื่อมารดาเดินเข้าไปหลังร้าน องุ่นจึงเริ่มจัดแจงลงมือทำเมนูง่ายๆ สำหรับสองแม่ลูก พร้อมกับนึกถึงโชคชะตาของตัวเอง เธอเป็นลูกที่บิดาไม่ต้องการให้เกิดมา แถมยังไม่เคยได้รับความเมตตาจากเขาแม้แต่น้อย แต่เมื่อคนเราเลือกเกิดไม่ได้ เขาก็พร้อมที่จะฝ่าฟันอุปสรรคที่มี หญิงสาวเชื่อว่าสักวันเธอจะต้องใช้หนี้ ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดาและตุลา คนที่หยิบยื่นเช็คใบนั้นมาให้กับเธอ ทั้งที่รู้จักกันเพียงแค่ผิวเผิน
~เวลาสิบสองนาฬิกาสามสิบนาที~
รถสปอร์ตคันหรู ที่แล่นมาด้วยความเร็วสูง ก่อนจะค่อยๆ ชะลอลดความเร็ว เมื่อชายหนุ่มขับลงจากทางด่วน
"พี่ตุลาทำไมขับรถเร็วจัง" เด็กชายในชุดนักเรียนได้เอ่ยถามพี่ชายของเขาขึ้นมา เมื่อตุลาขับเร็วกว่าปกติ
"วันนี้พี่มีประชุมบ่าย ตอนนี้ก็เหลือเวลาไม่ถึงสามสิบนาทีด้วยซ้ำ" ปากก็พูดกับน้องชาย แต่สายตาของเขาแอบชำเลืองมองนาฬิกาเรือนแพงที่ข้อมือ
"แต่ผมหิวข้าว พี่จอดให้ผมกินข้าวก่อนไม่ได้เหรอครับ"
"นายยังไม่ได้ทานมื้อเที่ยงเหรอธันวา" ชายหนุ่มถามธันวา พร้อมกับถอนหายใจออกมา เพราะตอนนี้เขาแวะที่ไหนไม่ได้แล้ว
"ก็ผมนั่งรอพี่มารับ เลยไม่ได้ไปทานข้าวที่โรงอาหารกับเพื่อนนี่ครับ" ธันวาพูดพร้อมกับทำหน้ามุ่ย แถมเขายังเอามือกุมลงไปที่ท้องอีกด้วย
"เอ่อ... เดี๋ยวไปถึงโรงงานฉันจะให้น้ำตาลไปซื้อข้าวผัดที่ร้านอาหารตามสั่งหน้าโรงงานให้โอเคไหม" ตุลาเพิ่งฉุกคิดขึ้นได้ จนทำให้เขานั้นถึงกับแอบยกยิ้มที่มุมปาก เมื่อนึกถึงร้านอาหารตามสั่งที่ซันนี่เคยบอกเอาไว้
"ทำไม อาหารร้านนั้นอร่อยมากเลยเหรอ พี่ถึงได้พูดไปอมยิ้มไปแบบนั้น" ธันวาจ้องหน้าพี่ชายเขม็งด้วยความสงสัย
"ถามมากจัง หรือจะไม่กิน หืม"
"กินสิ ผมหิวจนไส้จะกิ่วอยู่แล้วตอนนี้ ขอเป็นข้าวผัดกุ้งนะครับพี่พิเศษด้วย" ธันวาพูดพร้อมกับนึกถึงข้าวผัดในจานไปด้วย ทำให้เขาถึงกับกลืนน้ำลายลงคอเพราะความหิว
"ได้สิ ลงไปได้แล้ว ที่สำคัญนายต้องรอฉันอยู่บนห้องห้ามออกมาเดินเพ่นพ่านเข้าใจไหม แม้ว่าที่นี่จะเป็นโรงงานของเรา แต่บางที่ก็มีเครื่องจักรมันอันตรายเข้าใจหรือเปล่า" ตุลาพูดออกไปเสียงเข้ม เพื่อให้น้องชายนั้นฟังคำสั่งของเขา โรงงานแห่งนี้แยกเป็นสองส่วน จะมีโซนฝ่ายการผลิตและอีกฟากจะเป็นโกดัง เตรียมส่งสินค้าให้กับลูกค้าที่สั่งออเดอร์มา เพิ่งตึกของผู้บริหารจะอยู่ด้านหน้า เพื่อสะดวกสำหรับการติดต่อ เพราะมีลูกค้าเป็นจำนวนมาก ที่เข้ามาสั่งออเดอร์ในโรงงาน เพื่อจะได้สัมผัสกับสินค้าโดยตรง