“ฉันเห็นในอีเมลว่าเธอสละสิทธิ์ไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัย ทำไมล่ะ”
ชายหนุ่มวางส้อมและมีดหลังจากที่เห็นยาหยียกผ้าเช็ดปากขึ้นซับตรงมุมปากแล้วพับผ้าวางไว้บนโต๊ะอาหาร ดูเหมือนเธอจะอิ่มแล้ว
ฟังคำถามของเขาแล้ว ยาหยีก็อยากจะถามกลับเหมือนกันว่าถ้าเขาอ่านอีเมลของเธอทุกฉบับ เหตุใดตอนที่เธอบอกเขาว่าขอสละสิทธิ์ เขาจึงไม่ตอบกลับหรือหยุดโอนเงินมาให้เสียที ถ้าเธอเมามากกว่านี้ อาจจะถามออกไปจริงๆ ก็ได้ แต่นี่เธอยังมีสติอยู่ แค่มองหน้าเขาโดยไม่กลัวหงอก็ถือว่าแอลกอฮอล์ทำหน้าที่ของมันได้ดีพอตัวแล้ว
ฮึ! เธอคิดมาตลอดว่าคุณพ่ออุปถัมภ์ช่างแสนดี จิตใจดี ใครจะคิดว่าเมื่อกี้เขาจะทำชีกอใส่เธอ นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องค*****นเขา เธอคงยกมือไหว้ขอบคุณความช่วยเหลือของเขาและรีบหนีออกจากที่นี่ไปแล้ว แต่ที่จริงก็ไม่ใช่แค่เรื่องเงินหรอก...
แม้ไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมรับว่าเธอกลัวเขา พอเขาสั่งให้กิน ยาหยีก็ต้องกิน ขัดขืนไม่ได้เลย
“คือหนู...”
ยังไม่ทันอธิบายอะไรออกไป บริกรก็กลับเข้ามาในห้องอาหารเพื่อเสิร์ฟลูกตาลลอยแก้วให้สองที่พร้อมเก็บจานอาหารทั้งหมดออกจากโต๊ะ ยาหยีรอจนเหลือกันตามลำพังสองคนอีกครั้ง จึงยกซองสีน้ำตาลบนตักขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้วเลื่อนซองไปหยุดใกล้ถ้วยขนมหวานของเขา เธอเลือกจะพูดธุระของตัวเองโดยไม่ตอบคำถาม ยาหยีกลัวว่าถ้าเล่าออกไปเขาจะคิดว่าเธอเรียกร้องความสงสารเห็นใจ ฉะนั้นไม่บอกเขาเลยจะดีกว่า...
“หนูถอนเงินมาคืนคุณค่ะ อย่างที่คุณรู้ หนูไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยแล้ว” ยาหยีเก็บรวบรวมเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เขาส่งมาให้เพื่อเป็นทุนการศึกษาในการเรียนต่อมหาวิทยาลัยมานานแล้ว เผื่อจะมีโอกาสได้คืนเขา และวันนั้นก็มาถึง หญิงสาวละมือจากซองสีน้ำตาลแล้วยกมือไหว้ “หนูต้องขอบคุณคุณใหญ่ที่ส่งเสียหนูจนเรียนจบมัธยมทั้งที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ขอบคุณสำหรับชุดนี้ด้วยค่ะ มันสวยมากเลย”
พอพูดถึงเรื่องส่งเสียให้เรียนหนังสือ เรื่องเดรสแสนสวยเข้าชุดกับกระเป๋าและเครื่องประดับที่เขาส่งมาให้ รวมถึงมองไปบนโต๊ะอาหารแล้วเห็นลูกตาลลอยแก้วน่ารับประทานในถ้วยแก้วใส ตกแต่งด้วยดอกลีลาวดีแสนสวยตรงจานรอง ประกอบกับความมึนเมา ทำให้ยาหยีลืมความชีกอของเขาเมื่อสักครู่ไปเสียสนิท เธอคิดถึงแต่เรื่องดีๆ แล้วก็อดซาบซึ้งใจไม่ได้
สาวน้อยพูดต่ออย่างแสนซื่อแกมจริงใจ น้ำตาคลอหน่วยตา
“หนูไม่เคยกินอาหารดีๆ แบบนี้เลยค่ะ คุณใหญ่กรุณาหนูมาก จนหนูไม่รู้จะตอบแทนคุณยังไง”
ไอศูรย์นั่งฟังนิ่งๆ ก่อนจะรับซองสีน้ำตาลมาเปิดดูด้านในที่บรรจุธนบัตรไว้จำนวนหนึ่ง และเมื่อเขาวางมันลงที่เดิม ใบหน้าคมคายก็มองสบตาเธอด้วยแววตาจริงจังแกมดุดัน จนเธอรู้สึกสะท้านไปทั้งไขสันหลัง
“ฉันก็มารับการตอบแทนจากเธอวันนี้ไง” ไอศูรย์ยิ้มเยือกเย็นเมื่อเห็นสาวน้อยทำหน้าสงสัย เธอกะพริบตาปริบๆ ไม่เข้าใจที่เขาพูด ชายหนุ่มจึงขยายความต่อให้ “เธอต้องตอบแทนบุญคุณของฉันด้วยการเป็นเจ้าสาวของฉัน”
เกือบนาทีต่อจากนั้นกว่าที่ยาหยีจะสามารถขยับริมฝีปากได้นิดหนึ่ง เธออ้าปากแล้วหุบลง ก่อนกลืนน้ำลายลงคอให้สองหูที่อื้อกลับมาใช้งานได้ดั่งเก่า เธอคงฟังผิดไป เขาอาจขอให้เธอไป ‘ช่วยงาน’ อะไรสักอย่างในงานแต่งงานของเขากับเจ้าสาวไฮโซสักคน อย่างเช่นไปช่วยล้างจานหรือเสิร์ฟอาหาร
“คุณจะให้หนูไปช่วยงานเหรอคะ”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจคำถาม ก่อนเอ่ยซ้ำ
“ฉันสั่งให้เธอเป็นเจ้าสาวของฉัน หมายถึงเธอต้องแต่งงานกับฉัน ฉันพูดอะไรไม่เคลียร์ตรงไหนไม่ทราบ”
ยาหยีรู้สึกเหมือนถูกตีแสกหน้าจนมึนงงไปหมด เธอจะแต่งงานกับเขาได้อย่างไรและเพื่ออะไร มันไม่มีเหตุผลเลยที่ผู้ชายหล่อเหลาร่ำรวยแบบเขาจะมาแต่งงานกับเธอ
“ทำไมคะ” หญิงสาวพบว่าตัวเองเค้นเสียงออกมาได้แค่นั้น ทั้งที่มีคำถามมากมายที่อยากจะถามออกไป แต่ลำคอเจ้ากรรมดันแห้งผากไปหมด
“ฉันต้องแต่งงาน” เขาตอบเสียงเรียบเรื่อย “แม่ของฉันต้องการทายาทที่จะมาสืบทอดวงศ์ตระกูลอะไรเทือกๆ นั้น ถ้าฉันไม่มีทายาทให้ท่านภายในปีนี้ ท่านจะตัดฉันออกจากกองมรดก เหมือนในละครไง เธอเคยดูหรือเปล่า”
ไอศูรย์พูดต่อยาวเหยียดด้วยท่วงท่าเหมือนหุ่นยนต์ราวกับท่องสคริปต์มาจากบ้าน นั่นทำให้ยาหยีนิ่งอึ้งไปชั่วอึดใจ ก่อนคลี่รอยยิ้มออกมาได้อย่างยากเย็น
“คุณล้อหนูเล่นใช่ไหมคะ”
เขามองตอบด้วยดวงตาคมกริบ ก่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาแบบที่ทำให้ยาหยีรู้สึกหนาวเยือกไปถึงกระดูก
“แล้วหน้าฉันเหมือนกำลังล้อเล่นอยู่หรือไง”
ยาหยีกระสับกระส่าย ไม่รู้จะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไร เธอผิดหวังมากด้วยเมื่อคุณพ่ออุปถัมภ์ที่เธอเคารพและเทิดทูนมาตลอดกลายเป็นชายหนุ่มเลือดเย็นทวงบุญคุณกับเธอด้วยวิธีที่ทำให้เธออยากวิ่งหนีไปจากเขา มันก็ใช่ที่เขาหล่อ รวย มีเงินและอำนาจ ถ้าชี้นิ้วเรียกใครสักคนไปแต่งงานด้วยก็คงไม่มีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธ
แต่ยาหยีนับถือในรักแท้ เธอปรารถนาจะแต่งงานด้วยความรักกับผู้ชายที่เธอรักและจะรักเธอไปชั่วชีวิต ไม่จำเป็นต้องร่ำรวยเงินทอง ไม่จำเป็นต้องหล่อเหลาราวเทพบุตร ขอแค่เขารักเธอและเธอรักเขาก็พอ
ทว่าไอศูรย์ไม่ได้รักเธอแน่นอน แม้ยาหยีจะใจเต้นแรงเมื่อเจอเขา แม้จะยอมรับว่าเขาหล่อเหลาคมคายจนเธอแทบละลายด้วยความไร้เดียงสาและอ่อนประสบการณ์เกี่ยวกับบุรุษ แต่หญิงสาวก็ยังไม่ได้รู้สึกถึงขั้นที่เรียกว่ารักกับเขาในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้
“ทำไมต้องเป็นหนูคะ”
เธอขมวดคิ้วจนแทบจะพันเป็นปม ขอบตาร้อนผ่าวจากการพยายามกลั้นไม่ให้น้ำตาไหล
แต่งงานหรือ...เธอจะเชื่อมั่นได้อย่างไรว่าเขาขอเธอแต่งงานเพราะมีความรู้สึกดีๆ ที่จะพัฒนาเป็นความรักได้ ในเมื่อเขาใช้วิธีทวงบุญคุณและออกคำสั่งแบบนี้
ที่สำคัญแต่งงานแล้วอย่างไร ถ้าเขาบอกว่าแม่เขาอยากมีทายาทเหมือนอย่างในละคร แบบนี้เมื่อเธอคลอดลูกให้ เขาก็จะเฉดหัวเธออย่างนั้นหรือ แล้วชีวิตต่อจากนั้นของเธอจะเป็นอย่างไร
คนใจร้าย...เขาช่างใจร้ายเหลือเกิน...