ยาหยีหลับตาพริ้มด้วยความเคลิบเคลิ้มรสจูบแสนหวาน ก่อนรู้สึกได้ว่าเขาผละออกห่างและไม่กดริมฝีปากลงมาคลึงเคล้าอีก ดวงตากลมโตจึงเปิดขึ้นมองเขา เธอตกใจนิดหน่อยเมื่อเห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์ของไอศูรย์และอดคิดไม่ได้ว่าเธอทำอะไรผิดไปอีกหรือเปล่า
“เอ่อ...หนู คือ...”
ยาหยีดึงมือออกจากอกหนา เธอทำอะไรไม่ถูกและคิดว่าควรจะลงจากรถได้แล้ว จึงหันไปดึงประตูเปิดแต่เปิดไม่ได้ สาวน้อยหันไปมองเจ้าของรถ เขาดูอารมณ์เย็นลงแล้ว ชายหนุ่มถอนหายใจยาวก่อนกดปลดล็อกประตูให้ แต่ไม่วายหันมาสั่งเสียงเข้ม
“อย่าไหว้ฉันอีก ฉันเป็นว่าที่เจ้าบ่าวของเธอ ไม่ใช่คุณพ่ออุปถัมภ์แล้ว” เขาหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อด้วยสุ้มเสียงเอาจริง “ไม่อย่างนั้นฉันจะจูบเธอแบบเมื่อกี้อีก เข้าใจไหม!”
ยาหยีสะดุ้งโหยงก่อนตอบกลับทันควันด้วยความตกใจ
“ขะ...เข้าใจค่ะ”
“ดี...เธอเข้าบ้านเถอะ แล้วเจอกัน”
ยาหยียกมือขึ้นเกือบจะไหว้เขาอีกรอบอยู่แล้วด้วยความเคยชินกับการไปลามาไหว้ตามคำสอนของแม่ตั้งแต่เด็ก แต่เธอมีสติพอที่จะรีบลดมือลงกระชับกระเป๋าสะพายบ่าแล้วลงจากรถคันหรูด้วยหัวใจไหวสั่น สาวน้อยปิดประตูรถให้เขา ยืนรอส่งเขาอยู่ที่หน้ารั้วบ้าน แต่เขาก็ไม่ขับออกไปเสียที มิหนำซ้ำกระจกฝั่งโดยสารยังถูกลดลงก่อนที่เสียงตะโกนสั่งจะดังตามมา
“เข้าบ้านสิ ฉันจะไปก็ต่อเมื่อเห็นเธอเข้าบ้านปิดประตูลงกลอนเรียบร้อยแล้ว”
น้ำเสียงนั้นเจือความห่วงใยอยู่ในที จนยาหยีตามอารมณ์เขาแทบไม่ทัน
“ค่ะคุณใหญ่”
ตอบรับแล้วก็หันหลังก่อนจะล้วงมือเข้าไปหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าสะพายใบเล็ก ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งเพราะไม่ชินกระเป๋า เมื่อหากุญแจเจอแล้วจึงหยิบออกมาไขแม่กุญแจ และเดินเข้าบ้านอย่างไม่เป็นธรรมชาติที่สุดเท่าที่เคยกลับบ้านมา เธอเสียวสันหลังวาบตลอดเวลาเมื่อคิดว่ามีสายตาคมกริบของเขาจับจ้องมองมาจากข้างในรถ
สาวน้อยเดินเข้าห้องนอนส่วนตัวตอนที่เห็นไฟหน้ารถเขาเคลื่อนเข้าไปในซอยเพื่อหาที่กลับรถ เธอถอดเครื่องประดับเก็บอย่างดี แล้วอาบน้ำอาบท่าประแป้งสวมชุดนอนกางเกงขายาวกลับมาทิ้งตัวลงนอนบนฟูกนอนแข็งกระด้างที่คุ้นชิน
ยาหยีพยายามข่มตาให้หลับเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงานที่ร้านขนมแต่เช้า แต่สมองกลับหมุนติ้ว ผิวกายที่ควรจะเย็นชืดจากการอาบน้ำชำระล้างสัมผัสของเขากลับร้อนระอุราวกับถูกไฟเผา
สาวน้อยหอบหายใจสะท้าน มือน้อยกำแน่นจนเจ็บจากความรู้สึกหวามไหวแปลกประหลาด แม้พยายามปัดอารมณ์ปวกเปียกจากรสจูบของเขาที่ผ่านพ้นไปนานนับชั่วโมงแล้ว แต่กลับไม่เป็นผลเลยสักนิด ร่างน้อยพลิกตัวไปคว้าตุ๊กตาหมีตัวน้อยที่ได้มาจากการปาลูกโป่งงานวัดมากอด แล้วซุกหน้ากับพุงพลุ้ยของตุ๊กตาอย่างขอความช่วยเหลือทั้งที่รู้ดีว่าไม่มีใครช่วยได้
ยาหยีดึงหน้าออกจากพุงหมีก่อนจะย่นจมูกนิดๆ และคิดว่าถ้าได้หยุดงานคราวหน้าคงต้องซักเจ้าหมีเน่าตัวนี้แล้ว เธอถอนหายใจยาวด้วยความสับสน ดวงตาเหม่อมองออกไปทางม่านหน้าต่างที่เห็นโคมจันทร์ มันส่องแสงสว่างนวลๆ ชวนให้มองเพลิน มือก็บี้จมูกเจ้าหมีเน่าเล่น ขณะที่จินตนาการในหัวฟุ้งไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
จูบเนี่ย...มันทำให้สั่นไปทั้งร่างได้ขนาดนี้เชียวเหรอ
มือน้อยดึงกลับมาแตะริมฝีปาก คิดถึงห้วงเวลาที่เขาบดเบียดริมฝีปากลงมา คิดถึงห้วงเวลาที่เขาใช้ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยแก้มแผ่วๆ อย่างอ่อนโยน แล้วหัวใจก็ยิ่งเต้นระส่ำ ขนอ่อนลุกไปทั่วลำแขนเรียวระหง เขาพูด...พูดอะไรกับเธอนะ ก่อนที่จะถอนริมฝีปากออกไป
‘ที่รัก...’
ดวงตากลมเบิกโตด้วยความตกใจเมื่อเพิ่งนึกได้ว่าเขาเรียกเธอแบบนั้นในรถ ยาหยีดึงหมีเน่ามากอดอีกครั้ง ไม่มีปัญหากับกลิ่นตุๆ ของมันอีกแล้วในวินาทีที่เลือดฝาดแล่นมากระจุกรวมตัวกันอยู่ที่สองแก้มด้วยความเขินอาย สาวน้อยนอนกระสับกระส่าย ทั้งตื่นเต้นกับเรื่องที่เพิ่งผ่านไป และทรมานกับไอร้อนที่แผดเผาเรือนร่างอย่างยาวนาน ราวกับว่าค่ำคืนนี้จะไม่ผ่านพ้นไป
แต่แล้วความเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลียก็ค่อยๆ ชักนำให้หญิงสาวจ่อมจมลงสู่ห้วงนิทรา
เธอหลับฝัน...
ยาหยีเห็นตัวเองในวัยเยาว์อายุราวแปดขวบ เธอสวมเสื้อนักเรียนมีรอยปะขนาดใหญ่ทางด้านหลัง ตัดผมสั้นแค่ติ่งหูในทรงนักเรียนภาคบังคับ เด็กหญิงกำลังนั่งรอใครสักคน ก่อนที่จะมีชายคนหนึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวยับๆ กับกางเกงขายาวสีดำเดินเข้ามาหา ยาหยีพยายามหยีตามองหน้าเขา แต่เหมือนมีแสงพุ่งมาจากทางด้านหลัง เธอเลยเห็นหน้าเขาไม่ชัด
ในอ้อมแขนของเด็กหญิงมีลูกแมวตัวกลมป้อมสายพันธุ์อเมริกันชอร์ตแฮร์อยู่ตัวหนึ่ง มันมีแผลที่หลังแต่ได้รับการโกนขนเย็บแผลเรียบร้อยแล้ว ยาหยีก้มลงหอมศีรษะลูกแมวที่ยังคงสะลึมสะลือเพราะฤทธิ์ยาสลบอย่างเอ็นดู ก่อนจะเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้เขา
‘หนูตั้งชื่อมันว่าเฉาก๊วยได้ไหมคะ ดูสิคะ มันสีเหมือนเฉาก๊วยเลย หนูชอบกินเฉาก๊วยที่สุดเลยค่ะ’ ยาหยียิ้มบอกเขาอย่างร่าเริงด้วยความโล่งใจที่แมวน้อยปลอดภัย แต่เมื่อเงยหน้ามองเขา ความขลาดเขลาไม่กล้าแสดงออกทำให้เด็กน้อยก้มหน้าลงอีกครั้ง ‘คือ...คือ...ถ้าพี่ไม่ว่านะคะ...’
ชายหนุ่มที่ยาหยีเห็นหน้าเขาไม่ชัดอาจเพราะความทรงจำมันเนิ่นนานเหลือเกิน หรืออาจเพราะอะไรๆ ในความฝันมักไม่ได้ดั่งใจ ก็โน้มตัวลงมาเหมือนจะยิ้มให้ ก่อนลูบเรือนผมอ่อนนุ่มอย่างอ่อนโยน
‘ได้สิ ก็หนูเป็นเจ้าของมันแล้วนี่ครับ’
เด็กหญิงยาหยีเบิกตาโตอย่างตื่นเต้น
‘พี่จะให้หนูเลี้ยงมันเหรอคะ’ เธอยิ้มกว้างเมื่อเขาพยักหน้ารับ ‘ไชโย!’
เสียงกระดิ่งดังกรุ๊งกริ๊งในฝันเมื่อพี่ชายคนนั้นซื้อปลอกคอกระพรวนรูปโบสีแดงแล้วยื่นส่งให้เธอสวมคอเจ้าเฉาก๊วยเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
และเหมือนกระดิ่งนั้นจะดังคลอเคลียในโลกแห่งความจริงด้วย...
ยาหยีค่อยๆ ลืมตาตื่น กระทั่งปรับโฟกัสได้ เธอจึงเห็นว่าประตูห้องนอนถูกเปิดอ้า ด้านล่างใกล้กับเตียงคือแมวตัวนุ่มลายเสือสองตัวกำลังเขี่ยลูกบอลกระพรวนแย่งกัน ก่อนจะกระโดดฟัดขบหน้าขบไหล่กันอย่างสนิทสนม