#หลายวันถัดมา
“แดกไรดีวะ พวกมึง” ไอ้เกมส์หันมาถามขณะที่พวกเรากำลังเดินไปที่โรงอาหารของคณะ
“ไม่รู้ว่ะ มีแต่อะไรเดิมๆ น่าเบื่อฉิบหาย” ไอ้คิวพูดขึ้นด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ส่วนผมไม่ได้ตอบอะไร เหลือบมองไอ้โซนกับเดียร์เดินจูงมือกันเหมือนกลัวอีกคนจะหลงทางหายไปไหน
เมื่อเดินมาถึงโต๊ะพวกมันก็พากันแยกย้ายกันไปซื้อข้าว
“กินไร?”
“เหมือนเดิม”
“งั้นรอสักครู่นะครับ” ผมมองไอ้โซนกับเดียร์คุยกัน ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกมเหมือนอย่างเคย
“มึงไม่ไปซื้อข้าว?” ใบหน้าสวยของเดียร์หันมาถามอย่างสงสัย
“ไม่หิววะ”
“แต่วันนี้เรามีเรียนถึงเย็นเลยนะเว้ย มึงจะไม่หาอะไรกินหน่อยเหรอวะ” ผมละสายตาจากโทรศัพท์ เงยหน้ามองมัน ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่มันก็ยังทำตัวเหมือนแม่คนที่สองไม่เคยเปลี่ยน
“กูพึ่งกินแซนด์วิชไป”
“อ่อ เออ” จากนั้นก็ก้มหน้าเล่นเกมต่อ
#ช่วงเย็นของวัน
เพราะดันเกิดเป็นคนสวยแล้วยังเสือกใจดีกับคนอื่นไปทั่ว ทำให้ตอนนี้ฉันมายืนขาสั่นอยู่หน้าโรงยิมของมหาลัย ดวงตาจ้องมองบรรยากาศที่เงียบสงัด ชวนให้ขนหัวลุกเพราะไม่มีนักศึกษาเลยแม้แต่คนเดียว ความคิดสวยหรูในคราวแรกแตกสลายลงในพริบตา เพราะดันไปรับบทจิตอาสาบอกอาจารย์ว่าจะเอาอุปกรณ์กีฬามาเก็บให้
ฉันกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอแล้วมองไปรอบๆ โรงยิมอีกครั้ง ความรู้สึกตอนนี้สองจิตสองใจ จะเดินเอาอุปกรณ์ไปเก็บข้างในห้องหรือจะวางมันไว้ตรงนี้ดี แต่ถ้าอุปกรณ์เกิดหายขึ้นมาละ ฉันก็จะไม่ได้รับผิดชอบหรือไง
“โอ๊ยเครียด!”
มือเล็กยกขึ้นกุมขมับ พยายามหายใจเข้าลึกๆ ปลอบใจตัวเองว่ามันไม่มีอะไร ก็แค่กลัวและคิดไปเองเท่านั้น แต่ถึงยังไงคนกลัวผีขึ้นสมองอย่างฉันก็ไม่กล้าเดินเข้าไปคนเดียวอยู่ดี ฉันยืนมองข้างในแล้วมองอีก กระทั่ง…
ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าหนักๆดังมาจากด้านหลัง ฉันรีบหันไปมองทันที
“นาย!” เจ้าของใบหน้าหล่อยืนมองเธอด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง หัวคิ้วสองข้างขมวดขึ้นเป็นปมเพราะไม่คิดว่าจะเจอน้ำขิงที่นี่
ความกังวลที่มีก่อนหน้า ตอนนี้มันหายไปหมดแล้วเมื่อหันไปเจอใบหน้าหล่อของเจย์...
“นายมาทำอะไรเหรอ?” ในสถานที่และช่วงเวลาในตอนนี้ ถ้าไม่ได้บังเอิญ เขาก็สะกดรอยตามฉันมาแน่ๆ ทว่า....
“เอาลูกบาสมาเก็บ” มือเรียวยาวเสยผมที่ปกใบหน้าขึ้น ทำให้เห็นใบหน้าหล่อชัดๆ หน้าผากเปียกไปด้วยเหงื่อ กลับดูเซ็กซี่เป็นบ้า....
“บังเอิญจังเลยเนอะ ฉันก็เอาอุปกรณ์กีฬามาเก็บเหมือนกัน” ไม่รู้ว่าเขาอยากรู้ไหม แต่ฉันอยากบอก เจย์มองหน้าฉันครู่หนึ่ง ก่อนขายาวๆ จะเดินไปที่ห้องเก็บอุปกรณ์กีฬาที่อยู่ด้านในสุดของโรงยิม
แล้วฉันจะยืนโง่อยู่ทำไม ถ้าไม่รีบวิ่งสับตีนแตกตามเขาไป....
เมื่อมาถึงหน้าห้อง ขากำลังจะก้าวเดินเข้าไป แต่ตามันดันเสือกดี ไปสะดุดเห็นป้ายที่ติดอยู่หลังประตูก่อน
*ประตูชำรุด*
ดวงตาจ้องมองป้ายครู่หนึ่ง ในหัวมันก็มีความคิดไม่ดีผุดขึ้นมาทันที ใบหน้ายกยิ้มขึ้น ก่อนจะเอื้อมมือไปจับประตูที่เปิดแง้มไว้ เมื่อแทรกตัวเข้ามาในห้องแล้วฉันก็ปิดประตูลงทันทีเสียงพลุนับพันดวงจุดขึ้นให้ตัวเอง...
จากนั้นก็เดินเนียนๆ ไปหยุดยืนด้านข้างเจย์ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทั้งที่ใจตอนนี้มันเต้นระบำไม่หยุดแล้ว.....
“เอาวางไว้ตรงไหนอะ” ใบหน้าหล่อหันมามองกันครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมาจับอุปกรณ์จากมือฉัน ไปเก็บให้
เนี่ย..ก็เป็นแบบนี้ จะไม่ให้ชอบได้ยังไงละ
ฉันยืนเขินตัวบิด ใบหน้ายิ้มออกมาอย่างเปิดเผยกับการกระทำของเจย์ ดวงตาจ้องมองไหล่กว้างไม่วางตา แต่เมื่อเขาหันหลังกลับมา ฉันก็รีบเม้มปากกลั้นยิ้มเอาไว้
เดี๋ยวเขาจับโป๊ะได้.....
“เสร็จแล้วใช่ไหม?”
“อืม” ใบหน้าหล่อพยักหน้าให้ ก่อนเขาจะเดินผ่านหน้าฉันไปที่ประตู มือเรียวยาวเอื้อมไปจับที่ประตูเพื่อเปิดออกทว่า....
แกร๊ก! ฉันยืนกอดอกมองเขา ใบหน้ายิ้มออกมาอย่างเปิดเผย ก่อนจะเดินไปหยุดยืนข้างเจย์แล้วถามออกมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนกแต่ดูจอมปลอมสุดๆ
“มีอะไรเหรอ?”
แกร๊กๆๆๆ
“มันหมุนไม่ออกอะ” เจย์หันมามองกัน ก่อนจะยกมือกุมขมับตัวเองเล็กน้อย
“แล้วทำไงอะ?” ฉันยังปั้นหน้าถามออกไป
“เธอมีโทรศัพท์ไหม ของฉันอยู่ที่รถน่ะ”
“อ่อ มี เดี๋ยวฉันโทรหาน้องชายเอง” เขาพยักหน้าให้ฉัน ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะตัวยาว ฉันไม่คิดว่าทุกอย่างมันจะเหมาะเจาะขนาดนี้ ทั้งที่คิดแค่ว่าจะได้ติดกับเขาเป็นเวลาอันแสนสั้นแค่นั้นก็ดีใจแล้ว....
แต่ในเมื่อทุกอย่างมันอยู่ในมือฉันแล้ว ฉันจะทำอะไรก็ได้ จะนอนอยู่ที่นี่กับเขาทั้งคืนก็ยังได้ ดูเลวมาก....
ฉันหันมองเจย์อีกครั้ง เขายังนิ่งเงียบไม่พูดอะไร ดวงตาเหลือบมองห้องแคบๆอีกครั้ง แต่ถ้าให้อยู่ที่นี่ทั้งคืนก็คงไม่ไหวหรอก ไม่ใช่สงสารตัวเองนะ สงสารผู้ชายมากกว่า...
ก่อนจะตัดสินใจโทรหาขุนเขา
“ฮัลโหล”
(ว่า?)
“ฉันติดอยู่ในห้องเก็บอุปกรณ์กีฬามหาลัยอะ มาเปิดประตูให้หน่อย”
(ทำไงถึงติดเนี่ย! รอแป๊บ เดี๋ยวรีบไป) น้ำเสียงขุนเขาดูเป็นห่วงฉันมาก แต่ฉันไม่ได้ต้องการมันในเวลานี้ก่อนที่น้องชายมันจะกดวาง ดวงตาเหลือบมองเจย์ครู่หนึ่งเมื่อเห็นเขาไม่ได้สนใจ ฉันจึงรีบกระซิบบอกปลายสายไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ไม่ต้องรีบมา รอสักสองสามชั่วโมงค่อยมา”
(ทำไม?)
“เออน่า เข้าใจไหม”
(อ่า) หลังจากวางสายจากที่ขุนไปแล้วฉันก็หันไปมองเจย์ ดวงตาคมหันมาสบตากัน ฉันจึงส่งยิ้มไปให้เขาหนึ่งกรุบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
“เรียบร้อย น้องชายฉันกำลังมา” ใบหน้าหล่อพยักหน้าให้ ก่อนที่เขาจะหันไปทางอื่น ฉันจึงอาศัยความหน้าด้านเดินไปนั่งลงด้านข้างเขา แต่พอนั่งลงจากความกล้าที่มีเต็มร้อยก็ลดฮวบจนแทบจะติดลบ กลับความใกล้ในระยะประชิดนี้ ซึ่งมันทำให้รู้สึกประหม่า หัวใจเต้นผิดจังหวะขึ้นมาอีกแล้ว
จากที่คิดไว้ว่าจะชวนเขาคุยเพื่อทำให้เราสนิทกันมากขึ้น ตอนนี้กลับนั่งนิ่งจะพูดอะไรออกมาลิ้นก็แข็งไปหมด
จึงทำได้แค่เหลือบมองใบหน้าหล่อๆของเขาเป็นพักๆ ....
แต่เหมือนจะเหลือบมองบ่อยไปหน่อย ทำให้คนที่นั่งอยู่ด้านข้างรู้ตัว จึงหันหน้ามาสบตากัน ทำเอาฉันไปไม่เป็นเลยกับความหล่อแล้วหล่ออีก
“มีอะไร?”
“ถามจริงนายหลุดจากชะนีมาถึงทุกวันนี้ได้ยังไง” ความสงสัยที่มีเกินกว่าจะเก็บไว้ในใจ จึงถามออกไปแบบไม่คิด
“หึๆ” ฮือ แล้วดูสิ! ทำไมเขาต้องมายิ้มแบบนี้ให้ฉันด้วยล่ะฉันจะทนไม่ไหวแล้วนะ หน้านิ่งยังหลงจนโงหัวไม่ขึ้นอยู่แล้ว นี่มาเจอรอยยิ้มกระชากใจของเขาอีก อย่าอยู่เลยอีขิง.....
“ถ้านายติดอยู่กับคนอื่น นายห้ามยิ้มแบบนี้รู้ไหม?”
“คงไม่ติดอีกหรอกน่า”
“ก็ดี แต่ถ้าติดอีก ก็ขอให้เป็นฉันนะ” ^^ จีบแบบโต้งๆ ถ้าเขาไม่โง่ก็คงดูออกว่าฉันชอบเขา
“.....” เจย์เงียบไม่ตอบ ทำให้ฉันไม่กล้าพูดต่อเพราะไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ จะกลัวฉันไหม หรือจะรำคาญกันหรือเปล่า....
#เวลาต่อมา
และไม่รู้ว่าเราสองคนเงียบไปนานแค่ไหน แต่ดูเหมือนจะนานพอสมควรเพราะดูจากอากาศเริ่มเย็นลงบ่งบอกว่าข้างนอกนั้นมืดสนิทแล้ว ฉันนั่งขยับตัวเพื่อให้ร่างกายอุ่นขึ้น และยกมือขึ้นลูบแขนไปพลางๆ กระทั่ง
พรึบ! ฉันไม่ทันได้สังเกตว่าเขาถอดเสื้อคลุมตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีเสื้อตัวใหญ่ก็ถูกวางที่หน้าตักเรียบร้อยแล้ว
“คลุมก่อนสิ” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างใบหู ชวนให้ใจหวิวๆ คิดไปไกลกับความใกล้จนได้เสียงลมหายใจของเขาที่พ่นออกมาเป็นระยะๆ
เฮ้อ...ทำไงดี ตอนนี้ใจมันคิดดีไม่ได้เลย
“ขอบใจนะ” ฉันจับเสื้อเขามาคลุมขาเอาไว้และหันไปมองเขาอีกครั้ง
“นายหนาวไหม?”
“เธอจะแบ่งเสื้อให้ฉันหรือไง”
“จะชวนนายออกกำลังกาย....” ฉันพูดออกไปแบบไม่ได้คิดอะไร เพราะถ้าออกแล้วมันทำให้ร่างกายเราอุ่นขึ้นมันก็น่าสนนะ
“ที่นี่?” ใบหน้าของเขาตอนนี้ดูเลิ่กลั่กไม่น้อย ซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจว่ามันแปลกตรงไหนที่ชวนเขาออกกำลังกายในห้องนี้
“ใช่ ทำไม? นายไม่อยากออกเหรอ”
“ไม่รู้สิ” สีหน้าดูคิดเยอะแสดงออกมาชัดเจนฉันจึงเลือกหาวิธีคลายหนาวอื่นให้เขา
“ถ้าไม่ออกกำลังกาย นายก็ขยับมาใกล้ๆ ฉันจะแบ่งเสื้อให้” ทั้งที่เป็นเสื้อของเขาแท้ๆ ฉันกลับพูดออกมาแบบนั้น เจย์ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะขยับตัวเข้ามาใกล้ๆ ฉัน จนกระทั่งไหล่ของเรากระทบกัน
ถึงแม้หัวใจดวงน้อยๆจะวูบหวั่นสั่นระรัวไม่หยุด แต่ฉันก็พยายามตั้งสติแล้วจับเสื้อมาคลุมไหล่เราสองคน แต่เพราะเสื้อมันไม่ได้ใหญ่ขนาดที่จะโอบตัวเราสองคนได้ ฉันจึงต้องแอบเนียนขยับเข้าใกล้เขาอีกนิด ทำให้แผ่นหลังสัมผัสกับหน้าอกของเขาเต็มๆ
มือเล็กบีบกันแน่น ประหม่าไม่น้อย แต่ในใจก็อยากหันไปเห็นสีหน้าของเขาตอนนี้
และเพราะเขาคือคนที่ฉันชอบ จึงไม่คิดเยอะ หันใบหน้าไปมองเจย์ที่นั่งอยู่ด้านข้างทันที
แต่ครั้งนี้ไม่ว่าฉันจะจ้องมองเขานานแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ยอมหันหน้ามาสบตากันเลย....