ADORE YOU 4

1772 Words
ผมเลือกที่จะไม่สนใจ ก่อนจะเดินตามไอ้พวกเชี่ยไปที่ลานจอดรถ เพราะวันนี้มีเรียนแค่ช่วงเช้าเท่านั้น “ไปไหนกันดีวะ?” ไอ้คิวถามขึ้น ขณะที่พวกเรายืนอยู่ที่ลานจอดรถของคณะ เพราะตกลงกันไม่ได้สักทีว่าจะไปไหนต่อ “แดกเหล้ากัน” ไอ้เหี้ยเกมส์คิดอะไรไม่ออกก็ชวนแดกเหล้าอย่างเดียว ผมไม่รู้เลยว่าระหว่างเรียนจบกับโรคตับอันไหนจะมาก่อนกัน “กูขอกลับห้องนะ” เดียร์พูดขึ้นทั้งที่มือมันโดนไอ้โซนจับไว้แน่น เสียงพูดบ่งบอกว่าตอนนี้มันกำลังไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก คิดว่าน่าจะเรื่องรายงานคู่ “ยังไงมึงไอ้เจย์” “กูได้หมด” ปากตอบไอ้เกมส์แต่มือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ “แยกย้ายไหม พักตับ” “บอกแต่พวกกู มึงอะพักตับบ้างไอ้เชี่ยโซน” ไอ้คิวเบะปากพูดอย่างคนขี้อิจฉา พวกเราเข้าใจกันดีว่าตับที่ไอ้คิวพูดหมายถึงอะไร ผมยืนฟังพวกมันคุยกันเงียบๆ รอดูว่าพวกมันจะตกลงกันยังไงได้ ใบหน้าหันออกไปทางด้านข้างเพื่อพ้นควันบุหรี่ออกจากปาก ทำให้สายตาไปสะดุดกับร่างเล็กที่กำลังเดินไปหน้ามหาลัย ดวงตาจ้องมองเธอเดินไปจนสุดสายตา ก่อนจะหันกลับมามองเพื่อนอีกครั้ง เมื่อพวกมันตัดสินใจกันได้แล้ว “แยกย้ายค่ะ” ไอ้เดียร์พูดขึ้นพวกผมจึงพยักหน้ารับ “เออๆ งั้นกูไปละ” ไอ้เกมส์ยกมือโบกให้เพื่อนก่อนจะเดินไปที่รถของมัน ผมทิ้งบุหรี่ลงพื้นใช้เท้าเหยียบขยี้เพื่อดับเปลวไฟ ก่อนจะพยักหน้าให้ไอ้คิวที่เดินไปรถของมันตามหลังไอ้เกมส์ไปติดๆ “งั้นกูกลับละ” “เออ ขับรถดีๆ” “เออ” ผมพยักหน้าตอบกลับไอ้เดียร์หันมองไอ้โซนและหยักคิ้วให้มัน ก่อนจะเดินไปที่รถของตัวเอง @คอนโดเจย์ เมื่อกลับมาถึงห้องก็โยนทุกอย่างลงบนโซฟา ล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมากดพิมพ์ชื่อส่งไปในไลน์กลุ่ม เมื่อพึ่งนึกออก ก่อนจะโยนโทรศัพท์ลงโซฟา เปิดตู้เย็นหยิบเบียร์ออกมานั่งดื่ม 19.00 P.M ครืดดดด ขณะที่กำลังนั่งเล่นเกมส์อยู่นั้น ไอ้คิวก็โทรเข้ามาพอดี มือเรียวยาวยกเบียร์ขึ้นดื่มอึกใหญ่ ก่อนจะกดรับสายเพื่อนด้วยท่าทีใจเย็น (มึงอยู่ไหน?) “คอนโด” (มึงมาหากูที่xxหน่อยดิ) คิ้วสองข้างขมวดขึ้นเป็นปม ด้วยความสงสัยว่าเวลานี้มันไปทำห่าอะไรแถวนั้น “มีไรวะ?” (รถกูเป็นเหี้ยอะไรไม่รู้ สตาร์ทแม่งไม่ติดวะ) “แล้วมึงโทรตามช่างยัง” (กูโทรแล้ว แต่ปัญหาคือแบตโทรศัพท์แม่งจะหมดอีก) “เออ เดี๋ยวกู” หลังจากวางสายผมก็คว้ากุญแจรถ เดินออกไปจากห้องแบบไม่ต้องคิดเยอะให้ปวดหัวเพราะมันคือเพื่อน #เวลาต่อมา ขาก้าวลงจากรถตัวเองเดินไปหาไอ้คิวที่ยืนพิงรถกระดกเบียร์ด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดเจน “กว่าจะมาถึงนะมึง กูแดกเบียร์รอหมดไปหลายกระป๋องแล้ว” ไม่พูดเปล่าแต่โยนกระป๋องเบียร์ที่ยังไม่ได้เปิดมาให้ “รถติดฉิบหาย” ปากตอบมือรับเบียร์มาเปิดดื่มเข้าไปอึกใหญ่ๆ เพื่อดับกระหาย “เออ” “ช่างมายัง?” “ไม่รู้วะ ยังไม่เห็นมีใครโทรมาเลย” ไอ้คิวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู แต่ก็ยังไม่เห็นมีเบอร์ใครติดต่อมา มันจึงเลือกยกเบียร์ขึ้นดื่มแทน เราสองคนยืนอยู่ริมฟุตบาท ผลัดกันยกเบียร์ขึ้นดื่ม “มึงเห็นอาจารย์ส่งรายชื่อคู่มายังวะ?” “อืม เห็นแล้ว” ยอมรับว่าครั้งที่เห็นมันไม่ได้ตื่นเต้นหรือตกใจ แต่แค่ประหลาดใจ ที่ในห้องมีคนตั้งเยอะแยะแต่ทำไมผมถึงได้คู่กับเธอ “ได้คู่ใครวะ?” “สวัสดีครับ” ยังไม่ได้ตอบคำถามไอ้คิว ช่างที่มันโทรตามก็มาถึงพอดี “กูสูบบุหรี่แป๊บ” “เออๆ” ผมเดินออกมาสูบบุหรี่ตรงริมฟุตบาทถัดจากรถของไอ้คิวมาประมาณหนึ่ง เพราะตรงนี้ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ @ด้านน้ำขิง “แม่เดี๋ยวหนูมานะ ไป 7-11 แป๊บ” “อย่ามัวแต่ไปนั่งเล่นที่สวนละ มันมืดแล้ว” สมกับที่เกิดเป็นแม่ลูกกันจริงๆ รู้ทันกันไปหมดทุกอย่าง ฉันไม่ได้ตอบอะไร แต่รีบเดินออกมาจากบ้านทันที ฉันไม่ได้จะโกหกแม่นะ เพราะจะไป 7-11 จริงๆ แวะไปซื้อเบียร์แล้วไปนั่งจิบชิวๆ ที่สวนน่ะ ฉันเดินสะบัดก้นออกมาจากบ้านด้วยท่าทีอารมณ์ดี มือล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขาสั้นขึ้นมากดเข้าไปในไลน์ ดวงตาจ้องมองข้อความแค่ไม่กี่ประโยคแต่ยิ้มไม่หุบนานหลายชั่วโมงแล้ว ถ้าอาจารย์จะชงหวานเจี๊ยบขนาดนี้ก็ต้องพุ่งชนแล้วไหม.... ขาเรียวยาวเดินมาเรื่อยๆ กระทั่งถึงปากซอยบ้าน ก็สะดุดกับร่างสูงของใครบางคนที่กำลังยืนบุหรี่อยู่เบื้องหน้า ถึงแม้จะเห็นแค่เพียงด้านข้างแต่ก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร.... หัวใจดวงน้อยๆ เต้นสั่นระรัวไม่หยุด เมื่อใบหน้าหล่อของเขาหันมาสบตากัน อะไรกัน! นี่มันพรหมลิขิตชัดๆ.... เราสองคนมองหน้ากันโดยไม่มีใครละสายตาไปไหน กระทั่งฉันได้สติจึงอาศัยความหน้าด้านที่มีอยู่เป็นเดิมทุน เดินไปหยุดอยู่ด้านหน้าเจย์ ซึ่งเขาก็เหมือนจะงงเล็กน้อย แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา นิ้วเรียวยาวที่คีบบุหรี่เตรียมจะยกขึ้นสูบก็ดีดมันทิ้งลงพื้นใช้เท้าขยี้ดับไฟ อื้อหือ! แม้จะอยู่ในที่มืดแต่เขาก็ยังหล่อเหมือนเดิม หล่อแบบใจเจ็บ หล่อสะอาดสะอ้านเหมือนอาบน้ำอยู่ตลอดเวลา หล่อเกิน ฮืออออ จะร้องไห้แล้วนะ.... “บังเอิญจังเลย เจอเพื่อนในคลาสเรียนที่นี่ด้วย นายมาทำอะไรเหรอ?” ฉันปั้นหน้าถามเขาออกไปประหนึ่งว่าสนิทกับเขา แต่เปล่าเลย เพราะฉันหน้าด้านล้วนๆ “รถเพื่อนเสียน่ะ” เป็นบุญจริงๆ ที่เขาตอบกลับมา ฉันคิดว่าจะนิ่งเงียบแข็งเป็นหินแล้ว แต่จะดีกว่านี้ ถ้าเขาจะช่วยพูดให้เยอะกว่านี้หน่อย “อ่อ แล้วนายรู้เรื่องรายงานหรือยัง ว่านายคู่กับฉัน” “รู้แล้ว” ถามคำตอบคำ แต่ฉันก็จะสู้ไม่ถอย ความกล้ามีเท่าไหร่งัดออกมาให้หมด “แต่ถ้านายไม่อยากทำ หรือไม่สะดวก บอกฉันได้นะ” “เธอจะทำคนเดียว?” คิ้วหนาเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม สีหน้าสงสัยก่อนจะยกเบียร์ขึ้นดื่ม ทั้งที่สายตายังไม่ละออกจากใบหน้าฉัน “ก็ถ้านายไม่สะดวกทำไง ฉันเลยบอกไว้ก่อน” “เธอก็แบ่งหน้าที่รับผิดชอบมา” “ฉันชื่อน้ำขิง” “หือ?” ฉันบอกชื่อตัวเองกับเขาไปแบบหน้าด้านๆ โดยไม่รู้หรอกว่าเขาจะอยากรู้หรือเปล่า “แนะนำตัวไง นายจะได้รู้จักฉันมากขึ้น” “....” เขาไม่ได้ตอบ ยังเลือกที่จะเงียบอีกตามเคย แต่ฉันเริ่มชินแล้วแหละ “แล้วเราจะติดต่อพูดคุยกันยังไง?” “เรื่องงานน่ะเหรอ?” “ทุกเรื่อง” ยิงมุขกะโหลกกะลาไปแล้วหนึ่ง... เจย์มองหน้าฉันนิ่งไม่พูดอะไรออกมาสักคำหลังจากที่ฉันพูดจบ เอาจริงเมื่อสักครู่ก็พูดออกไปแบบไม่คิดหรอก แต่เมื่อความเงียบปกคลุมทำเอาฉันเริ่มรู้สึกเกร็ง ทำตัวไม่ถูก หัวใจสั่นหวั่นไปหมด เราต่างคนต่างเงียบกระทั่งโทรศัพท์ฉันดังขึ้น ถึงแม้จะไม่อยากรับแค่ไหน แต่เมื่อเห็นเป็นเบอร์แม่จึงปฏิเสธไม่ได้ “แป๊บนะ” เจย์ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากมองมานิ่งๆและยืนกระดกเบียร์เงียบๆ “ฮัลโหลแม่” ฉันยืนคุยโทรศัพท์ตรงหน้าเจย์ โดยไม่มีความเกรงใจเลยสักนิดว่าเขาจะอยากฟังบทสนทนาของฉันไหม (ถึง 7-11 ยัง) “ถึงแล้ว” (แม่ฝากซื้อของหน่อย) “แม่พิมพ์ส่งมาในไลน์เลย เดี๋ยวหนูเปิดดู” ถึงจะรู้สึกแปลกๆ ที่คุยเรื่องส่วนตัวต่อหน้าคนที่ชอบ แต่ให้ทำไงได้ก็อยากยืนอยู่ตรงนี้ เพื่อมองหน้าหล่อๆ ของเขาไปด้วยอะ... ในขณะที่ฉันกำลังฟังแม่สาธยายอยู่นั้น มือเรียวยาวเอื้อมมาจับมือฉัน จากนั้นเขาก็ดึงฉันเข้าไปใกล้ๆ ทำให้ใบหน้าของเราห่างกันแค่คืบเดียว ถึงแม้จะไม่เข้าใจกับการกระทำของคนตรงหน้าแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือผลักออก ฉันยืนตัวแข็งทื่อ หัวใจเต้นสั่นระรัวไม่หยุด มือเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ “แม่ว่าอะไรนะ?” เสียงพูดของแม่ยังดังก้องกังวานอยู่ในหู ทั้งที่ในหัวของฉันตอนนี้มันไม่รับรู้อะไรแล้ว ใบหน้าหล่อขยับเข้ามาใกล้ๆ มันยิ่งทำให้หายใจไม่ทั่วท้อง ก่อนริมฝีปากสีระเรื่อเฉียดแก้มฉันไปหยุดที่ใบหูอีกข้าง “โทษที เมื่อกี้รถเกือบชนเธอน่ะ” น้ำเสียงแผ่วเบาของเขาทำเอาหัวใจปั่นป่วน มวนท้องขึ้นมาไม่น้อย ใบหน้าหล่อเลื่อนออกช้าๆ หางตาเหลือบเห็นริมฝีปากของเขาที่อยู่ไม่ไกล… ทำเอาอยากแกล้งตกใจแล้วหันแก้มไปโดนริมฝีปากของเขาเหลือเกิน.. มือของเขายังจับมือฉันไว้ไม่ปล่อย ฉันควรจะทำยังไงดี จะปล่อยให้เขาจับมันจนกว่าจะพอใจ ส่วนตัวฉันนั้นก็ ตุยเย่ไปเลย หรือยังไงดี ตอนนี้สมองมันตีกันหมด กระทั่ง..... “ไอ้เจย์ รถกูเสร็จแล้ว” เสียงเรียกดังขึ้นจากด้านหลัง เจย์จึงปล่อยมือออก ดวงตาคมเหลือบมองกันครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินออกไปทันที #เวลาต่อมา ถึงแม้ตอนนี้เขาจะขับรถออกไปจนถึงไหนต่อไหนแล้ว แต่ฉันก็ยังยืนนิ่งค้างอยู่ที่เดิม กระทั่งโทรศัพท์ที่ยกแนบหูอยู่ ดังแจ้งเตือนขึ้นจึงได้สติ รีบกดเข้าไปในไลน์ #Jay added you as a friend. (เจย์เพิ่มคุณเป็นเพื่อน)
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD