หลังจากแยกจากลลิน อลันก็เดินเข้าไปในโรงแรม วันนี้เขาจ้างนักสืบเอกชนมารับข้อมูลของเขาที่มีเพียงน้อยนิด แต่เมื่อตั้งใจแล้ว อย่างไรเขาก็ต้องรู้เรื่องทั้งหมดให้ได้
ลลินกลับมาถึงที่บ้าน อาการหงุดหงิดหวิวไหวอย่างบอกไม่ถูก เธอก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าความรู้สึกนี้เรียกว่าอะไร พอเจอเขาทีไรลมหายใจของเธอมักติดขัดไม่รู้สาเหตุ
หญิงสาวย่อตัวลงนั่งข้างๆ ขอบกระถางต้นไม้ พร้อมกับถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า พยายามหาเหตุผลให้ตัวเอง
“เป็นไรเจ๊ หน้าดูแดงๆ” ปานดาวทักขึ้น เธอนั่งอยู่ไม่ไกล แต่ลลินกลับมองไม่เห็น
ลลินสะดุ้งเฮือก
“เปล่า”
“แล้วพี่มานั่งตรงนี้ทำไม งานมีปัญหาหรือ”
“เปล่า”
“คนที่พูดแต่คำว่าเปล่า...หมายถึงกำลังมีเรื่องปกปิด”
“เปล่า” ลลินยังย้ำคำเดิม
“เรารู้จักกันมานานแล้วนะ เจ๊คิดว่าปานจะมองเจ๊ไม่ออกหรือไง เล่ามาเถอะ”
ลลินขยับตัวลุกขึ้นพร้อมกับย้ำเสียงเข้ม “ไม่มีอะไรจริงๆ”
“ขอให้เป็นอย่างนั้นจริงๆ เถอะ” ปานดาวไม่วายร้องตามหลัง
ลลินเตรียมตัวออกจากบ้านแต่เช้า วันนี้เธอมีนัดส่งงานที่ร้านกะรัตของคชา วันเร่งรีบแต่เธอกลับสาย แล้วยังเป็นวันเดียวในรอบหลายสิบปีที่มีหน้าผู้ชายวนเวียนอยู่ในหัว พานทำให้ข่มตาหลับไม่ลง
“นึกว่าจะมาไม่เจอซะแล้ว” ภาษาไทยสำเนียงแปร่งหูทักขึ้น
คนที่กำลังเปิดประตูรถวางมือ หันกลับมามองหน้าเขานิดหนึ่ง ก่อนที่จะเปิดประตูอีกเพื่อเข้าไปในรถ ชายหนุ่มใช้มือดันประตูรถเอาไว้
“จะรีบไปไหนละ ลูกค้ามาถึงที่ ไม่คิดจะทักทายหน่อยหรือไง” ชายหนุ่มถามยียวนมากกว่าธุระที่บอกออกไป
ลลินเงยหน้าขึ้นมอง “ฉันกำลังยุ่ง ไม่มีเวลามานั่งต่อปากต่อคำกับคนไม่มีงานอย่างคุณหรอก” เธอบอกพร้อมกับดึงประตูรถเข้าจะปิด แต่ก็สู้แรงเขาไม่ไหว
“ปล่อย!” หญิงสาวจิกตามอง บอกให้เขาปล่อย
“ก็บอกแล้วไงว่าผมเป็นลูกค้า”
“แล้วแก้วหูคุณพิการหรือไง ก็ฉันบอกว่าฉันไม่ว่าง” หญิงสาวตอบกลับ “ไปที่ชอบที่ชอบเถอะ”
ชายหนุ่มปล่อยมืออย่างว่าง่าย ลลินปิดประตูรถลง ดึงเข็มขัดมาคาดแล้วเปิดกุญแจสตาร์ทรถในจังหวะต่อมา แต่อีกคนที่วางมือจากกรอบประตูก็รีบวิ่งขึ้นไปนั่งในรถหน้าตาเฉย
“ลงไป”
ชายหนุ่มส่ายหน้าแทนคำตอบ ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดตัวเตรียมพร้อม
“ขึ้นมาทำไมไม่ทราบ”
“เธอบอกให้ไปที่ชอบที่ชอบ พอดีว่าผมชอบตรงนี้” ชายหนุ่มบอกหน้าตาย
“ฉันจะทำยังไงกับผู้ชายอย่างคุณดีนะ”
“รัก!” ชายหนุ่มพูดขึ้นมาลอยๆ
“อะไรนะ” หญิงสาวถามซ้ำ เมื่อครู่เธอฟังไม่ถนัด
“บอกว่า...ขับรถไปสิ”
“ก็ลงไปก่อนสิ”
“ไม่ล่ะ” ชายหนุ่มตอบทันที ปรับเอนเบาะให้อยู่ในระดับพอเหมาะ และปิดเปลือกตาลง
มือเล็กของลลินดึงแขนเขา “นี่คุณ...คุณจะมานอนอย่างนี้ไม่ได้นะ คุณจะไปไหน”
“เธอไปไหนก็ไปตรงนั้นและ”
“แต่ฉันต้องทำงาน”
“ก็บอกแล้วว่าเป็นลูกค้า ฉันก็จะตามเธอไป และรอจนกว่าเธอเสร็จธุระก่อน แล้วค่อยย้ายมาคุยธุระของฉัน ฉันเอาเงินมาให้เธอนะ อย่าหยิ่ง!” ชายหนุ่มตอบทั้งที่ไม่ลืมตาขึ้นมอง
“แต่ฉันมีหลายนัด”
“ฉันไม่ได้บอกเธอยกเลิกเสียเมื่อไร” ยิ่งเธอค้าน เขาก็ยิ่งยียวน เธอต่อว่า เขาก็หาข้ออ้างมาตอบได้ทุกครั้ง
“กว่าจะเสร็จ มันคงดึก”
“ไม่เป็นไร เรามีเวลาด้วยกันอีกทั้งคืน”
“อร๊ายยย มันจะมากไปแล้วนะ” ลลินร้องเสียงหลง ใบหน้าจืดซ่านเลือดฝาดระเรื่อ
“คิดเรื่องอะไร” ชายหนุ่มแกล้งเย้า
“แล้วคุณคิดเรื่องอะไรละ” หญิงสาวถามกลับ
“คิดเรื่องเดียวกันกับคุณนั่นแหละ” ชายหนุ่มตอบกลับนิ่งๆ เสียงเรียบ
“ผู้ชายบ้า ลามก หื่นกาม” หญิงสาวต่อว่าเขาเสียงดัง แต่แทนที่ชายหนุ่มจะโกรธเขากลับระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ฮ่าๆๆ ”
“ขำอะไร”
“ถ้าเธอคิดแบบนั้นเราแวะโรงแรมก่อนก็ได้ ผู้หญิงอะไร! เอะอะก็ยัดเยียดให้หื่นกามลามกอยู่เรื่อย” ชายหนุ่มเย้าขำ พอใจที่ต้อนเธอให้เผลอหลุด
ใบหน้าซีดขาวของลลินยิ่งเห่อแดงมากขึ้นเพราะความอาย แต่ก็ขับรถออกไป ลลินแอบซ่อนยิ้มร้ายเหมือนนึกอะไรออกบางอย่าง
ลลินนำรถมาจอดที่หน้าโชว์รูมเพชร “กะรัต” ตึกแห่งนี้ไม่ได้เป็นแค่โชว์รูม แต่ข้างบนยังจัดโซนเป็นสำนักงาน รวมทั้งคชา ผู้บริหารก็นั่งอยู่ที่นี่ด้วย ทั้งที่แบรนด์กะรัต มีโชว์รูมใหญ่หรูหราอยู่ทุกห้างของเมืองไทย
“รออยู่ที่นี่แหละ” ลลินจอดรถแล้วดึงกุญแจออก ตั้งใจจะแกล้งเขา แต่ชายหนุ่มกลับรู้ทันความคิด
“ผมอยากเข้าไปด้วย”
“ฉันบอกว่าฉันจะไปทำงาน”
“ที่นี่โชว์รูมเพชร เผื่อผมอยากชื้อแหวนเพชรสักวง” ชายหนุ่มบอกแล้วเดินเข้าไปข้างในก่อนหน้าตาเฉย เห็นอย่างนั้นลลินก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าเดินตามไป
หลังจากเสร็จธุระของลลินที่ใช้เวลาเพียงไม่นาน ทั้งคู่ก็เดินกลับมาที่รถอีกครั้ง
“ไปไหนต่อ” ชายหนุ่มถามราวกับว่าเขาเป็นเจ้าของรถ หรือเป็นหุ้นส่วนในชีวิตเจ้าของรถ
ลลินเริ่มอึกอัก ที่จริงเธอมีธุระแค่นำของมาส่งคชาแค่นั้น แต่วันนี้เธอก็โอ้เอ้ชวนเจ้าของร้านคุยถ่วงเวลาอยู่นาน หวังให้คนตามมาหงุดหงิดและถอดใจกลับไปก่อน แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกอะไรสักนิด มองด้วยสายตาเขากลับดูเหมือนชอบเข้าร้านเพชรเสียด้วยซ้ำ
สาวๆ หน้าร้านก็รุมกันล้อมหน้าล้อมหลัง แย่งกันบริการสุดฤทธิ์สุดเดช จนเธอแทบมองไม่เห็นหน้าเขาด้วยซ้ำ
“เสร็จธุระแล้ว คุณมีอะไรกับฉันก็ว่ามา” หญิงสาวบอกตัดบท ขืนเธอไปที่ไหนต่อเขาก็ต้องตาม สู้คุยเรื่องธุระเขาให้จบๆ และต่างคนต่างไปจะดีกว่า
“ถ้างั้น...” ชายหนุ่มทำท่าครุ่นคิดนับนิ้ว เว้นจังหวะสักพักก่อนที่จะพูดต่อ “เวลาที่เหลือก็เป็นของผมใช่ไหม”
หญิงสาวพยักหน้ารับอย่างคิดตามเกมเขาไม่ทัน
“ว้าว! เกือบยี่สิบชั่วโมง ทำอะไรดีนะ”
ลลินเบิกตากว้าง หันกลับไปมองหน้าเขาเป็นเชิงถาม
“ก็เธอบอกว่าเธอกลับดึก ฉันก็กะเวลาคร่าวๆ ไว้ที่ตีสอง ตอนนี้เพิ่งเก้าโมง”
“ก็เลื่อนจากตีสองมาเป็นตอนนี้” หญิงสาวตัดบท
“แต่ฉันยกเลิกนัดของฉันหมดแล้ว เธอต้องรับผิดชอบเวลาที่เหลือของฉัน”
ลลินอ้าปากหวอ ทำตาค้างร้องออกมาอย่างตกใจ “โฮะ!”
“ไปได้แล้ว...”
ชายหนุ่มเดินมาฉุดแขนเธอขึ้นรถ ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้มีเรื่องงานอะไรกับเธอ แต่พอถึงนาทีนี้ เขาก็รู้แล้วว่าเขาจะหาข้อมูลกับเธอเรื่องอะไร จากที่เห็นสนิทกับคชา หล่อนคงสนิทกับเขาไม่น้อย
และสิ่งนั้นก็เป็นประโยชน์กับเขาอย่างดีเยี่ยม
Thailand the Enchanted World of Jewelry Showcase กาล่าดินเนอร์สุดหรู แสดงแฟชั่นโชว์เครื่องเพชรและจิวเวลรี่สุดอลังการ มูลค่ารวมหลายพันล้านบาท โรงแรมชื่อดังให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี เพื่อตอกย้ำความเป็นหนึ่งพร้อมต้อนรับนักลงทุนเข้ามาลงทุน หลายฝ่ายจับมือรวมแบรนด์เครื่องประดับเพชรชั้นนำระดับโลกและร้านเพชรระดับเวิลด์คลาสของไทยที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ทุกส่วนงานร่วมประกาศศักยภาพความแข็งแกร่งของประเทศไทยในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมเครื่องประดับเพชรและอัญมณีไทยในเวทีโลก
งานกาล่าดินเนอร์สุดหรู ในค่ำคืนอันเจิดจรัสจัดขึ้น ณ ห้องบอลรูม โรงแรมชื่อดัง ร้านเพชรแต่ละแบรนด์ต่างขนเครื่องประดับชุดไฮไลต์ระดับมาสเตอร์พีซ ออกอวดโฉมอย่างตระการตา ในคอนเซปต์ “The Beauty of Nature”
ชุดเครื่องประดับเพชร “Prince” ไฮไลต์ของ “Prince Jewelry” ประกอบด้วยสร้อยคอเพชรรูปทรงแฟนซีสวยพิสุทธิ์ที่เนรมิตมาเพื่อเจ้าหญิงทุกคน ทั้งสร้อยข้อมือ ต่างหู และแหวนเพชร น้ำหนักรวมกว่า 400 กะรัต
ชุดเครื่องประดับเพชรจาก “เพชรประกาย จิวเวลรี่” ซึ่งมีไฮไลต์อยู่ที่สร้อยคอเพชรสุดอลังการ “The Nature Jewelry Queen” เป็นสังวาลย์เพชรตกแต่งผีเสื้อประดับทับทิม น้ำหนักรวมกว่า 250 กะรัต โดดเด่นด้วยเพชรดีคัลเลอร์น้ำงามบริสุทธิ์
ชุดเครื่องประดับมรกตชิ้นมาสเตอร์พีซจาก “กรีน เจมส์” ทั้งสร้อยคอ ต่างหู และแหวน หรูหราด้วยมรกตเม็ดงามสีเขียวเข้มจากโคลัมเบียน้ำหนักรวมกว่า70 กะรัต รายรอบด้วยเพชรหยดน้ำ และมาร์คีสน้ำใสบริสุทธิ์
และชุดยิ่งใหญ่ไฮไลต์ของงานคงจะหนีไม่พ้นแบรนด์ “กะรัต” เจ้าภาพใหญ่ของงานที่ทุ่มทุนจ้างนักออกแบบระดับโลกมาเสริมทัพตลาดอัญมณีไทย