สองหนุ่มต่างชาติในชุดลำลองสบายๆ โค้งให้เจ้านายก่อนที่จะทำตามคำสั่ง พวกเขาแต่งตัวไม่ต่างจากนักท่องเที่ยวทั่วไป ไม่เป็นจุดสังเกตจนลลินเองยังไม่สงสัยที่เห็นสองหนุ่มเดินใกล้ๆ ตลอด
‘หมายความว่า...พวกเขาเดินตามมาตลอด แล้วก็สั่งอย่างเดียวให้ฉันหิ้วจนกล้ามเนื้ออักเสบ มันน่าหักแขนอีกสักแขนจริงๆ’ ลลินคิดในใจอย่างโมโห
“ไปกันเถอะ” ชายหนุ่มหันกลับมาชวนหญิงสาว ใช้มือซ้ายฉุดมือเธอให้เดินตาม
“ปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้”
“ฉันไม่เคยต้องฟังคำสั่งใคร”
เขาบอกหน้าตาย ไม่ยอมปล่อยมืออย่างที่บอก เดินจูงมือหญิงสาวเดินมาเรื่อยๆ จนถึงร้านเสริมสวยชื่อดังของเมืองไทยที่อยู่ในห้างแห่งนี้
สิ่งที่ทำให้หญิงสาวยิ่งแปลกใจหนัก เธอเป็นคนไทยแท้ๆ ยังไม่รู้เรื่องเท่าเขามาก่อน แม้กระทั่งร้านเสื้อผ้าร้านรองเท้า เขาเดินลิ่วๆ ตรงเข้าร้านไม่มีหลงสักร้าน ไม่นับถึงรสนิยมในการหาร้าน แต่ละร้านที่เขาแวะเสื้อผ้าล้วนเหมาะกับตัวเธอทั้งสิ้น
‘ชิส์...คงเลือกบ่อยจนคล่อง นักธุรกิจรวยๆ ทำอะไรมั่งเนี่ย นอกจากป้อผู้หญิง’
“ช่วยเนรมิตผู้หญิงคนนี้ให้เปลี่ยนเป็นคนใหม่ทีครับ ผมเบื่อหน้าแบบนี้เต็มที” ชายหนุ่มบอกพนักงาน ก่อนที่จะหันมายิ้มยั่วหญิงสาว
ลลินหน้าเหวอไปอีกครั้ง...
“ผมหมายถึง เสื้อผ้า หน้า ผม ครบเชต ผมต้องใช้เวลารอนานเท่าไร” ชายหนุ่มถามเสียงเรียบอีกครั้ง
พนักงานของร้านมองหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า ผิวขาวลออเนียนใสชมพูผ่องคงไม่ต้องขัด ใบหน้าได้รูปสวยไม่ต้องเติมมากมาย ขาดอยู่ก็แค่เพียงทรงผมที่ไม่เข้ารูปหน้า เสื้อผ้าที่เฉยฉ่ำสมัยล้ำมาสิบกว่าปี กับรองเท้าคู่หมดยายุขัยที่ต้องทิ้งไป
“สองชั่วโมงครึ่งค่ะ” พนักงานสาวประเมินเวลา
ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจ เขาไม่เคยรู้ว่าปกติผู้หญิงแต่งตัวกันนานแค่ไหน แต่สำหรับผู้หญิงตรงหน้ามันเกินเยียวยาที่จะเดินด้วย ต่อให้รอเป็นวันก็ต้องรอ
“เดี๋ยวผมกลับมารับนะ” อลันบอกหญิงสาว
“คุณไม่คิดจะถามฉันสักคำเลยหรือไง” เจ้าตัวเริ่มโวยวายที่มีคนมาจัดการชีวิตแบบไม่ต้องถาม
“แล้วคุณลืมคำพูดของคุณแล้วหรือไง ย้ำให้ฟังอีกทีแล้วกัน...เธอบอกว่าจะทำตามที่ฉันบอกทุกอย่าง หวังว่าคงจะไม่ผิดคำพูด”
ลลินถอนหายใจพรืดอย่างจำยอม
“อีกสองชั่วโมงเจอกัน” เขาบอกพร้อมกับสาวเท้าเดินออกไป
อลันใช้เวลาสองชั่วโมงในการสำรวจตลาดจิวเวลรี่เมืองไทย เพียงพอสำหรับเก็บข้อมูล ห้างดังแห่งนี้รวมทุกแบรนด์ดังเอาไว้ เวลาสิบนาทีที่เขารอหญิงสาวแต่ละร้าน มันมากพอที่คนอย่างเขาจะหาข้อมูล แม้กระทั่งเครื่องแต่งกายของผู้หญิง
หลังจากที่เก็บข้อมูลทุกอย่างด้วยสายตาไปพร้อมกับการออกแบบคร่าวๆ ในสมอง เตรียมพร้อมสำหรับการร่างออกแบบให้เป็นรูปเป็นร่าง เขาก็กลับมารอหญิงสาวอีกครั้ง
“รอสักครู่นะคะ เชิญทางนี้ก่อนค่ะ” พนักงานสาวเดินออกมาต้อนรับเขาหน้าร้าน พร้อมกับผายมือเชื้อเชิญเขาไปรอที่ห้องรับรองแขก
ชายหนุ่มเดินตามเข้าไป เก็บโทรศัพท์ที่เขาถือติดมือมาตลอดลงในกระเป๋ากางเกง หมดธุระที่เขาต้องใช้มันเช็คข้อมูล หยิบหนังสือท่องเที่ยวขึ้นมาเปิดอ่านฆ่าเวลา
“เรียบร้อยค่ะ...สวยถูกใจมั้ยคะ คุณผู้ชาย” เสียงของพนักงานร้องเรียกชายหนุ่มเสียงหวาน พอเงยหน้าขึ้นลลินก็ยังถูกหญิงสาวนางนั้นยืนบังเอาไว้
พนักงานสาวก้าวออกด้านข้าง คนที่ยืนอยู่ด้านหลังทำให้ชายหนุ่มมองตาค้าง ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงงามขึ้นเพราะแต่งแต้มจริงๆ
สายตาคมสีมรกตที่จับจ้องดวงหน้าของเธอทำให้คนถูกมองเขินประหม่า
“สวย...” ชายหนุ่มตอบคล้ายๆ รำพึง
“พื้นฐานของเธอเป็นคนสวยอยู่แล้ว เราเพียงทำผมให้เข้ารูปหน้าของเธอก็สวยมากเลยค่ะ”
“ขอบคุณที่ทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิง” ชายหนุ่มกล่าวของคุณพร้อมกันยื่นบัตรเครดิตให้พนักงานสาว แต่คนโดนพาดพิงไม่ได้รู้สึกแบบนั้นด้วย
“ก่อนหน้านี้หน้าฉันเป็นยังไงไม่ทราบ ฉันก็เป็นผู้หญิงอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร” หญิงสาวเงยหน้าถามอย่างเอาเรื่อง
“ก็เหมือนต้นเสาห่อผ้า ไร้ความรู้สึกถ้าไม่ได้จับต้อง”
ยิ่งอลันพูดหญิงสาวก็ยิ่งไม่เข้าใจ กลับยิ่งโมโหเพิ่มขึ้นไปอีก
“แล้วยังไง”
“เหมือนมีกระแสอะไรบางอย่าง อยากลองให้จับดูอีกสักครั้งมั้ยล่ะ เผื่อจะเข้าใจมากขึ้น” ชายหนุ่มเดินเข้าหา อีกคนเห็นสายตาหื่นของเขาก็ไม่กล้าต่อปากต่อคำต่อ
“อร๊าย! อย่านะ” หญิงสาวรู้ทันความคิดของเขาจากสายตาหื่นๆ รีบเดินออกจากร้านไปก่อน ส่วนชายหนุ่มต้องรอเซ็นและรับบัตรคืน ปล่อยพื้นที่ว่างให้หญิงสาวได้หายใจหายคอหลบอายบ้าง
ความเงียบปกคลุมตลอดครึ่งชั่วโมงในการเดินทางกลับ เพราะเจ้านายมัวแต่สนใจหน้าจอมือถือทำให้หญิงสาวพลอยโล่งอก เขาเป็นอย่างไรเธอไม่รู้ แต่สิ่งที่เธอสรุปให้กับตัวเองคืออยู่ให้ห่างผู้ชายชีกอคนนี้ให้มากที่สุด
สี่ทุ่ม...คำสั่งใหม่ที่หญิงสาวได้รับหลังจากที่กลับมาถึงโรงแรม และจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเตรียมจะเข้านอน หลังจากกลับมาเธอก็ไม่ได้เจอเขาอีก คราวนี้คนรับคำสั่งถึงกับเดือด
“ฉันเป็นเลขา...ไม่ใช่นางบำเรอ จะได้เรียกไปนอนด้วย” ลลินบอกเสียงเข้มกำหมัดแน่น เดินผ่านหน้าชายหนุ่มคนส่งข่าว จากห้องของตัวเองเข้ามาหาเขาทันที
แมทซ์ได้แต่มองตามอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าพี่ชายของเขาชอบผู้หญิงแบบนี้ได้อย่างไรกัน ความอ่อนหวานออดอ้อนในตัวไม่มีสักนิด ถ้าเป็นคนอื่นคงได้รีบแจ้นไปพะเน้าพะนอไม่ห่าง
“ฉันมาเป็นเลขา ทำไมต้องนอนห้องเดียวกันกับคุณ” ทันทีที่ได้รับอนุญาตและเปิดประตูเข้ามา หญิงสาวก็ถามทันที
“เธอคงลืมคำว่า...ส่วนตัวไป” ชายหนุ่มจงใจเน้นคำว่าส่วนตัว
“ลืมไปแล้วหรือว่าเธอทำแขนฉันหัก แล้วฉันก็ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้หลายอย่าง และนั่นก็เป็นหน้าที่ของเธอที่ต้องรับผิดชอบ”
“เงินออกเยอะแยะ ถ้าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ขนาดนั้นทำไมไม่จ้างพยาบาลพิเศษล่ะ”
“ก็เธอไงล่ะ...ฉันจะมอบความพิเศษกับเธอให้พอ เพราะมันเป็นความผิดของเธอ”
“แต่ฉันเป็นผู้หญิง”
“ผู้หญิงแล้วไง”
“เอ่อ...” หญิงสาวอึกอัก
ชายหนุ่มพยักหน้านิ่งๆ
“เธอคงจะเป็นผู้หญิงที่หลงตัวเองที่สุด ถ้าเธอกำลังคิดว่าฉันจะปล้ำเธอ ผู้หญิงที่ฉันจะเกี่ยวขึ้นเตียงด้วย ต้องมีดีกว่าคำว่าผู้หญิงบ้านๆ” ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบ
สิ่งที่หลุดออกจากปากของเขาทำให้ลลินหน้าแดง ทั้งโกรธ ทั้งอาย แปลความหมายในสิ่งที่เขาพูดออกมาได้อย่างเดียว เขากำลังหยามเหยียดความเป็นผู้หญิงของเธอ ต่อให้เธอเป็นผู้หญิงบ้านๆ เธอก็ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร
“หรือว่าเธอคิดไกล...คิดว่าฉันกำลังพิศวาสเธอ” ชายหนุ่มย้ำ เสือหนุ่มอย่างเขาถ้าจะขย้ำเหยื่อ ต้องรอช่วงเวลาให้เหมาะสม
“เปล่า”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องเรื่องมาก...นอนซะ” ชายหนุ่มย้ำเสียงเรียบ ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง
“อย่าบอกนะว่าฉันต้องนอนบนเตียงกับคุณ”
“อยากนอนตรงไหนก็เชิญ แต่ถ้าฉันเรียก เธอต้องอยู่แถวนี้”
ลลินพ่นลมหายใจออกจากปลายจมูก เดินกลับไปทิ้งตัวลงบนโซฟา
อลันยกคอขึ้นมองยิ้มๆ แค่ได้แกล้งเขาก็สุขใจ ไม่รู้ว่าอาการแบบนี้เขาเรียกว่าอะไร ไม่ต้องหาเรื่องหนี ไม่ต้องทนอึดอัดเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ
ความหวาดระแวงทำให้หญิงสาวพลิกตัวไปมา กว่าจะปิดตาหลับลงได้ก็ค่อนดึก ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็สว่างโล่ หญิงสาวรีบสำรวจตัวเอง
ลลินพ่นลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าร่างกายตัวเองยังปลอดภัย ทุกอย่างยังอยู่ครบ ก่อนที่กวาดสายตามองสำรวจรอบๆ อีกครั้ง คิ้วโก่งยกขึ้นขมวดมุ่นอย่างแปลกใจ เวลาเช้าขนาดนี้แต่เธอกลับเห็นเตียงของเขาเรียบตึง เขาคงออกไปนาน แม่บ้านคงเข้ามาทำความสะอาด แต่ที่แปลกใจที่สุดคือ ทำไมเธอไม่รู้สึกตัวสักเหตุการณ์ ทั้งที่เป็นคนรู้สึกตัวเร็วทุกครั้ง