ตอนที่ 4

1757 Words
ในขณะที่เหตุการณ์ทุกอย่างเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพสวรรค์เบื้องบนหันกลับไปมองร่างของนักดนตรีสาวที่กำลังยืนอยู่ในเวลานั้นพร้อมเอ่ยขึ้น “เจ้าเข้ามาหาข้า!!!!”น้ำเสียงห้วนสั้นบ่งบอกอารมณ์ของอิ๋งชวนโหวได้เป็นอย่างดี เสียงสั่งการดังกล่าวทำเอาหวางเย่หลิงไม่อยากที่จะเดินเข้าไปหาร่างสูงใหญ่ตระหง่านของบุรุษตรงหน้าแม้แต่น้อย บุรุษผู้มาเยือนสวมอาภรณ์เฉกเช่นชาวยุทธ์ แม้ว่าจะมีใบหน้าหล่อเหลาดั่งเทพสวรรค์ก็ตามที หากแต่หวางเย่หลิง กลับไม่มองว่าเป็นขุนนางเลยแม้แต่น้อย พูดตรงๆ นั้นก็คือนางมองคนผู้นั้นเป็นคนมาจากพรรคมารมากกว่า ร่างงามระหงไม่อาจขัดขืนหรือหาทางหลีกหนีอื่นใดได้ จำต้องก้าวเดินเข้าไปหาอย่างไม่เต็มใจเท่าใดนัก ท่ามกลางสายตาของจางหยุนฟ่านที่กำลังจับจ้องร่างงามตรงหน้าที่กำลังก้าวเข้ามาใกล้เขาทุกขณะ อิ๋งชวนโหวมองใบหน้าขาวผ่องของสตรีสาวสวมอาภรณ์ที่ปักลวดลายงดงามอย่างวิจิตร การตัดเย็บและเนื้อผ้าเพียงแรกเห็นก็ล่วงรู้ได้ทันทีว่าเป็นอาภรณ์สำหรับชนชั้นสูง สตรีชาวบ้านธรรมดาทั่วไปไม่อาจสวมอาภรณ์เช่นนี้ได้ “ใต้เท้ามีสิ่งใดกับข้าหรือเจ้าคะ”หวางเย่หลิงเอ่ยถาม ฟิ้ววววว!!!! แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อลมต้นฤดูหนาวพาดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างอย่างแรง จนทำให้ผ้าที่ปิดบังใบหน้าเอาไว้อยู่ในเวลานั้นหลุดลอยไปกับกระแสลม “ผ้าคลุมหน้าของข้า!!!”นางเอ่ยออกมาทันทีและทำท่าจะวิ่งตาม หากแต่ต้องหยุดแต่เพียงเท่านั้นเมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่ายจับจ้องนางอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่อิ๋งชวนโหวนิ่งค้างไปชั่วขณะ เมื่อได้เห็นใบหน้าแสนสวยของนักดนตรีสาวอย่างชัดเจน และท่านโหวหนุ่มรูปงามก็ต้องชะงักงันเมื่อได้พบสาวน้อยใบหน้าสวยหวานแต่แฝงไปด้วยความร้อนแรงกำลังกัดริมฝีปากงตัวเองด้วยความลืมตัว และกิริยาเช่นนั้นของนางปลุกเร้าความต้องการที่ซุกซ่อนอยู่ภายในจนลุกโชน ความรู้สึกบางอย่างของโหวหนุ่มสัมผัสได้ทันทีที่ได้เห็น ดวงตาคมกล้ามองตามทุกกิริยาของนางโดยไม่ละสายตาแต่อย่างใด ครั้นเมื่อรู้สึกตัวและเห็นนางกำลังรีบเดินถอยหลังก้าวออกไปจากบริเวณดังกล่าว ด้วยเพราะรู้สึกหนาวๆ ร้อนเมื่อถูกสายตาประดุจเหยี่ยวกำลังมองนางอย่างไม่ลดละ “เดี๋ยว!”ท่านโหวหนุ่มเรียกเด็กสาวเสียงดังก้อง จนร่างน้อยๆ สะดุ้งสุดตัว “เจ้าคะ!”หวางเย่หลิงหันกลับมาทันที “ใต้เท้าต้องการสิ่งใดจากข้าเหรอเจ้าคะ” นางเอ่ยถามออกไป หวังว่าคงไม่ได้ทำอะไรให้บุรุษตรงหน้าไม่เป็นที่พอใจ “เจ้ามีนามว่าอะไร”อิ๋งชวนโหวเอ่ยถามชื่อเสียงเรียงนามอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หวางเย่หลิงขมวดคิ้วเรียวสวยเข้าหากันเมื่อจู่ๆ ก็ถูกบุรุษแปลกหน้าถามชื่อนางโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ดวงตาคู่สวยสบกับดวงตาคมเข้มที่กำลังจ้องนางตาไม่กระพริบ แววตาร้อนแรงที่ถูกส่งมานั้น แฝงแรงเสน่หาและความต้องการบ่งบอกออกมาได้อย่างชัดเจน แม้ตัวนางที่ด้อยประสบการณ์ยังมองออกว่าบุรุษตรงหน้ากำลังคิดอะไรกับนางอยู่ในเวลานี้ หวางเย่หลิงได้แต่เก็บความไม่พอใจเอาไว้ภายในที่ถูกอีกฝ่ายมองด้วยสายตาเช่นนั้น “ข้าน้อยซะ..”กล่าวได้เพียงแค่นั้นก็ต้องหยุดลงด้วยเพราะเพิ่งนึกได้ว่าภายในหอสังคีตนี้ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่านางเป็นบุตรีของหวางเจี้ยนเฉิงซึ่งเป็นเจ้าของสำนักการสังคีตแห่งนี้ ก่อนจะรีบกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นสายตาของบุรุษตรงหน้ากำลังจับจ้องเขม้งอยู่ในเวลานนั้น “ข้าน้อยมีนามว่าเย่หลิงเจ้าค่ะ” หญิงสาวตอบแต่ชื่อไม่บอกแซ่กลับไป พร้อมหันหลังกลับเพื่อเดินหนีออกไปจากบริเวณนั้นให้เร็วที่สุด หมับ! หากแต่ร่างของนางกลับถูกมือหนาคว้าข้อมือเรียวเอาไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะดึงให้ลงมานั่งข้างๆ แรงมหาศาลของบุรุษคนดังกล่าวทำเอาร่างงามแทบปลิวไปเลยทีเดียว “มานั่งเป็นเพื่อนดื่มเหล้ากับข้าก่อน”โหวหนุ่มบอกความต้องการของตน หวางเย่หลิงถึงกับนิ่งงันไปทันที เมื่อบุรุษตรงหน้ากล่าวกับนางเช่นนั้น “ข..ข้าน้อยไม่ได้มีหน้าที่นั่งดื่มสุรากับลูกค้าเจ้าค่ะ ถ้าท่านต้องการสตรีเป็นเพื่อนนั่งดื่มด้วยละก็ ข้าน้อยจะรีบกลับไปแจ้งเจ้าหอให้ทราบ ว่าใต้เท้าต้องการคนมานั่งดื่มเป็นเพื่อนด้วยข้าเป็นเพียงแค่นักดนตรีบรรเลงเสียงพิณขับกล่อมเท่านั้น”หวางเย่หลิง พูดเสียงห้วนพร้อมขยับตัวหนี สายตาเริ่มสอดส่ายหาคนช่วยเหลือ ทว่านางหลงลืมไปว่านี่คือห้องส่วนตัว ต่อให้แหกปากร้องแทบเป็นแทบตายก็คงไม่มีผู้ใดได้ยินหรือมาพบเห็น ห้องโบตั๋นอยู่มุมลึกด้านในสุดของหอสังคีต เหมาะสำหรับหารือเรื่องสำคัญซึ่งจวิ้นอ๋องจะจองห้องนี้ทุกครั้งยามมาหาความสำราญ หรือสนทนาในเรื่องงานสำคัญนอกจวนอ๋อง ด้วยเหตุนี้ผู้ใดเล่าจะสังเกตเห็น หวางเย่หลิงมองเหล่าบุรุษที่สวมอาภรณ์ดำทั้งหมดที่ยืนเรียงหน้ากระดานอยู่ทางด้านหลัง แต่ละคนยืนนิ่ง ไม่ใส่ใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นนักดนตรีสาวอยู่ในขณะนี้ “ข้าไม่ได้ให้เจ้ามาทำอะไรสักหน่อยแค่ให้นั่งเป็นเพื่อนดื่มสุราด้วยก็เท่านั้นและอยากจะถามอะไรบางอย่าง” ถึงแม้จะพูดเช่นนั้นออกมา แต่มือของอิ๋งชวนโหวกลับกำลังลูบไหล่บางไปมาช้าๆ ยากยิ่งนักที่จะแสดงกิริยาเช่นนี้กับสตรีนางใด แต่กับสตรีสาวนางนี้กลับทำให้จางหยุนฟ่านทำตามใจที่ตัวเองปรารถนาออกมาอย่างไม่ปิดบัง แม่สาวน้อยผู้ไม่เคยผ่านโลกและผ่านมือชายใดมาก่อน เริ่มกระถดตัวหนีจนอีกฝ่ายยิ้มออกมาอย่างพอใจ เมื่อเห็นกิริยาของเด็กสาวตรงหน้าแสดงออกมาเช่นนั้น ครั้นดวงตาของโหวหนุ่มสบประสานกับดวงตาคู่สวยของนางซึ่งเต็มไปด้วยความหวาดระแวง เป็นเหตุให้จางหยุนฟ่าน กลับใจเต้นไม่เป็นส่ำอย่างไม่รู้สาเหตุ มือที่กำลังลูบไล้ไหล่บางของหญิงสาวไปมาเบาๆ กลับสอดเข้ารวบเอวเล็กคอดกิ่วเพื่อดึงเข้าหากายของเขาทันที เฮือก! หวางเย่หลิงสะดุ้งสุดตัวพร้อมสำแดงฤทธิ์เดชออกมาทันใด “ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! เจ้าคนบ้าตัณหา!” หวางเย่หลิงสบถคำด่าพร้อมใช้แรงทั้งหมดที่มีอยู่ผลักร่างใหญ่นั้นออกไปให้ไกล ฉาด!!!! มือเรียวตวัดลงบนใบหน้าอีกฝ่ายอย่างเต็มเหนี่ยว ใบหน้าหล่อเหลาของจางหยุนฟ่านหันไปตามแรงตบจนหน้าชาไปเป็นแถบ ท่านโหวหนุ่มหันหน้ากลับมาอีกครั้งก่อนจะใช้หลังมือเช็ดขอบปากของตัวเอง และเมื่อเห็นเลือดสดๆ ติดมาด้วยรอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏออกมาทันที “ใต้เท้า!”เสียงบรรดาผู้ติดตามดังขึ้นพร้อมกัน ทั้งหมดตรงเข้าหาร่างของนักดนตรีสาวตรงหน้าทันที “ไม่ต้อง! ปล่อยนางไป!”อิ๋งชวนโหวส่งเสียงห้ามก่อนจะได้ยินเสียงของนางเอ่ยแทรกขึ้น “ผู้ชายมากด้วยตัณหาต้องถูกข้าตบแบบนี้!”หวางเย่หลิงตวาดเสียงดังก้องในเวลานี้แม่สาวน้อยจากที่มีอาการตื่นกลัวกลับกลายร่างเป็นแม่เสือดุไปเสียแล้ว “เจ้าแน่มาก! ยังไม่เคยมีผู้ใดกล้าทำอะไรข้าเช่นนี้มาก่อน แต่เจ้า…..” ซู้วววว!!!! น้ำสุราที่อยู่ในถ้วยถูกสาดตรงเข้าที่ใบหน้างชวนโหวเข้าให้เต็มๆ พร้อมเสียงหวานละมุนหากแต่ในขณะนี้แปรเปลี่ยนเป็นเสียงเข้มดุไปเสียแล้ว “ถ้าอยากจะได้สตรีบำเรอก็ไปหามาเองหรือไปที่อื่น!! และได้โปรดจำเอาไว้ด้วย ว่าคนอย่างข้าไม่ให้ผู้ใดมาดูถูกและหยามศักดิ์ศรีกันเช่นนี้ได้!!!” หวางเย่หลิงบอกเสียงเข้ม ดวงตาคู่สวยสบประสานกับสายตาที่เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธของบุรุษหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่กลัวเกรง ก่อนจะเชิดใบหน้าสวยขึ้นสูงอย่างทระนง พร้อมก้าวเดินออกจากห้องโบตั๋นไปทันที กรอดดด!!! จางหยุนฟ่านขบกรามเข้าหากันจนแน่น ดวงตาคมดุมองตามร่างงามอย่างไม่ลดละ “ใต้เท้าจะให้ลากตัวกลับมาไหมขอรับ” ท่านโหวหนุ่มยกมือห้ามไม่ให้ลูกน้องคนสนิทจัดการกับนักดนตรีสาว สายตายังคงมองตามร่างระหงที่เดินหนีออกไปจากห้องโบตั๋นจนเห็นเพียงด้านหลังนั้นลางๆ “อย่าหวังว่าจะรอดไปได้ เย่หลิง!!!!”อิ๋งชวนโหวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยียบ “ไปจัดการสืบประวัตินักดนตรีสาวนางนั้น สืบข่าวมาให้ละเอียดว่านางเป็นผู้ใด มาจากไหนแล้วรีบกลับมารายงานข้า”ท่านโหวหนุ่มเอ่ยสั่งการกับบรรดาคนสนิท ดวงตาเฝ้าจับจ้องไปทิศทางที่นักดนตรีสาวคนดังกล่าวที่เพิ่งสร้างวีรกรรมอันไม่น่าประทับใจ หากแต่สิ่งที่นางทำเอาไว้นั้นกลับทำให้อิ๋งชวนโหวต้องการรู้จักตัวตนของนางเป็นยิ่งนัก ภาพเหตุการณ์เมื่อหนึ่งเดือนก่อนค่อยๆ ดับวูบลง พร้อมกับรอยยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาเมื่อนักดนตรีสาวผู้ซึ่งได้สร้างวีรกรรมเอาไว้อย่างเจ็บแสบนั้น แท้จริงแล้วนางก็คือหวางเย่หลิง ซึ่งเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของหวางเจี้ยนเฉิง เจ้าของสำนักคุ้มกันที่กำลังตกเป็นผู้สงสัย ทำเงินห้าหมื่นตำลึงทองที่จะต้องส่งมอบเข้าท้องพระคลังหลวงสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยอยู่ในเวลานี้ “เจ้าจะต้องได้รับผลจากการกระทำที่ทำกับข้าเอาไว้อย่างแน่นอน”อิ๋งชวนโหวรำพึงออกมาเบาๆ เมื่อคิดถึงวันที่จะได้จัดการกับนาง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD