“ฉันจะยอมรับคำอธิบายนี้ในตอนนี้” เมโลดี้มองเธออย่างเคร่งขรึม “ถ้าอย่างนั้น อธิบายให้ฉันฟังสิ ทำไมเธอถึงรู้ข้อมูลส่วนตัวของสแตนลีย์ โจนส์มากขนาดนั้น”
ดวงตาของชารอนเบิกกว้าง “เทพธิดา คุณกำลังแอบฟังการสนทนาของฉันกับเซียร์ราอยู่หรือเปล่า”
ใบหน้าของเมโลดี้บิดเบี้ยวอย่างดูถูก “คุณจะโทษฉันที่แอบฟังได้ยังไง ฉันกำลังอาบแดดอยู่และคุณไปที่นั่นเพื่อทำข้อตกลงลับหลังฉัน”
ชารอนเม้มปากอย่างไม่พอใจ
"ข้อตกลงที่ร่มรื่น? เทพธิดา คุณเก่งมากกับการเลือกคำของคุณ"
“อย่าเปลี่ยนเรื่องนะ บอกมาตรงๆ คุณรู้ได้ยังไงว่านิตยสารซุบซิบก็ไม่รู้”
แทนที่จะบอกว่าปาปารัสซี่ไม่สามารถจับข่าวของสแตนลีย์ได้ อันที่จริงแล้วสแตนลีย์ได้กดดันสื่อทั้งหมด ดังนั้น พวกเขาจึงไม่กล้าเผยแพร่ข่าวของเขา กล่าวอีกนัยหนึ่ง สื่อต่างกลัวสแตนลีย์และตระกูลโจนส์ ดังนั้นข่าวของพวกเขาจึงถูกเพิกเฉยอย่างเฉพาะเจาะจง...
เมโลดี้เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยของชารอน จ้องมองมาที่เธอด้วยแววตาที่เร่าร้อนของเธอ “อย่าบอกนะว่าเจ้าสนใจนายหนุ่มที่ร่ำรวยและทรงพลังเหล่านั้น เช่นเดียวกับเซียร์ราใช่ไหม?”
"ฮะ?"
“เป็นเพราะคุณชอบสแตนลีย์ด้วยเหรอ นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมคุณถึงติดตามเรื่องซุบซิบแบบนี้! คุณรู้ด้วยซ้ำว่าเขาชอบอาหารอะไร!”
ชารอนสำลัก
“พ่นเลย!”
“ฉันจะรักษามโนธรรมของฉัน ไม่ ฉันไม่ชอบเขา ไม่ชอบเลย!”
“คุณไขว้นิ้วไว้ข้างหลังใช่ไหม”
ชารอนพูดไม่ออก
ในรถฮัมเมอร์บนถนนสายหลักด้านนอก แอนโธนีเหลือบมองชายที่มองเอกสารที่เบาะหลังจากกระจกมองหลัง หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดว่า “เจ้านาย”
"พูดคุย."
สแตนลีย์ไม่ได้เงยหน้าขึ้นเลย
แอนโทนี่ยกมือขึ้นและชี้ “ผู้หญิงคนนั้นน่าจะเป็น...คุณผู้หญิง”
มือของเขาสั่นเล็กน้อย และปากกาลายเซ็นสีดำก็หยุดลงทันที สแตนลีย์มองขึ้นไปที่ที่แอนโธนีกำลังชี้ ที่จริงแล้ว ในอีกฟากหนึ่งของถนน ชารอนก้มศีรษะและเดินตามหญิงสาวรูปร่างผอมเพรียว
ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็อ้าปากและดูเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในที่สุดเธอก็กลั้นไว้ ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกถูกเขียนขึ้นทั่วใบหน้าเล็กๆ ของเธอ ดวงตาโตของเธอมองไปรอบๆ ราวกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์
สแตนลีย์ถอนสายตาขึ้น ปิดเอกสาร แล้วพูดว่า "คุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนถ่ายรูปที่แสดงในข่าวเมื่อคืนนี้ ทำไมสถานีโทรทัศน์ถึงกล้าออกอากาศ"
แอนโธนี่พยักหน้าและพูดว่า “ฉันรู้แล้ว”
“กำจัดปาปารัสซี่นั่นซะ ฉันไม่อยากเห็นเขาที่เมืองบีชมาร์ชอีกแล้ว ส่วนสถานีโทรทัศน์ ให้โทรหาหัวหน้าสำนักวิทยุและโทรทัศน์และขอให้พวกเขากดดันสถานีโทรทัศน์ พวกเขา ต้องกดดันสถานีโทรทัศน์ตลอดเวลา จนกว่าฉันจะอนุญาตให้ปล่อยมันไป”
"ใช่."
แอนโทนี่นั่งตัวตรงและมองอย่างระมัดระวังที่ชายผู้สวมใบหน้าเย็นชา “เจ้านาย เหตุผลที่สถานีโทรทัศน์กล้าประกาศข่าวเมื่อคืนนี้เพราะมีคนเข้ามาแทรกแซง”
สแตนลีย์เลิกคิ้ว "ใคร?"
แอนโธนี่พูดชื่อ "เลียม ฟราเซียร์"
ใบหน้าของสแตนลีย์เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที และมีแสงแวบวาบเย็นเยือกในดวงตาของเขา "เขา?"
เมื่อรู้ว่าตอนนี้เขาโกรธมาก แอนโธนี่โพล่งออกมาด้วยเหงื่อเย็นชาและไม่กล้าพูด
สแตนลีย์ดูมืดมนและเย็นชา เขาเย้ยหยัน แต่เขาไม่ได้โกรธ แอปเปิลของอดัมบิดเบี้ยวและเสียงหัวเราะดังก้องอยู่ในลำคอของเขา
สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว แอนโธนี่ขับรถไปข้างหน้าอย่างช้าๆ และทำลายความเงียบในรถโดยพูดว่า "เจ้านาย คุณต้องการโทรหาคุณนายและไปรับเธอระหว่างทางไหม"
สแตนลีย์ลืมตาขึ้นและเหลือบไปมอง “ไม่คิดจะพูดมากหน่อยเหรอ?”
ข้างในหัวใจของเขา แอนโธนี่ตบตัวเองในขณะที่เขาพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง "ใช่!"
“ก็อย่าพูดมากสิ!”
"ใช่."
“โทรไปบอกให้เธอออกมา”
"ฮะ?"
“ไม่ใช่แค่พูดมากนะ แต่นายยังหูหนวกด้วยเหรอ?”
แอนโทนี่พูดไม่ออก
เขารู้สึกผิดมากและคิดในใจว่า “เจ้านาย ทำไมคุณถึงอ่านหนังสือไม่ออกล่ะ เราไม่ควรขับรถออกไปอย่างไร้ความปราณีและเฉยเมยในเวลานี้หรือ”
“ทำไมเขาถึงขอให้ฉันโทรหาหลังจากดุฉันที่เอาแต่ใจจัง สถานการณ์ไม่ควรคืบหน้าแบบนี้”