สายฟ้า | EP.4
——————————
อดิศร นักสืบที่นวลตองเคยว่าจ้างครั้งหนึ่งเมื่อห้าปีก่อน เข้ามาพบตามคำเชิญของบุคคลที่เขาเคารพเหมือนญาติผู้ใหญ่
“เหมือนคุณน้ำผึ้งกับนายนิรุจจะย้ายไปเชียงรายตั้งแต่พลอยชมพูยังเรียนไม่จบนะครับ”
เท่าที่ตามสืบคร่าวๆ คือสองคนผัวเมียหนีไปเชียงรายเพราะติดหนี้พนันกับเสี่ยโชคผู้มีอิทธิพลของเชียงใหม่
“ขอบคุณที่เป็นธุระให้นะ”
“ไม่เป็นไรครับแม่เลี้ยง ถ้ามีอะไรเรียกใช้ผมได้เสมอนะครับ”
“จ้ะ ขอบใจพ่ออดิศรมากนะ”
นวลตองมองเอกสารซองสีน้ำตาลอย่างครุ่นคิดหลังจากให้อดิศรสืบหาอย่างเร่งด่วน ภายในเวลาแค่ไม่กี่วันข้อมูลเกี่ยวกับเด็กคนนั้นและครอบครัวก็อยู่ในมือเธอแล้ว
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา นวลตองกลับมาคิดย้ำกับตัวเองหลายครั้ง แต่ถึงจะดูเห็นแก่ตัวยังไงหลานชายคนเล็กของเธอต้องกลับมา
สายฟ้าหนีไปเพราะใคร สายฟ้าก็ต้องกลับมาเพราะคนนั้น...
“สมชาย พรุ่งนี้ฉันจะเข้ากรุงเทพ เตรียมรถไว้ทีนะ” บอกหัวหน้าคนงานที่กำลังเตรียมตัวออกไปทำงานในไร่พอดี
“ครับ คุณนายจะไปรับคุณเจคอบเหรอครับ”
“อืม คงงั้น ฉันจะไปธุระด้วย”
“ได้ครับ”
“ขอบใจ ฉันจะเข้าครัวกับสมรก่อน ฝากบอกคนงานด้วยว่าตอนกลางวันมีมื้อพิเศษ พักก่อนเวลาสักครึ่งชั่วโมงนะ”
“โอ้ ได้เลยครับๆ ผมจะรีบไปบอกเดี๋ยวนี้เลย” สมชายก้มหัวรับคำสั่งก่อนจะรีบไปบอกลูกน้อง
นวลตองหยิบเอกสารประวัติครอบครัวสุขภักดีออกมาอ่าน เธอได้แต่ถอนหายใจครั้งแล้วครั้ง เพราะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยแทนคนที่ต้องแบกภาระมากมายอย่างพลอยชมพู
เด็กสาวที่เคยน่ารักสดใสป่านนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง…
ทอฝันนั่งหาวหวอดๆ อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นจนถึงเช้าของวันนี้
ก๊อกๆ !! เสียงเคาะประตูทำให้ทอฝันสะดุ้งตื่นตกใจ
“ฟู่ว แม่เจ้าโว๊ย ดีนะที่เช้าแล้ว” ทอฝันอุทานด้วยความตกใจพลางเอามือตบหน้าสองสามทีดึงเพื่อสติ ก่อนจะลุกขึ้นไปส่องตาแมวดูว่าใครมาเคาะห้องแต่เช้า จะว่าเจ้าของห้องพักก็ไม่ใช่เพราะเมื่อวันก่อนเธอกับเพื่อนจ่ายค่าห้องไปแล้ว
“ใครมาแต่เช้าวะ” ขยี้ตาก่อนส่องอีกครั้ง เพราะส่องครั้งแรกเธอส่งไม่เจอใครเลย
“ผู้หญิงนี่หว่า หรือว่าแม่ไอ้ที่รักวะ แต่แม่มันไม่แก่ขนาดนี้นะ” ทอฝันตีกับความคิดตัวเองในหัว การที่จะรู้ได้คงต้องเปิดประตูไปถามเท่านั้น
ก๊อกๆ !! เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง
“ค่าๆ เปิดแล้วค่ะ” ทอฝันเปิดประตูออกไปพบคนมาเยือนก็ต้องยิ้มเจื่อนเพราะเธอไม่เคยเห็นหน้าเลย
“เอ่อ... มาผิดห้องหรือเปล่าคะ” มองหญิงชราอายุประมาณเจ็บสิบกว่าสวมชุดไทยผ้าไหมเหมือนผู้ดีทางภาคเหนือ ใส่เครื่องประดับเก่าแก่ ใส่สร้อยทองเส้นใหญ่มายืนอยู่หน้าห้อง ผู้ชายที่ยืนกุมมืออยู่ด้านหลังก็น่าจะเป็นลูกน้อง
“หนูทอฝัน เป็นเพื่อนของที่รักใช่ไหมจ้ะ” คนมาเยือนถามอย่างเป็นมิตร
“เอ่อ ชะ ใช่ค่ะ แล้วคุณ...”
“ฉันขอพบหนูที่รักหน่อยได้ไหมจ้ะ เธออยู่ในห้องหรือออกไปทำงานแล้วหรือเปล่า”
“ทะ ที่รักเพิ่งกลับมาค่ะ แต่ว่าให้บอกว่าเป็นใครมาพบดีคะ...” ทอฝันยังคงทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าเป็นแขกของที่รักเชิญมาหรือเปล่า แต่ตอนกลับมาถึงเพื่อนเธอไม่ได้แจ้งอะไรไว้เลยต้องถามให้แน่ใจ
“บอกว่าคุณย่าที่เชียงใหม่มาเยี่ยมนะจ้ะ”
“เชียงใหม่ อ้อ โอเคค่ะ รอสักครู่นะคะ” เหมือนจะจำได้ว่าที่รักเคยอยู่เชียงใหม่ ก่อนจะย้ายมาทำงานที่กรุงเทพ คงจะเป็นญาติหรือผู้ใหญ่ที่เพื่อนของเธอนับถือละมั้ง
นวลตองยิ้มพลางพยักหน้าเบาๆ ทอฝันจึงก้มหัวเล็กน้อยแล้วยิ้มให้ก่อนเข้าไปปลุกเพื่อนที่นอนหลับอยู่ในห้องนอน
“ที่รัก ไอ้ที่รัก”
“อืม... ว่าไงฝัน เพิ่งกลับมาเอง เราขอนอนต่ออีกสักนิดได้มั้ย” เสียงงัวเงียบอกเพื่อนพลางเอาผ้าห่มมาคลุมหัว เพราะทอฝันเปิดไฟในห้องจนสว่าง
“มีคนมาพบแก แกออกไปพบเขาก่อนแล้วค่อยนอนต่อ” ทอฝันดึงผ้าห่มออก ที่รักจึงลืมตาละลืมสะลือขึ้น
“ใครเหรอ?” เสียงฉงนปนสงสัยเพราะเธอไม่มีนัดกับใคร หรือว่า...
“ไม่ใช่ๆ คุณย่าเขาบอกว่ามาจากเชียงใหม่น่ะ” ทอฝันรีบปฏิเสธ รู้ทันว่าเพื่อนต้องนึกถึงแม่หรือเจ้าหนี้แน่ๆ
เชียงใหม่ เพียงได้ยินแค่นั้นหัวใจดวงน้อยก็พลันเต้นแรงขึ้น...
“คุณย่า... ละ และตอนนี้คุณย่าอยู่ไหน” พลอยชมพูทั้งขยี้ตา ตบแก้มตัวเองให้ตื่น รีบลุกไปล้างหน้าล้างตาอย่างเร็ว
ใจดีที่จะได้เจอ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดและยังเสียใจมาก
หญิงสาวรูปร่างอรชร ผิวขาวนวลอวบอิ่มสุขภาพดียืนสูดลมหายใจเข้าออกอยู่ตรงประตู สองมือจับกันแน่นด้วยความประหม่าและกังวลใจ
พลอยชมพูยืนนิ่งอยู่พักใหญ่ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าการที่ให้ผู้ใหญ่รอนานเป็นเรื่องที่ไม่ดี เธอจึงค่อยๆ เปิดประตูออกไป
นวลตองส่งยิ้มหวานให้เด็กสาวที่เพิ่งได้เจอกันอีกครั้งในรอบห้าปี
พลอยชมพูยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม อีกฝ่ายเห็นอาการกระอักกระอ่วนใจของเด็กสาวเลยพูดขึ้นก่อน
“ขอเข้าไปข้างในได้ไหมจ้ะ”
“ชะ เชิญค่ะ...” พลอยชมพูพยักหน้าอย่างไม่เป็นตัวเอง เธอหันไปมองโซฟาไม้เก่าๆ ตรงห้องนั่งเล่นก็เห็นทอฝันกำลังรีบเก็บกวาดให้อยู่
“ขอบใจนะ”
นวลตองบอกให้สมชายรออยู่ข้างนอกแล้วเดินเข้าไปในห้องกับหญิงสาว ภายนอกดูเก่าไม่น่าอยู่ แต่ภายในกลับได้รับการดูแลและทำความสะอาดอย่างดี
“ห้องแคบและรกไปหน่อย ขออภัยด้วยนะคะ” หญิงสาวสองคนยืนก้มศีรษะพร้อมกัน
“ไม่เป็นไร ที่มาวันนี้ย่าอยากจะมาคุยอะไรกับหนูสักหน่อยน่ะ ที่รัก” นวลตองไม่ยืดเยื้อให้เสียเวลา ทันทีที่พลอยชมพูนั่งลงโซฟาไม้ตรงข้างกัน
ทอฝันได้ยินแบบนั้นจึงรีบเอาตัวเองออกจากตรงนั้นทันที
“ค่ะ คุณ...” เอ่ยตอบไม่เต็มเสียงได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตาหรือมองคนตรงหน้าได้เต็มตาเลย
“เรียกย่าเหมือนเดิมนั่นแหละ”
“เอ่อ ค่ะ คุณย่า” พลอยชมพูเงยหน้ามามองยิ้มน้อยๆ แต่ก็ยังไม่กล้าสบตา
คุณย่านวลตองยังคงใจดีกับเธอเสมอ ถึงแม้จะเคยมีเรื่องทำให้เสียใจ แต่เธอก็สัมผัสได้ว่าย่านวลตองยังมีความใจดีกับเธออยู่บ้าง
“ไม่เจอกันนานเลยนะ หนูที่รักเป็นยังไงบ้าง”
เสียงหย่นยานเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน เป็นน้ำเสียงที่แสดงถึงความห่วงใย ความเห็นใจอยู่ลึกๆ
เป็นประโยคที่หญิงสาวไม่ได้ยินมานานมาก แม้แต่คนเป็นแม่ก็ไม่เคยถามเธอแบบนี้เลย
“หนู หนูสะ สบายดีค่ะคุณย่า”
ฝืนยิ้มทั้งน้ำตาเอ่อล้น พลอยชมพูก้มหน้าลงแล้วรีบปาดเช็ดอย่างรวดเร็วก่อนเงยหน้าส่งยิ้มให้เหมือนเดิม
นานแล้วที่ไม่ได้เจอกัน เด็กสาวตรงหน้าก็ยังคงน่ารัก น่าเห็นใจอยู่เหมือนเดิม... นวลตองคิดกับตัวเอง
เมื่อความเงียบเริ่มปกคลุม พลอยชมพูจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้าง
“คุณย่าสบายดีไหมคะ ยังแข็งแรงอยู่ใช่หรือเปล่า”
“สบายดีจ้ะ ยังแข็งแรงรอสายฟ้ามันกลับมา...”
“พะ... พี่สายฟ้าไปไหนเหรอคะ” หัวใจดวงน้อยเหมือนโดนสะกิดแผลในใจ
ตั้งแต่วันที่เขาประกาศกร้าวว่าไม่อยากเห็นหน้าเธออีก สองปีที่เธอต้องเรียนต่อให้จบมหาวิทยาลัย เธอพยายามหลบหน้าและหลีกเลี่ยงสถานที่ที่คิดว่าเขาจะไป เมื่อเรียนจบแล้วจึงเข้ามาทำงานที่กรุงเทพ นอกจากจะไม่เจอเขาแล้วเธอก็ไม่เคยได้รับรู้เรื่องราวของเขาอีกเลย
“สายฟ้าไปอังกฤษตั้งแต่วันนั้น...” วันเดียวกับวันสุดท้ายที่ได้เจอเด็กคนนี้
ความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้ง หญิงสาวปาดน้ำตาเบาๆ อย่างเงียบที่สุด
“ย่ามาวันนี้ก็เพราะอยากให้หนูที่รักช่วยอะไรสักหน่อย” นวลตองตัดสินใจพูดเข้าเรื่อง
“ช่วย… อะไรคะ” เสียงหวานพยายามคุมเสียงให้ปกติ เธอไม่รู้ว่าคนอย่างเธอจะสามารถช่วยอะไรคุณย่าได้ไหม
“ย่าอยากให้สายฟ้ากลับบ้าน ที่รักช่วยย่าหน่อยได้ไหม”
“หนูช่วยยังไงได้บ้างคะ...” กลั้นน้ำตาไว้สุดฤทธิ์
“มันไปเพราะใคร มันก็ต้องกลับเพราะคนนั้นแหละ หนูที่รักสนใจจะย้ายไปอยู่อังกฤษไหม” เอ่ยมั่นใจว่าที่รักคือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สายฟ้าไป ถึงเธอจะไม่รู้ว่าสาเหตุนั้นคืออะไรก็ตาม
“คือ...” พูดอะไรไม่ออก เหมือนทุกอย่างจุกอยู่ที่ลำคอแต่เอ่อล้นออกมาทางดวงตาแทน
“จะไปเรียนต่อหรือไปอยู่ที่นั่นถาวรเลยก็ได้ ส่วนภาระหนี้สินที่หนูกำลังรับผิดชอบทั้งหมดในตอนนี้ รวมถึงค่าปรับของบริษัทที่หนูกำลังทำงานใช้ทุนอยู่ ย่าจะใช้หนี้แทนให้”
กว่าจะพูดแต่ละประโยคก็ลำบากใจพอสมควร แต่ก็ต้องพูดเพราะพลอยชมพูคือทางเลือกสุดท้ายที่เหลือ
“หนู... แต่หนี้และค่าปรับมัน...”
เธอไม่รู้จะพูดอะไรก่อน หรือไม่รู้แม้กระทั่งว่าจะพูดอะไรออกไปนับจากนี้ เป็นความสับสนกับอะไรหลายๆ อย่างรวมกัน
“หนี้สินของน้ำผึ้งที่หนูกำลังรับผิดชอบจะลดลงไปครึ่งหนึ่ง ค่าปรับของบริษัทที่หนูกำลังทำงานใช้ทุนก็ด้วย เพียงแค่เซ็นสัญญาฉบับนี้แล้วไปกับย่า”
ยื่นซองสีน้ำตาลที่ถือมาด้วยตั้งแต่ต้นให้คนตรงข้าม เธอเองก็ลำบากใจที่ต้องทำแบบนี้ แต่มันคือทางเลือกเดียวแล้วจริงๆ
“อ่านรายละเอียดทั้งหมดก่อนนะ” ยิ้มบางๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
หยดน้ำตาที่ไหลรินลงอาบแก้มพลอยชมพู นวลตองจึงคิดได้ว่าต้องให้เวลาตัดสินใจมากกว่านี้
“งั้นเอาแบบนี้มั้ย ภายในหนึ่งอาทิตย์ถ้าหนูตกลงรับข้อเสนอให้ขึ้นไปหาย่าที่เชียงใหม่พร้อมสัญญานี้ แต่ถ้าหนึ่งอาทิตย์แล้วไม่เจอหนูย่าจะถือว่าหนูปฏิเสธข้อเสนอของย่า และขอให้คิดว่าย่าไม่เคยพูดกับหนูเรื่องนี้จะได้ไหม”
พลอยชมพูพยักหน้าช้าๆ พลางเช็ดน้ำตา เธอยังคงพูดอะไรไม่ออก จึงได้แต่พยักหน้ารับไว้
“ถ้าอย่างนั้นย่าไปก่อนนะ ไว้เจอกันใหม่นะจ้ะหนูที่รัก” นวลตองลุกขึ้นยืน พลอยชมพูจึงลุกขึ้นตามแล้วเดินไปส่งหน้าห้อง มือเหี่ยวย่นลูบศีรษะเด็กสาวเบาๆ อย่างเห็นใจ แต่ถึงยังไงก็ไม่สามารถล้มเลิกความตั้งใจของเธอไปได้
สมชายเห็นเด็กสาวร้องไห้ออกมา พลอยชมพูน่าสงสารตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ...
“เดินทางปลอดภัยนะคะ ขอบคุณค่ะคุณย่าที่ยังใจดีกับหนู” สะอื้นเอ่ยไม่เต็มเสียง ยกมือไหว้ขอบคุณด้วยความซาบซึ้งในใจ
“ขอบใจจ้ะ ย่าไปนะ”
พลอยชมพูพยักหน้าหงึก ฝืนส่งยิ้มให้ มองจนสุดทางเดินจนไม่เห็นแผ่นหลังของผู้มีพระคุณ