ภูวินยิ้มกว้างขณะที่มองผ่านเลนส์กล้องไปยังริสาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวนสาธารณะ ลมเบาๆ พัดผ่าน ปลิวไปกับกลุ่มผมยาวสลวยของเธอ ริสาเปลี่ยนท่าไปมาหลังจากเห็นว่าเขากำลังจะถ่ายภาพ
"พี่ภูวิน จะถ่ายอันนี้เหรอ?" เสียงเธอเอ่ยถามอย่างขี้เล่น พร้อมทำท่าหัวเราะขำทำให้ภูวินรู้สึกใจเต้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขารู้สึกว่าช่วงเวลานี้เต็มไปด้วยความสุขและมีเสน่ห์มากกว่าที่เคย เขาแกล้งทำเป็นเครียดจัดแล้วพูดว่า
"ไม่รู้สิ...แบบนี้มันไม่ค่อยพิเศษนะ" ริสามองเขาอย่างท้าทาย รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอดูสดใสเหมือนแสงอาทิตย์ที่สาดส่อง
“แล้วถ้าอย่างนี้ล่ะ?” เธอเอนตัวไปข้างหน้า มือยกขึ้นมาปิดหน้าทำท่าเหมือนจะงอล พร้อมกับยิ้มกว้างตลอดเวลา ริสาในตอนนี้ดูเหมือนเด็กสาวที่สดใสและไม่รู้จักโต ทำให้ภูวินหัวเราะเสียงดังอย่างเต็มที่
“แบบนี้มันน่ารักนะ” เขาตั้งใจที่จะกดชัตเตอร์อีกครั้ง ก่อนจะยิ้มให้กับความไร้เดียงสาของเธอ
“พี่ภูวิน! ทำหน้าเคร่งเครียดไปทำไม! มาถ่ายกันเถอะ!” ริสาทำเสียงแหลมเบาๆ พร้อมยิ้มกว้างจนเขารู้สึกว่าหัวใจแทบจะกระโดดออกมาจากอก
“แค่ทำท่าน่ารักนิดเดียวก็พอ!” ภูวินรู้สึกว่าช่วงเวลานี้มีเสน่ห์เกินกว่าจะพลาด เขารีบกดชัตเตอร์ 'ชัตเตอร์!' ด้วยความรู้สึกเต็มไปด้วยความสุข ภาพที่ออกมานั้นเต็มไปด้วยสีสันของเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของพวกเขา ความรู้สึกที่อบอุ่นใจปกคลุมไปทั่วทั้งสวน
“นี่มันน่ารักมาก ริสาจะเก็บภาพนี้ไว้ในใจตลอดไปนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่สีหน้าริสาที่ยิ้มอยู่ทำให้เขาอดขำไม่ได้ ริสาเลิกคิ้วด้วยความท้าทาย
“แล้วพี่ภูวินจะเก็บไว้ในหัวใจไหม?” เธอทำท่าเหมือนหยิกแก้มเขาอย่างขี้เล่น ทำให้ภูวินอดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบ
“แน่นอน...พี่จะเก็บมันไว้ตลอดไป” เขาตอบก่อนจะยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ท่ามกลางความเงียบสงบของสวนสาธารณะ เสียงหัวเราะของพวกเขาดังก้องอยู่ในอากาศ ราวกับว่าช่วงเวลานี้จะอยู่กับพวกเขาตลอดไป แต่เมื่อความคิดถึงและความรู้สึกเจ็บปวดเข้ามาอีกครั้ง ภูวินฟุบหน้าลงที่ข้างเตียงของริสา มือของเขากอดแขนเธอไว้แน่น น้ำตาของเขาไหลออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน ความรู้สึกเหมือนว่าโลกทั้งใบของเขาเริ่มเลือนหายไป ในความมืดมิดนี้ เขารู้สึกถึงความสูญเสียที่แผ่ซ่านเข้ามาในใจ
“ทำไมริสาต้องเป็นแบบนี้...” เขาพูดเสียงสั่น ระลึกถึงช่วงเวลาที่มีความสุขและยังไม่อยากให้มันจบลง
“พี่อยากให้เธอฟื้นขึ้นมา...” คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนแอและความเศร้า
.
ทันใดนั้น!!!!! เสียงเตือนจากเครื่องตรวจการเต้นของหัวใจดังขึ้น เสียงดัง “บี๊บบบ!” สั่นสะเทือนอากาศรอบข้าง เครื่องแสดงสัญญาณเตือนว่า “ริสาหยุดหายใจ” ภูวินตกใจจนหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
“ไม่!” เขาร้องออกมาด้วยความตกใจและกลัวสุดขีด ดวงตาของเขาเบิกกว้าง รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลาย เหมือนว่าเสี้ยววินาทีนั้นเป็นเวลาที่ไม่มีที่สิ้นสุด เขาไม่อยากเชื่อว่าช่วงเวลาอันมีค่าที่เขาสร้างขึ้นกับริสาจะต้องจบลงอย่างนี้ เขารีบลุกขึ้นไปหาพยาบาลที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ
“ช่วยด้วย! ริสาหยุดหายใจ! รีบมาที่นี่เร็ว!” ความตื่นตระหนกทำให้เสียงของเขาสั่นไปหมด เสียงของเขาดูเหมือนจะหายไปในอากาศ คำพูดเหล่านั้นเหมือนจะเป็นการอ้อนวอนจากหัวใจที่แตกสลาย
“ช่วยริสาให้ได้! ได้โปรด!” เขาอ้อนวอนด้วยน้ำตาที่ยังคงไหลอย่างไม่รู้จักหยุด ความรู้สึกสิ้นหวังเต็มหัวใจ เขาก้มหน้าลง ทำให้หยดน้ำตาไหลรินลงที่มือของริสา เขาจับมือของเธอไว้แน่น ดวงตาที่แดงก่ำจากการร้องไห้ของเขามองไปที่ใบหน้าของเธอที่ดูเหมือนจะหลับใหล เขารู้สึกถึงความว่างเปล่าในหัวใจ การสูญเสียนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างถูกฉีกออกจากชีวิตของเขา
พยาบาลรีบเข้ามาทำการช่วยชีวิต โดยมีภูวินยืนอยู่ข้าง ๆ มือของเขายังคงกอดแขนของริสาไว้ มันเหมือนกับเป็นการเกาะติดที่ทำให้เขารู้สึกถึงความหวังที่แผ่วเบาแต่ยังไม่หายไป เขาทำได้เพียงอธิษฐานให้เธอฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ในใจเขาเต็มไปด้วยคำถามและความกังวล
“ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้? ทำไมต้องเป็นริสา?”
“ได้โปรด...กลับมาหาพี่เถอะนะ...” เขาพูดด้วยเสียงกระซิบแผ่วเบา ขณะที่เสียงของพยาบาลทำการช่วยชีวิตดังก้องอยู่ในหูเขา เขารู้สึกถึงความอ่อนแอและความกลัวประสานกัน เหมือนว่าทุกห้วงจังหวะของหัวใจที่เต้นนั้นคือการต่อสู้เพื่อความรักที่เขามีให้กับเธอ
“พี่ยังไม่พร้อมที่จะปล่อยเธอไป...” เขาโอดครวญในใจ เสียงของเขาดังก้องอยู่ในความมืด ความหวังที่สลัวอาจจะยังมีอยู่ แต่ความเจ็บปวดนั้นรุนแรงจนเขาไม่รู้ว่าจะสู้ต่อไปได้อีกไหม ในช่วงเวลาที่ทุกอย่างดูมืดมน เขาหยุดคิดถึงภาพที่เคยมีความสุข ริสานั่งอยู่ตรงนี้ด้วยรอยยิ้มสดใส ขอบตาเขารู้สึกหนักอึ้งเมื่อความคิดถึงเข้ามาอีกครั้ง รู้สึกเหมือนถูกบีบคั้นจากภายใน
“ถ้าพี่ทำให้เธอไม่ต้องไป” เขารู้สึกโทษตัวเองที่ไม่ได้ปกป้องเธอ “ถ้าพี่ทำให้เธอไม่ต้องเจออุบัติเหตุแบบนี้...” ภูวินรู้สึกว่าตัวเองต้องแบกรับความเจ็บปวดนี้ เขารู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวในการดูแลคนที่เขารักที่สุด เสียงร้องของพยาบาลดังขึ้น แต่ภูวินไม่สามารถฟังได้ ช่วงเวลาที่เขานั่งอยู่ข้างเตียงเธอ มือที่กุมมือเธอแน่น กลายเป็นจุดยึดที่ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ เขาปล่อยให้ความรู้สึกโทษตัวเองเข้ามาเติมเต็มหัวใจ
“ถ้าพี่ไม่พาเธอออกไป...” เสียงกระซิบของเขาดังขึ้นในความเงียบ ภูวินรู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นคนที่ทำให้เธอต้องเจอเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต
“ถ้าพี่ทำให้เธอปลอดภัย...” ความคิดเหล่านี้วนเวียนในหัวของเขา แต่เสียงของพยาบาลก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“เราต้องทำ CPR!” ภูวินรู้สึกเหมือนจะถูกดึงออกจากโลกแห่งความคิด เขามองไปที่ริสาที่นอนอยู่ โดยไม่รู้ว่าเขาจะสามารถยืนอยู่ตรงนี้ได้อีกนานเท่าไหร่
“ได้โปรด...กลับมาเถอะนะ...” เขาพูดเสียงสั่น ก่อนที่เขาจะรู้สึกเหมือนจิตใจของเขาถูกดึงออกไปในทุกช่วงจังหวะที่พยาบาลทำการช่วยชีวิต
“พี่ภูวินรักริสามากนะ...” เสียงกระซิบแผ่วเบาของเขาเต็มไปด้วยความรักและความปรารถนาให้เธอกลับมา เสียงของพยาบาลเริ่มที่จะเบาลง ความเงียบแผ่ปกคลุม เขานั่งอยู่ในความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ รู้สึกเหมือนว่าชีวิตของเขาหยุดนิ่งในช่วงเวลานั้น
“พี่ภูวินไม่อยากเสียเธอไป...” ความเงียบงันของอากาศทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนพัดพาไปในที่ไม่รู้จัก
“พี่รักเธอ...” เสียงกระซิบของเขาดังก้องอยู่ในใจ
“ได้โปรด...ให้พี่ได้โอกาสอีกครั้ง” ความรู้สึกที่หลั่งไหลออกมาจากใจของเขาเชื่อมโยงถึงการตัดสินใจของชีวิต
“ทุกอย่างจะดีกว่าเดิมถ้าพี่ได้เธอกลับมา” เขาหยุดหายใจชั่วขณะก่อนที่จะขอให้ความหวังยังคงอยู่
“พี่จะทำให้เธอมีความสุข... เพราะพี่รักเธอ” เสียงของเขาหยุดอยู่ที่นั่น ภาพของริสาที่มีรอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นในใจของเขา