ก่อนหน้านี้…
-ปลายฝน-
“อ๊ะ…” เจ็บชะมัด ฉันค่อย ๆ ก้าวขาลงจากเตียงนอนขนาดใหญ่นี้ กว่าจะแกะลำแขนของวาโยออกจากร่างของตัวเองโดยที่ไม่ให้เขารู้สึกตัวก็เล่นเอาเหงื่อซึมขึ้นมา
ฉันรู้สึกหน่วงที่ช่วงล่างของตัวเอง อาจจะเป็นเพราะว่ามันเป็นครั้งแรกของฉันก็เลยมีความรู้สึกแบบนี้ และเขาก็รุนแรงด้วยแหละ ฉันคิดว่านะ ขณะที่วาโยเขายังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่เหมือนเดิม ฉันต้องรีบกลับก่อนที่เขาจะตื่น ฉันไม่รู้หรอกว่าเขาจะทำอะไรต่อ แต่ฉันอาย ไม่อยากเจอหน้าเขาแล้ว
ฉันเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อไปเอาเสื้อผ้าของตัวเอง มันยังคงชื้นอยู่เลย แต่ก็พอใส่ได้ และขณะที่ฉันกำลังหยิบเสื้อผ้าตัวเองอยู่นั้น ฉันกลับเห็นกระเป๋าสตางค์ของเขาที่มันเปิดค้างไว้ น่าจะเป็นของวาโย แต่ที่ทำให้ฉันต้องตกตะลึงคือ
บัตรประชาชนของเขา!
“ปีXx!!” งั้นก็หมายความว่าเขาอายุแค่สิบแปดปีอย่างนั้นใช่ไหม ให้ตายสิ! ฉันคิดว่าเขาอายุมากกว่าฉันตั้งนาน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายเซ็กซ์จัดแบบนั้นยังเรียนไม่จบม.ปลาย แต่ไม่แปลกหรอกเขาคงชอบเที่ยวที่แบบนี้
ฉันส่ายหน้าเบา ๆ เพราะยังไงเราก็คงไม่มีโอกาสได้เจอกันแล้วล่ะ ฉันจะไปเอาเงินค่าโทรศัพท์มาคืนเขาเดี๋ยวนี้เลย
คิดได้ดังนั้นฉันก็รีบใส่เสื้อผ้าที่ยังชื้นอยู่ ก่อนจะเดินออกจากห้องพักเพื่อไปหาเจ๊น้ำหนึ่งที่ชั้นล่าง
“อ้าว ปลายฝนฉันนึกว่าเธอกลับแล้ว” ฉันยิ้มบาง ๆ ให้เจ๊น้ำหนึ่ง ฉันคิดว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันมาทำงานที่นี่ ฉันรู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ฉันไม่รู้หรอกว่าอาการที่ฉันเป็นมันเป็นเพราะว่าฉันถูกวางยาจริงอย่างที่คิดหรือเปล่า แต่ในความรู้สึกของฉัน ฉันว่าใช่ และที่นี่สำหรับฉันมันไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
“หนูมารับเงินค่ะ”
“อ้อ ได้หมื่นนึงนะจร๊ะ” ฉันกะพริบตาถี่ ๆ ให้กับสิ่งที่ได้ยิน หนึ่งหมื่นเหรอ ปกติได้เยอะกว่านี้นี่ แต่ถ้าเทียบกับงานอื่นมันก็ได้เยอะจริง แต่ว่างานโชว์เรือนร่างที่แทบจะเปลือยเปล่าอย่างที่ฉันทำ ฉันคิดว่ามันควรจะได้เยอะกว่านี้ แล้วเมื่อวานฉันเห็นคนโปรยเงินเยอะมาก มันควรได้เยอะกว่านี้หรือเปล่า
“อ่ะ นี่จ้ะ” ฉันไม่ได้พูดอะไรออกไปเพียงแค่ยื่นมือออกไปรับ เพราะรู้ว่ามันสูญเปล่าที่จะมีปากเสียงกับเจ๊ และฉันคิดว่าฉันคงไม่มาทำงานที่นี่แล้วล่ะ
เงินไม่พอค่าโทรศัพท์เครื่องหรูของเขาเลย แย่จัง ฉันคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงดี ชิ่งหนีไปเลยก็ไม่ได้เพราะเขารู้ว่าฉันพักอยู่ไหน แต่ถ้าเขาไม่รู้ฉันก็ทำไม่ลงหรอก แต่ให้คิดอีกมุมหนึ่ง มันก็ไม่ใช่ความผิดของฉันทั้งหมดสักหน่อย โทรศัพท์ของเขามาอยู่กับฉันได้ยังไงฉันยังไม่รู้เลย เอาเป็นว่าฉันจะเขียนข้อความบอกเขาไปจากใจจริงว่าฉันทำโทรศัพท์เขาหาย และไม่มีเงินซื้อคืน มีแค่เงินหนึ่งหมื่นนี้
ฉันกลับขึ้นมาที่ห้องพักอีกครั้ง ก่อนจะเขียนข้อความใส่กระดาษโน้ตเพื่อบอกเขา และวางเงินไว้ที่โต๊ะข้างประตู หวังว่าเขาจะเห็นนะ และก่อนที่ฉันจะเดินออกไปฉันก็หันหน้ากลับไปมองเขาที่ยังคงนอนหลับอยู่เหมือนเดิม
ไม่อยากเชื่อว่าเขาอายุแค่สิบแปดปี เขาดูดีเกินกว่าจะคิดว่าเป็นเด็กวัยรุ่น ไม่อยากจะเชื่อเลย เหลือเชื่อจริง ๆ ฉันส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะหมุนตัวเปิดประตูเดินออกไป
เราคงไม่ได้เจอกันแล้วล่ะ ฉันกะจะไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมากิน แม้เขาจะไม่ปล่อยใน แต่กันไว้ก็จะดี ฉันไม่รู้สึกเสียดายครั้งแรกของฉัน เพราะว่าคุณค่าของคนไม่ได้อยู่ที่การผ่านหรือไม่ผ่านผู้ชายมาก่อน และฉันก็คิดว่าชาตินี้ฉันคงไม่มีคู่ชีวิตเหมือนคนอื่นหรอก เพราะไม่อยากให้ลูกของฉันในอนาคตต้องมาลำบากเหมือนฉัน..
สามวันต่อมา…
@INTERNATIONAL HIGH SCHOOL
-วาโย-
“มึงจะโดดเรียน?” ผมไม่ได้ตอบคำถามที่มันก็รู้คำตอบดีอยู่แล้วของไอ้ห่าเหนือ ผมคิดถึงปลายฝน ผมไม่ได้เจอเธออีกเลยสามวันที่ผ่านมา ไม่เป็นอันทำห่าอะไรเลยสักอย่าง อยากเจอ อยากถามว่าทิ้งผมได้ยังไง
เสียใจว่ะแม่ง!
“จะเรียนอีกทำไมวะ สอบติดแล้วสนใจห่าไร” ผมเดินออกจากห้องเรียน ขณะที่ไอ้เหนือก็เดินขนาบข้างมาด้วย ผมสอบติดหมอ ไอ้เหนือก็หมอ พระพายก็หมอ เพราะพ่อแม่ของพวกเราเป็นหมอเลยหนีไม่พ้น สอบติดตั้งแต่รอบแรกเลยก็ว่าได้
“เจอกันที่บ้าน” ผมเดินปลีกตัวออกจากมันไปโรงจอดรถ ตั้งแต่มีใบขับขี่ผมก็ขับรถเองตลอด ซึ่งตอนนี้ผมได้รถคันใหม่แล้วด้วยยี่ห้อเดิมแต่รุ่นใหม่
“ปลายฝน” ผมพึมพำเอ่ยเรียกชื่อผู้หญิงที่ทำให้ผมอยู่ไม่เป็นสุข เธอไม่ได้ไปทำงานที่คลับนั่นแล้วเพราะผมไปดักรอทุกวันแต่ไม่เจอ ส่วนร้านอาหารผมยังไม่ได้ไปเพราะมันเปิดแค่ตอนเช้าซึ่งผมติดเรียน และตอนนี้ผมกำลังโดดเรียนเพื่อไปหาเธอโดยเฉพาะ
เธอทิ้งผมไปพร้อมกับเงินที่วางไว้ให้ผมหมื่นนึง เธอบอกว่าทำโทรศัพท์ผมหาย ซึ่งผมไม่ได้ว่าอะไรเธออยู่แล้วไง แต่ผมก็คิดอะไรดี ๆ ออกเกี่ยวกับเรื่องนี้ หวังว่าเธอจะคล้อยตามนะ
-ปลายฝน-
“ฝน ต่อไปนี้อยู่หน้าร้านตลอดเลยนะ” ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้ยินจากผู้จัดการร้าน ฉันไม่ค่อยชอบหน้าร้านสักเท่าไร เพราะคนชอบมองฉันเยอะมากแล้วชอบเรียกให้ฉันไปหา บางคนให้เหตุผลว่าอยากเจอหน้าฉันบ่อย ๆ ฉันรู้สึกไม่ค่อยโอเคที่ลูกค้าสองมาตรฐานแบบนี้
“ฝนเสิร์ฟอาหารทีไร ได้ทิปเยอะตลอดเลยนะ” ฉันถอนหายใจออกมา และพยักหน้ารับเพราะอย่างน้อยทิปที่ฉันได้ก็ช่วยให้พนักงานเสิร์ฟคนอื่นได้เงินเดือนเพิ่มขึ้น เพราะเงินทิปจะต้องเอามาหารกันอยู่แล้ว ก็ดีเหมือนกันที่ฉันจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมากเท่ากับทำอยู่ในครัว เพราะว่าฉันจะได้ไปสมัครสอบเข้ามหาลัยไว้ในรอบสุดท้ายซึ่งก็อีกประมาณสองเดือนถึงจะได้สอบ ฉันจะได้ไม่เหนื่อยมากนักเวลาอ่านหนังสือสอบช่วงค่ำ
ตอนนี้ฉันไม่ได้ทำงานภาคค่ำแล้ว เพราะต้องเอาเวลาไปอ่านหนังสือ เป็นเวลากว่าสองปีที่ฉันทำงานเก็บเงินเพื่อเรียนหนังสือ ฉันคิดว่าเงินแสนกว่าบาทคงสามารถทำให้ฉันประทังชีวิตตอนเรียนมหาลัยได้
“งั้นเอาถาดนี้ไปเสิร์ฟโต๊ะเอหนึ่งเลยนะ” ฉันพยักหน้ารับพร้อมกับยกถาดอาหารมาไว้ในมือก่อนจะเดินไปเสิร์ฟอาหารตามโต๊ะที่ผู้จัดการร้านบอก แต่แล้ว
กึก!
“วาโย” ฉันชะงักฝ่าเท้าพร้อมกับมองตรงไปยังผู้ชายที่กำลังมองมาทางฉัน เขาแสยะยิ้มให้ฉัน ซึ่งฉันรู้สึกใจคอไม่ดีเลยสักนิด ฉันเดินเข้าไปหาเขาเรื่อย ๆ และพยายามควบคุมสติไม่ให้ลนลาน แต่พอยิ่งเดินเข้าไปใกล้ หัวใจของฉันมันก็ยิ่งสั่น
ฉันแอบคิดว่าเขาหรือเปล่าที่บอกให้ผู้จัดการร้านบอกให้มาเสิร์ฟโต๊ะของเขา ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ฉันรู้สึกแปลก ๆ ไงไม่รู้
“ไม่ทักทายกันหน่อยหรือไง” ฉันไม่สนใจคำพูดของเขา เพียงแค่วางจานอาหารให้เขาอย่างเบามือ ฉันรู้สึกว่ามีสายตาหลายคู่ที่มองเขาอยู่ เพราะเขาเป็นคนหน้าตาดีมาก ฉันไม่ชอบการตกเป็นเป้าสายตาของใครเลย
“ปลายฝน” เสียงทุ้มลึกของเขาดังขึ้นอีกครั้ง แต่ฉันก็พยายามที่จะไม่สนใจ แต่แล้ว
“ฉันไม่ยอมเรื่องโทรศัพท์” ฉันหันหน้าไปมองเขาทันที เพราะว่าฉันไม่คิดว่าเขาจะไม่ยอม แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดเพราะมันโทรศัพท์ของเขา แต่ฉันก็ไม่ผิดนะ
“รับอะไรเพิ่มไหมคะ” ฉันไม่สนใจคำพูดของเขา วาโย...ฉันคิดว่าเขาเป็นผู้ชายเจ้าเล่ห์ แต่แล้ว
ครืด~
เพล้ง!!
“วาโย!” ฉันตกใจมากที่เขาใช้ฝ่ามือปัดจานอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะให้มันตกลงพื้นไป เสียงของจานอาหารที่แตกทำให้มีคนมองมาที่เราเยอะมาก
“ทำไมต้องทิ้งฉัน”
“_” ฉันกำมือเข้าหากันแน่น เขาเอาแต่ใจชะมัด
“ก็เราไม่ได้รู้จักกันนิคะ วันไนท์เคยได้ยินหรือเปล่า” ฉันโกรธเขาขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ไม่เห็นต้องทำอะไรแบบนี้เลย
“เคยได้ยิน แต่ฉันไม่อยากเป็นวันไนท์ของใคร” เหอะ ใครจะไปเชื่อเขา เขาเที่ยวที่แบบนั้น แล้วจะมาพูดว่าไม่อยากวันไนท์กับใครได้ยังไง
“แล้วฉันจะไม่ยอมเรื่องโทรศัพท์ ฉันซื้อมาสามหมื่นกว่าเธอให้ฉันแค่หมื่นเดียว” ฉันขมวดคิ้วเข้าหากัน ฉันคิดว่านี่มันเป็นข้ออ้าง เพราะคนรวย ๆ แบบเขา เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องสำคัญ
“ฉันจะแจ้งความ และก็จะบอกผู้จัดการร้านด้วยว่าเธอทำจานแตก” ฉันจ้องเขาเขม็งเลย แต่เขากลับยกยิ้มมุมปากให้ฉันราวกับว่าได้ชัยชนะ ก่อนหน้านี้เขาดูโกรธฉันมาก แต่ตอนนี้ฉันโกรธเขามากกว่าอีก
“นายมันนิสัยไม่ดีเลย” ฉันไม่เรียกเขาว่าคุณละ เขาอายุน้อยกว่าฉันอีก แต่เขาก็ไหวไหล่ขึ้นเหมือนไม่แยแสว่าฉันจะว่าอะไรเขา
“นายมันเด็กสิบแปดขวบไม่รู้จักโต” ฉันโกรธที่เขาเอาแต่ใจและทำจานแตกแบบนี้ ฉันไม่โอเคเลย
พรึ่บ!
หมับ!
“เด็กอย่างฉันก็ทำเธอครางได้เหมือนกัน” ฉันผงะถอยหลังเมื่อวาโยลุกพรวดขึ้นพร้อมกับคว้าต้นแขนของฉันก่อนที่เขาจะกดเสียงต่ำใกล้ ๆ ใบหูของฉัน ยังดีที่เขาไม่ได้ป่าวประกาศออกไป
“_” ฉันพูดไม่ออกได้แต่มองเขาตาขวาง และขณะนั้นเองที่ฉันเห็นว่าผู้จัดการร้านกำลังเดินตรงมาทางเราทั้งคู่
“เอาไง ฉันทำให้เธอออกจากงานได้เลยนะ”
“นายต้องการอะไรวาโย”
“ไปกับฉันสิ”
“อะไรนะ” ฉันหันหน้าไปสบตากับเขาหลังจากที่พยายามที่จะไม่มองหน้าเขา สายตาคมของเขามองฉันไม่วางตาเลย
“ออกไปกับฉันตอนนี้”
“ไม่ ฉันทำงานอยู่”
“เธอทำได้วันละเท่าไรฉันให้เธอสองเท่า” ฉันมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ ฉันชอบเงิน ชอบมาก ๆ เพราะฉันไม่มีเงิน ฉันอยากได้เงิน อันนี้ฉันไม่ปฏิเสธ แต่ฉันไม่อยากยุ่งกับเขา
“หรือเธออยากออกจากงาน” ฉันมองวาโยสลับกับผู้จัดการร้านที่เดินตรงมา ด้วยความที่ร้านอาหารมันใหญ่มาก ทำให้นานเหมือนกันกว่าที่ผู้จัดการร้านจะมาถึง
“ออกไปกับนายแค่นี้ใช่ไหม”
“ก็ลองไปดู”
“นายมันไว้ใจไม่ได้วาโย” ฉันรู้สึกว่าเขายังคงโกรธที่ฉันทิ้งเขา ฉันไม่ได้ทิ้งเขาสักหน่อย แต่เราไม่ได้มีเรื่องที่จะคุยกันอีก
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ” เสียงของผู้จัดการร้านดังขึ้น ทำให้ฉันก้มหน้าลงด้วยความไม่รู้ว่าจะต้องพูดยังไง
“เปล่าครับ อุบัติเหตุนิดหน่อย” เขากดเสียงต่ำคำว่าอุบัติเหตุซึ่งมันเป็นการบอกกลาย ๆ ว่าทำไมเขาถึงพูดอย่างนี้
“ทางเราขออภัยด้วยนะคะที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้” ลูกค้าคือพระเจ้านี่สิงานบริการของฉัน ฉันแกะฝ่ามือของเขาออกจากต้นแขนฉัน ก่อนที่จะค้อมศีรษะให้เขา
“ฉันขอโทษค่ะ” ฉันเอ่ยพูดขึ้น ก่อนที่ฉันจะเห็นปลายเท้าของเขาที่เดินออกไป ฉันเลยเงยหน้าขึ้นมองผู้จัดการร้าน
“พี่คะ ฝนขอลาครึ่งวันนะคะ” ฉันเอ่ยปากบอกผู้จัดการร้าน เพราะฉันต้องไปเคลียร์กับวาโย ไม่งั้นเขาไม่จบแน่…