เวลาต่อมา…
-ปลายฝน-
“หมู่บ้านข้างหน้านะคะ” หลังจากตื่นนอนก็พบว่าใกล้ถึงหมู่บ้านของฉันแล้ว ฉันก็เลยเอ่ยปากบอกผู้ชายหน้าตาดีที่ขับรถมาส่งฉัน ทาวน์เฮ้าส์หลังเก่าเป็นบ้านของป้าฉัน ฉันมาอาศัยอยู่ด้วยเพราะว่าฉันกำพร้าพ่อแม่ ซึ่งพ่อแม่ฉันเสียไปตั้งแต่ฉันอายุได้สองขวบ
“หลังนั้นค่ะ” ฉันชี้ให้เขาดู ก่อนที่เขาจะพยักหน้ารับ ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมเขาถึงมาส่งฉัน ฉันไม่มีความคิดว่าเขาจะจีบฉันหรอก ดูเขาสิ แล้วดูฉัน นั่นแหละมันไม่มีทางเป็นไปได้
“ขอบคุณค่ะ” ฉันหันหน้าไปเอ่ยปากบอกขอบคุณเขา ซึ่งตอนนี้เขากำลังมองเข้าไปยังบ้านของป้าฉันพร้อมกับขมวดคิ้วเหมือนสงสัยอะไรบางอย่าง
“เธอ…” ฉันมองใบหน้าเขานิ่ง ๆ ก่อนจะมองตามสายตาของเขา เขาคงสงสัยมั้งว่าทำไมฉันถึงสามารถอยู่บ้านหลังที่มันเก่าได้ขนาดนี้ ซึ่งเขาไม่เข้าใจหรอก
“ฉันไปนะคะ” ฉันเอ่ยปากบอกเขาครั้งสุดท้าย ก่อนจะเอื้อมฝ่ามือไปเปิดประตู แต่ทว่า
“ฉัน…ชื่อวาโย” ฉันเอี้ยวใบหน้าหันกลับมามองเขา ซึ่งฉันก็รู้ชื่อเขาจากที่เพื่อนของเขาเรียกแล้วล่ะ และฉันก็ไม่คิดจะแนะนำตัวด้วยเพราะเราคงไม่ได้เจอกันอีกหรอก
“ค่ะ” ฉันตอบเพียงแค่นั้น ซึ่งมันทำให้เขาขมวดคิ้วมองฉันมากกว่าเดิมอีก
แกร็ก~
แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจ ฉันลงจากรถและมองใบหน้าของเขาที่ส่งยิ้มให้ฉัน ก่อนที่ฉันจะปิดประตูอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวรถคันหรูของเขาจะเป็นรอย
บรึ้นน~
ฉันมองตามท้ายรถคันหรูที่แล่นออกไปก่อนจะอมยิ้มบาง ๆ เพราะรู้สึกว่าชาตินี้ฉันมีก็โอกาสได้นั่งรถหรู ๆ แบบนี้เหมือนกับคนอื่นด้วย
“ยังไม่ได้นอนเลยแฮะ” ฉันพึมพำออกมาเมื่อเห็นว่าตอนนี้ก็เช้าแล้ว ฉันคงต้องรีบอาบน้ำแล้วรีบไปทำงานเพราะวันนี้ฉันต้องเปิดร้าน คิดได้ดังนั้นฉันก็เลยเดินเข้าบ้านไป แต่แล้ว
“แม่!! เห็นไหมไม่ทันเลย ไม่รู้เลยว่าใครมาส่งอีฝน” เสียงแว้ดหูของลูกพี่ลูกน้องของฉันอย่างคะนิ้งก็ดังขึ้น มันทำให้ฉันที่กำลังจะเอื้อมฝ่ามือไปเปิดประตูเป็นอันต้องชะงักไป เธอเห็นอย่างนั้นใช่ไหม แบบนี้ไม่ดีเลย แต่ด้วยความที่ฉันต้องรีบไปทำงานทำให้ฉันตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป
“กลับมาแล้วเหรอ” ฉันพยักหน้าเบา ๆ ให้กับคำถามของคะนิ้ง เธอเป็นน้องฉันตั้งห้าปีแต่เรียกฉันว่าอี ซึ่งฉันก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าอะไรหรอก
“รับแขกมาเหรอ ได้ตังค์เยอะสิท่า ดูจากรถที่มาส่ง แขกคงรวย” ฉันไม่ได้สนใจคำพูดของเธอ เพียงแค่เดินเลี่ยงเธอเข้าไปหลังบ้านเพื่อเข้าห้องของฉันซึ่งเป็นห้องเก็บของของที่บ้าน
“แม่! อีฝนมันบอกว่ามันได้เงินเยอะ แม่รีบลงมาเร็ว!!”
“พูดอะไรน่ะ!” ฉันหันหน้าไปมองคะนิ้ง เพราะฉันยังไม่ได้พูดเลยว่าฉันได้เงินอะไรมา ฉันเหนื่อยมาทั้งวันเงินติดกระเป๋าแทบไม่มีทำไมถึงพูดอะไรแบบนี้ก็ไม่รู้
ตึก ตึก ตึก~
และเสียงคนวิ่งลงบันไดก็ดังขึ้น ฉันจึงค่อย ๆ หันไปมองก็พบว่าป้าเอมอรนุ่งกระโจมอกมองมาทางฉันอยู่ สงสัยพอได้ยินว่าฉันมีเงินก็รีบวิ่งออกจากห้องน้ำทันทีสินะ
“แม่มันไปรับแขกมา”
“แกไปรับแขกมางั้นรึ”
“ไม่ใช่ค่ะ” ฉันปฏิเสธทันควัน เพราะมันไม่ใช่ความจริงสักหน่อย
“หน็อยแหนะ แกคิดจะโกหกฉันเหรอ ฉันบอกให้แกรับแขกตลอดแต่แกก็บอกว่าไม่ แต่ตอนนี้แกแอบรับแขกใช่ไหม!”
“แม่ มีรถหรูมาส่งมัน” ฉันหันหน้าไปมองคะนิ้ง แต่แล้ว
“เอากระเป๋ามาให้ฉัน!! แกเอาเงินค่าตัวไว้ในกระเป๋าใช่ไหม!”
“ไม่ค่ะ ฝนไม่ได้รับแขกอะไรทั้งนั้น”
“อย่ามาตอแหล” ฉันก้าวขาถอยหลังเมื่อป้าเอมอรเดินเข้ามาใกล้ฉัน ก่อนที่เธอจะยื่นฝ่ามือมาคว้าเอากระเป๋าสะพายของฉันไป
หมับ!
พรึ่บ!
ซึ่งฉันแสดงความบริสุทธิ์ใจโดยการปล่อยให้เธอเอากระเป๋าฉันไปโดยไม่ได้ฉุดดึงอย่างที่ควรจะเป็น เพราะว่าในนั้นมันมีเงินไม่ถึงร้อยบาทอย่างน้อยก็สิบห้าบาทค่ารถเมล์เที่ยวกลับที่ฉันไม่ได้ใช้ โชคดีที่ฉันเอาใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลของคุณวาโยใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง
แต่ทว่า
“แม่ นี่มันไอโฟนใหม่นี่แม่!” ฉันมองโทรศัพท์เครื่องหรูที่คะนิ้งหยิบขึ้นมา ก่อนจะตาเบิกตากว้างทันที
“แกเอาเงินไปซื้อโทรศัพท์เครื่องนี้ใช่ไหม!”
“แม่รุ่นใหม่ด้วย สามสี่หมื่นเลยนะ” ฉันยังคงอ้าปากค้างอยู่ เพราะฉันไม่รู้ว่าทำไมโทรศัพท์เครื่องนี้ถึงมาอยู่ในกระเป๋าของฉันได้ยังไง หรือว่าจะเป็นของคุณวาโย
“มันไม่ใช่ของฝน” ฉันเดินเข้าไปใกล้คะนิ้งเพื่อจะได้เอาโทรศัพท์แต่ทว่า เธอกลับชักมือหนี
“ให้ก็โง่แล้ว”
“ฉันถามว่าแกรับแขกแล้วเอาเงินไปซื้อโทรศัพท์ใช่ไหม!” ป้าเอมอรเหมือนจะโกรธมาก เธอตะคอกออกมาเสียงดังมันทำให้ฉันสะดุ้งตกใจทันที
“ไม่ใช่ค่ะ” ฉันยังคงปฏิเสธเหมือนเดิมเพราะมันไม่ใช่ความจริง ก่อนที่ฉันจะยื่นฝ่ามือออกไปหมายจะคว้าเอาโทรศัพท์มือถือกับคะนิ้งอีกครั้ง
แต่แล้ว
เพี๊ยะ!!
ใบหน้าของฉันมันก็สะบัดตามแรงตบอย่างแรง เพราะฉันยังไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่ความรู้สึกชาบนใบหน้าครึ่งซีกจะเกิดขึ้นกับฉัน ป้าเอมอรตบฉัน
“หึ สมน้ำหน้า หนูขอโทรศัพท์นะแม่”
“ฮึก ไม่ได้นะ” ฉันหันหน้ากลับไปมองคะนิ้งพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา มันไม่ใช่โทรศัพท์ของฉัน ถ้าเขามาตามเอาแล้วฉันจะหาเงินที่ไหนไปคืนเขา
“เอาไปเลยลูก แต่รอบหน้าน่ะ ถ้าแกรับแขกอีก ฉันต้องได้เงิน!” ป้าเอมอรไม่สนใจเลยว่าตอนนี้ฉันรู้สึกยังไง ฉันมองแผ่นหลังของเธอที่หมุนตัวกลับขึ้นไปบนบ้านอีกครั้ง เช่นเดียวกับคะนิ้งที่เธอเดินถือโทรศัพท์เครื่องนั้นขึ้นบันไดบ้านไปเช่นกัน
“ฮืออ~” ฉันร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกเหมือนกับอดกลั้นทุกอย่างไว้ไม่ไหวแล้ว มันเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นบ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้โทรศัพท์เครื่องนั้นมันไม่ใช่ของฉัน
“ฮึก…” ฉันยังคงสะอื้นไห้ เพราะรู้สึกอับจนหนทางที่จะหาเงินไปซื้อโทรศัพท์เครื่องหรูนั้นให้เขาคนนั้นได้ และฉันไม่รู้ว่าทำไมโทรศัพท์เครื่องนี้ถึงมาอยู่ในกระเป๋าของฉัน แต่สุดท้ายแล้วยังไงฉันก็ต้องหาเงินมาซื้อโทรศัพท์คืนเขาอยู่ดี...
-วาโย-
ผมไม่ได้ขับรถกลับบ้านพักที่พ่อแม่ของผมและพ่อแม่ของเพื่อนผมร่วมกันสร้างให้พวกเราอยู่ด้วยกัน แต่ผมขับรถกลับบ้านจริง ๆ ของผม ผมแค่จะมาขอรถใหม่กับพ่อ
“ลมอะไรหอบคุณหนูกลับมาบ้านเหรอคะ” ทันทีที่เดินเข้ามาในบ้าน เสียงของป้าแม่บ้านก็ดังขึ้น
“ลมเงินหมดมั้งครับ” ผมตอบติดตลกและไม่ทันที่ป้าแม่บ้านจะได้พูดอะไร เสียงแม่ของผมก็ดังขึ้นเสียก่อน
“วาโย มาทำไมไม่บอกแม่ หือ?” ผมยิ้มให้กับคุณแม่คนสวยก่อนจะเดินเข้าไปสวมกอดเธอ
“เซอร์ไพรส์ไงครับ”
“หึ ลูกคนนี้นี่ ต้องมีอะไรแน่ ๆ เลย” ผมผละอ้อมกอดออก ก่อนจะเดินนำหน้าคุณแม่ไปห้องนั่งเล่น ซึ่งแม่ผมก็เดินตามมาด้วย
“พ่อไปทำงานยังครับ”
“วันนี้วันอาทิตย์คุณพ่อไม่ได้ไปโรงพยาบาลจ้ะ” ผมพยักหน้ารับก่อนจะนั่งลงโซฟาภายในห้องนั่งเล่น ขณะที่แม่ของผมเธอก็เดินมานั่งข้าง ๆ กับผม
“นั่นไง พูดถึงก็มาเลย” ผมหันไปมองตามสายตาของแม่ก็พบว่าพ่อของผมกำลังเดินมาทางนี้ ผมก็เลยลุกขึ้นแล้วยกกำปั้นขึ้นชนกับกำปั้นของพ่อ เหมือนที่เราชอบทำกันตอนที่ผมยังเด็ก
ปึก!
“พ่อรู้สึกเหมือนพ่อจะได้เสียเงินยังไงก็ไม่รู้” ผมยิ้มให้พ่อผมทันที เอาเป็นว่าพ่อผมรู้ใจผมที่สุด
“มีอะไรหรือเปล่าโย ปกติลูกไม่ค่อยกลับมาบ้านวันอาทิตย์นี่”
“เอ่อ…”
“หือ?” ผมหันหน้าไปหาพ่อของผม ท่านกำลังนั่งลงที่โซฟาตรงข้ามกับผมพร้อมกับหยิบแก้วกาแฟที่ป้าแม่บ้านเอามาเสิร์ฟขึ้นจิบ ก่อนที่ผมจะเอ่ยพูดขึ้น
“ผมอยากได้รถคันใหม่”
“ห้ะ!!?”
“ตกใจอะไรขนาดนั้นดา” พ่อผมเอ่ยขึ้น ผมหันหน้าไปมองใบหน้าของแม่ผมที่เธอหลุดเสียงร้องตกใจออกมา เธอคงตกใจแหละเพราะรถคันเมื่อวานผมเพิ่งซื้อเอง
“จะไม่ให้ตกใจได้ไงล่ะ ดูลูกสิ เพิ่งซื้อรถใหม่แต่อยากได้ใหม่อีกแล้ว” แม่ผมไม่ได้สงสัยเลยด้วยซ้ำว่ารถคันเก่าไปไหน เพราะผมก็ซื้อรถใหม่อยู่เรื่อย ๆ แบบนี้อยู่แล้ว มันก็เลยไม่ใช่เรื่องแปลก
“รุ่นไหนล่ะ”
“ผมรักพ่อที่สุด”
“เอาเข้าไป” แม่ผมยกมือขึ้นกุมขมับ ซึ่งมันเป็นภาพเคยชินสำหรับผมแล้ว แม่ไม่ได้ห่วงเรื่องเงินหรอก ท่านแค่กลัวว่าผมจะเสียคนเพราะถูกสปอยหนัก
“รุ่นไหนก็ได้ครับ”
“รุ่นใหม่?”
“ก็ได้ครับ”
“พอเลยค่ะพี่วายุ ถ้าพี่ทำแบบนี้อีกดาจะโกรธแล้วนะ” ผมอมยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าพ่อกำลังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ขณะที่แม่ของผมเธอลุกขึ้นยืนกอดอกมองมาทางผมแล้ว
“เถอะน่า รถมันไม่ได้หายไปไหนสักหน่อยดา” เอ่อ มันหายไปแล้ว…ผมไม่ได้พูดออกไป เพียงแค่คิดในใจ
“แต่ทำแบบนี้ลูกยิ่งได้ใจนะคะ”
“ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย”
“พี่วายุ!!”
“ดาก็รู้ว่าเรามีลูกแค่คนเดียว…” พอพ่อใช้มุกนี้แม่ก็เงียบลงทันที ก่อนที่ผมจะยิ้มออกมาพร้อมกับลุกขึ้นไปกอดแม่ของผม
“รักแม่นะครับ” ผมรู้ว่าแม่รักผมก็เลยไม่อยากให้ผมมีนิสัยใช้เงินฟุ่มเฟือย ส่วนพ่อของผมท่านมักจะตามใจผมทุกอย่างแต่ไหนแต่ไรแล้ว ซึ่งคุณย่าบอกว่าที่พ่อผมตามใจผมแบบนี้เพราะว่าจริง ๆ แล้วผมเกือบไม่ได้เกิดมา คุณย่าบอกว่าแม่ของผมเธอเกิดอุบัติเหตุเกือบไม่รอด ซึ่งตอนนั้นเธอกำลังตั้งท้องผมอยู่ มันก็เลยทำให้พ่อมีอะไรก็ทุ่มให้ผมคนเดียว…