ตอนที่ 13 ยืนหยัด

1670 Words
เขารู้ดีว่าอีกไม่นานบุตรเขยสองคนก็จะทอดทิ้งบุตรสาวของตนเองและมีภรรยาใหม่อีกหลายคนที่รับมาจากเมืองหย่งโจวและนักโทษรุ่นใหม่ที่ถูกปล่อยตัวออกมา หลี่เนี่ยหรานและหลี่หยวนอิงกลายเป็นสมบัติผลัดกันชมให้กับบุรุษในหมู่บ้านแห่งนี้ที่มีสตรีอาศัยอยู่เพียงไม่กี่คน ชายชราคิดว่าอย่างไรตนเองก็ได้ชื่อว่าเป็นบิดาของคนทั้งสอง สมควรที่จะตักเตือนสั่งสอนสตรีทั้งสองให้รู้ถูกผิดบ้าง วันนี้พวกนางยังคงหัวเราะเยาะเย้ยเขาร่วมกับคนอื่น แต่หากวันหนึ่งถ้อยคำที่ออกจากปากตนเองจะมีโอกาสได้สัมผัสใจของบุตรสาวและทำให้พวกนางคิดได้บ้างก็คงจะดี กลุ่มคนที่ล้อมวงหัวเราะเขาอยู่เหล่านี้ก็ด้วย ทุกคนล้วนเคยอาศัยอยู่ในตระกูลใหญ่บ้างก็เคยเป็นนายบ้างก็เคยเป็นบ่าว เคยมีความรู้ เคยมีสำนึกผิดชอบชั่วดี ชายชราได้แต่อบรมให้ทุกคนได้ยินต่อไปไม่หยุดเพราะเขาคิดจะเดินทางออกจากที่นี่แล้ว ผู้ใดรับฟังก็ดีไม่รับฟังก็ต้องแล้วแต่ชะตากรรมของแต่ละคน เขาทำได้เพียงแสดงความเป็นผู้อาวุโสที่หวังดีกับชนรุ่นหลังอย่างสุดความสามารถเท่านั้น หลี่หลงหยางเดินตามหลังท่านปู่ของเขามาเงียบๆ ได้ยินทุกถ้อยคำที่ทุกคนกล่าวออกมาทั้งหมด เขารู้จักท่านปู่ใหญ่และท่านพ่อที่ไม่เอาไหนของเขาจากปากของผู้อื่นมาโดยตลอดและรู้สึกเกลียดบิดาของตนยิ่งนักที่ทำให้พี่ชายต้องมาถูกประหารไปด้วย ความเกลียดนี้ส่งผลไปถึงสายตระกูลเขาและตนเองก็ไม่เคยอยากใช้แซ่หลี่อีกเลยนับตั้งแต่รู้ความ แต่บัดนี้เงาร่างผอมบาง ไหล่ที่งุ้มโค้งของท่านปู่รองกลับคล้ายว่ายิ่งใหญ่และมั่นคงมากที่สุดตั้งแต่เขาเคยเห็นมา เด็กน้อยยืนอยู่เบื้องหลังและเงยหน้ามองร่างที่สูงกว่าตนหลายเท่ากำลังกล่าวคำเชิดชูวงศ์ตระกูลอย่างมั่นอกมั่นใจ เด็กชายอดไม่ได้ที่จะคิดว่าตนเองเป็นทายาทสกุลหลี่ที่สมควรจะยืนหยัดและกอบกู้ชื่อเสียงที่เลวร้ายกลับคืนมาดังเช่นท่านปู่ของเขากระทำอยู่ "ข้าจะพาเสี่ยวหลงออกจากที่นี่และจะไม่กลับมาอีก เจ้าสองคนดูแลตัวเองและคิดสำนึกให้ดี" หลี่หยุนกล่าวเป็นคำสุดท้าย "ดี!!ไปเลย คิดว่าข้าอยากจะหาเงินทองมาเลี้ยงดูคนไร้ประโยชน์เช่นท่านต่อไปนักหรือ ออกจากที่นี่ไปลำพังอย่างไรก็ตายเปล่า อีกเดี๋ยวพวกเราเตรียมไปขุดหลุมดักสัตว์ได้เลย พวกมันต้องแห่กันออกมาหากินซากศพมนุษย์แน่นอน" หลี่หยวนอิงที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับน้องสาวตะโกนไล่หลังตามมา ซ้ำยังสาปแช่งผู้เป็นบิดาอย่างไร้คุณธรรม หลี่หยุนหันมาส่งยิ้มอบอุ่นให้หลี่หลงหยาง เขาเห็นแววตาของเด็กน้อยก็รู้แล้วว่าเด็กคนนี้มีความคิดที่เปลี่ยนไปแล้ว เก็บข้าวของที่มีไม่กี่ชิ้นพร้อมกับขนเสบียงอาหารที่ซ่อนไว้มากพอสมควรห่อใส่ผ้าห่มผืนเก่าได้ สองปู่หลานก็พากันจูงมือออกจากกระท่อมมุ่งหน้าไปยังเมืองหย่งโจวทันที .......... "ข้ารู้ว่าข้าจะไม่เป็นอะไร แต่หลานชายข้าจะไหวหรือไม่ ในป่าอย่างไรก็ย่อมต้องมีสัตว์ป่านะ" หลี่หยุนเอ่ยปากถามหลี่จิ้งทันทีที่พ้นสายตาและระยะการได้ยินจากคนกลุ่มใหญ่ "มนุษย์มองไม่เห็นข้าแต่สัตว์ป่าเห็น พวกมันไม่กล้าเข้ามาใกล้เจ้าสองคนหรอกตราบใดที่ข้ายังอยู่กับเจ้า" หลี่จิ้งเสียใจที่แม้แต่น้ำเสียงของตนก็ไม่สามารถแสดงออกถึงความลิงโลดในใจออกมาได้ เขารู้สึกดีใจจนแทบจะกระโดดเมื่อได้รู้ว่าตนเองก็ยังมีประโยชน์ต่อสองปู่หลานคู่นี้อยู่บ้าง หลี่หยุนจึงมองเห็นและได้ยินเพียงน้ำเสียงเย็นชาและใบหน้านิ่งของเขาเท่านั้น ส่วนหลี่หลงหยางเด็กชายแค่ชำเลืองมองท่านปู่พูดคนเดียวเพียงแวบเดียวแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป "เช่นนั้นก็ดี อาหารที่มีอยู่ตอนนี้หากกินประหยัดหน่อยก็เพียงพอให้กินได้ถึงสามวัน และถ้าโชคดีได้พบผลไม้ป่าบ้างเราสองคนก็จะเดินทางไปถึงเมืองหย่งโจวได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ " สองปู่หลานใช้เวลาเดินทางเข้าเมืองหย่งโจวนานกว่าปกติถึงเท่าตัว หลี่หยุนนั้นไม่มีปัญหาเพราะเขาได้รับพรจากท่านยมบาลที่ทำให้ตนมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงเพื่อจะอยู่ดูแลบรรพบุรุษตนไปได้อีกนาน แต่หลี่หลงหยางตัวน้อยไม่ยินยอมให้ท่านปู่แบกเขาขึ้นหลัง ทำให้หลี่หยุนจำต้องเดินทางให้ช้าลงเพื่อไม่ให้เด็กชายเหน็ดเหนื่อยเกินไป "ท่านปู่ที่นั่นดูดีมากเลยขอรับ" หลี่หลงหยางวิ่งไปข้างหน้าแล้ววิ่งกลับมาหาหลี่หยุนอย่างตื่นเต้นขณะที่พวกเขายืนอยู่บนภูเขา มองเห็นตัวเมืองหย่งโจวทั้งเมืองในมุมสูงได้อย่างชัดเจน "ใจเย็นๆ เราเดินอีกครึ่งวันก็คงจะถึงแล้ว ที่นั่นมีคนมากหากเข้าเมืองไปแล้วเจ้าก็อย่าเที่ยววิ่งวุ่นเช่นนี้เล่า เดี๋ยวจะพลัดหลงกับปู่เอาได้" หลี่หยุนรีบเตือนหลานชายตัวน้อยเอาไว้ก่อนเมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นจนอยู่ไม่สุขของเด็กน้อย "ท่านปู่พวกเราจะไปอยู่ในเมืองแห่งนั้นหรือขอรับ" "ที่นั่นเรียกว่าเมืองหย่งโจว บนแผ่นดินแห่งนี้ยังมีอีกหลายเมืองที่เจ้ายังไม่เคยไป และใช่พวกเราจะอยู่ที่นั่น" หลี่หยุนไม่ได้คิดจะอาศัยอยู่ที่เมืองหย่งโจว แต่ที่นั่นเป็นเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุดในเวลานี้และเขาก็จำเป็นต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิถีชีวิตและค่าเงินในยุคนี้ให้ถ้วนถี่ก่อนเพราะอย่างไรตนก็เป็นนักโทษไปเสีย 5 ปี สถานการณ์ภายนอกอาจเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่างแล้ว หากได้โอกาสเมื่อใดค่อยเดินทางออกจากที่นี่ จึงตอบหลานชายไปเช่นนั้น เด็กชายตัวน้อยสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ด้วยความสุขใจ ตั้งแต่เกิดมาเขาก็ได้เห็นเพียงเรือนนอนที่ทุกคนในค่ายกักกันต้องนอนรวมกัน โดยแบ่งแยกเป็นเรือนชายและหญิง ต่อมาก็เมื่อท่านน้าเขยหม่าสือแนะนำให้ทุกคนสร้างกระท่อม เด็กชายก็คิดว่ากระท่อมเป็นบ้านส่วนตัวที่อบอุ่นและสงบสุขอย่างแท้จริง เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีสิ่งก่อสร้างที่งดงามกว่ากระท่อมหรือเรือนพักทหารอยู่บนโลกใบนี้ อีกทั้งตนเองยังจะได้ไปอาศัยอยู่ที่นั่นในอีกไม่นาน เมื่อนึกถึงกระท่อมที่ท่านปู่ท่านลุงและท่านน้าหลายคนช่วยกันสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบาก ซึ่งแม้แต่ตนเองก็ยังต้องไปช่วยขนเถาวัลย์มาใช้มัดท่อนไม้ด้วย เด็กชายก็ต้องขมวดคิ้วแน่นใบหน้าขาวซีดเหงื่อซึมออกมาทันที "ท่านปู่" หลี่หลงหยางวิ่งเตาะแตะไปดึงชายเสื้อของหลี่หยุนเอาไว้ "ข้าไม่อยากไปอยู่ที่นั่นหรอกขอรับ เดี๋ยวเราช่วยกันสร้างกระท่อมอยู่แถวนี้ก็ได้ ที่นี่ใกล้เมืองไม่มีสัตว์ป่าหรอกขอรับ ถ้าหาน้ำได้ข้าก็จะไปฝึกจับปลาเราก็จะมีอาหารแล้ว" เด็กชายกระตุกเสื้อหลี่หยุนพร้อมกับพยายามทำสีหน้าให้สดใส แต่ใบหน้าที่คล้ายกำลังจะร้องไห้กับขอบตาที่แดงรื้นไม่เข้ากับรอยยิ้มฝืนที่พยายามให้ดูเหมือนมีความสุขนั้นเลยสักนิด "คิดอะไรขึ้นมาอีกเล่า เมื่อครู่ยังกระโดดโลดเต้นอยากจะเข้าเมืองอยู่หยกๆ ประเดี๋ยวเดียวก็ไม่อยากไปอีกแล้ว ไหนบอกปู่มาสิ" "กระท่อมพวกนั้นใหญ่กว่าของพวกเราตั้งเยอะ มันต้องสร้างยากมากแน่ๆ เลย ท่านปู่รอข้าโตอีกหน่อยได้หรือไม่ขอรับ ข้าจะได้มีแรงไปตัดไม้มาสร้างกระท่อมใหญ่ๆ ให้ท่านปู่ได้" เด็กชายกล่าวไปก็มองกลุ่มอาคารบ้านเรือนด้วยแววตาเศร้าหมอง เขารู้ดีว่าท่านปู่ชรามากแล้วและไม่มีทางจะตัดไม้จำนวนมากขนาดนั้นแบกเข้าไปสร้างกระท่อมในเมืองหย่งโจวได้ จึงคิดว่าคงจะดีกว่าหากตนเองขอให้ท่านปู่อยู่ที่ภูเขา พื้นที่ตรงนี้อย่างน้อยก็ยังมีโพรงไม้ที่พอจะเบียดตัวเข้าไปพักผ่อนกันได้สองคนเหมือนอย่างที่เคยทำระหว่างเดินทาง "เด็กโง่" หลี่หยุนเขกหัวเล็กที่มีเส้นผมมัดรวมไว้กระจุกหนึ่งเบาๆ ไปทีหนึ่ง "มีปู่อยู่ทั้งคนเจ้ายังจะกลัวว่าพวกเราจะไม่มีที่นอนกันอยู่อีกหรือ" หลี่หยุนยืดอกขึ้นอย่างภาคภูมิใจ เข้าเมืองหย่งโจวได้เมื่อใด เขาจะหาโรงเตี๊ยมสักแห่งให้หลานชายได้อาบน้ำในอ่างนอนบนเตียงที่อบอุ่นและสะอาด กินอาหารโต๊ะใหญ่และหาเสื้อผ้าใหม่คนละ 2-3 ชุดให้ดู!! เด็กชายที่ไม่รู้ความคิดของหลี่หยุน เขาได้แต่อึ้งงันเงยหน้ามองท่านปู่ที่กำลังหัวเราะคนเดียวอย่างภูมิใจสุดขีด ไม่ว่าท่านปู่จะอยู่ที่ใดพบเจออุปสรรคใด ในเวลานี้หลี่หลงหยางรู้สึกว่าทุกอย่างมันช่างง่ายดายไปเสียหมดในสายตาท่านปู่ เขาจึงกลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้งหลงลืมความเศร้าเสียใจเมื่อครู่ไปเสียสนิท
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD