ตอนที่ 5 การตัดสินใจร่วมกัน

1672 Words
"พี่ชายหม่า ในกลุ่มพวกเรามีทั้งคนป่วยคนชราและเด็ก พวกเรายังแข็งแรงไม่สู้เร่งเดินเข้าเมืองไปหางานให้มั่นคงก่อนดีกว่ากระมัง คนที่เหลือก็จะมากล่าวโทษกันไม่ได้ ทุกคนต่างก็ต้องเอาตัวรอดกันทั้งนั้น หากยิ่งเกาะกลุ่มกันเอาไว้จะยิ่งเป็นการฉุดให้จมน้ำตายไปพร้อมกันเสียเปล่า" หลี่หยวนอิงคัดค้าน โดยไม่สนใจสายตาที่มองนางอย่างดูแคลนเลยสักนิด หม่าสือเป็นบุรุษที่นางหมายปองเอาไว้ในใจเพราะเขายังมีร่างกายที่แข็งแรงและอายุมากกว่านางเล็กน้อย หลี่หยวนอิงจึงมุ่งมั่นที่จะจับคู่กับหม่าสือให้ได้ในเร็ววัน สตรีอายุอานามไม่น้อยเช่นนางไม่อาจปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปมากกว่านี้ได้แล้ว อีกทั้งในกลุ่มก็ยังมีสตรีที่รอดชีวิตอยู่เพียง 7 คนเท่านั้น และพวกนางยังแอบตกลงจับคู่กันเองเอาไว้เป็นการส่วนตัวเพื่อจะได้หาที่พึ่งพิงได้โดยไม่ต้องแก่งแย่งกัน เรื่องการจับคู่หลี่หยวนอิงคิดว่าไม่เป็นปัญหาอันใดเพราะต่างฝ่ายต่างก็แสดงท่าทีกันอย่างชัดเจน หม่าสือไม่มีสมบัติติดกายทั้งยังเป็นอดีตนักโทษคงจะหาภรรยาไม่ได้ง่ายย่อมเต็มใจจะรับนางไปเป็นภรรยาอยู่แล้ว แต่ปัญหาที่หลี่หยวนอิงคัดค้านในเวลานี้เกี่ยวพันถึงชีวิตครอบครัวของนางในอนาคต หากสลัดกลุ่มคนจำนวนมากนี้ไม่หลุด นางกับหม่าสือที่ยังแข็งแรงคงต้องทำงานหัวหกก้นขวิดหาเลี้ยงปากท้องอีกหลายปากไปอย่างไร้ประโยชน์อีกนานแน่นอน "ถุย!! ที่กล่าวว่ามีทั้งคนชราและเด็กนั่นก็มิใช่เป็นคนในครอบครัวเจ้าทั้งนั้นหรือ?" บุรุษสูงวัยร่างกายผ่ายผอมผู้หนึ่งสบถออกมาดังๆ ตอบโต้คำกล่าวของหญิงสาวใกล้วัยกลางคน "หยุดก่อน!! พวกเราก็มีกันอยู่เพียงเท่านี้จะทะเลาะกันเองไปเพื่อสิ่งใดกันเล่า เรื่องแรกในป่าย่อมมีสัตว์ป่า หากพวกเราแยกกันเดินทางนั่นไม่เป็นผลดีเลย และยิ่งแยกตัวออกไปน้อยคนเท่าใดความเสี่ยงก็จะมากขึ้นหากต้องเดินทางตามลำพัง เรื่องที่สองข้ารู้ว่าหลายคนคงคิดเช่นเดียวกับแม่นางหลี่ผู้พี่ ที่คิดว่าคนที่แข็งแรงสมควรจะเร่งไปหางานทำเพื่อเอาชีวิตรอด นั่นก็ไม่ใช่เรื่องผิดแต่พวกเจ้าคิดดูให้ดี เมืองหย่งโจวเป็นเมืองชายแดนแร้นแค้นจะมีงานอะไรให้พวกเราทำมากมายนักหรือ? เมื่อเราต้องออกไปทำงานจะหาที่พักอาศัยที่ใดเรามีเงินไปเช่าบ้านอยู่อย่างนั้นหรือ? ระหว่างทำงานเราอาจจะยังไม่ได้รับค่าแรงระหว่างนั้นจะเอาอะไรกิน แต่หากเราเลือกที่จะหาที่อยู่กันเองแล้วแบ่งหน้าที่ช่วยกันทำงาน คนแข็งแรงออกไปหาอาหาร คนอ่อนแอช่วยทำอาหารและจัดการงานเล็กน้อยให้ได้มากที่สุด คนมากก็ย่อมได้งานมากขึ้นเสร็จเร็วขึ้น ตั้งตัวได้แล้วจะคิดเข้าเมืองไปภายหลังก็ยังไม่สายนะ" หม่าสือเสนอความคิดเห็นออกมา หม่าสือเคยเป็นผู้ช่วยพ่อบ้านอยู่ในจวนขุนนางใหญ่ พอจะมีความรู้และทักษะการใช้ชีวิตอยู่บ้าง เขาถูกเนรเทศออกมาใช้แรงงานที่เมืองหย่งโจวก็เพราะลักลอบเป็นชู้กับนายหญิงของตนเอง แต่เพื่อปกป้องชื่อเสียงของตนขุนนางท่านนั้นจึงปิดข่าว สั่งกักตัวอนุภรรยาของเขาให้อยู่แต่ในเรือนและเนรเทศหม่าสือออกมาทำงานหนักด้วยหวังจะให้ตายตกไปในระหว่างรับโทษ แต่โชคยังดีที่ชายหนุ่มมีร่างกายแข็งแรงและรู้จักวางตน ต่อหน้าทหารที่ดุร้ายเขาจึงเป็นคนที่ขยันขันแข็งและไม่เคยขัดคำสั่งใดๆ ทำให้กลายเป็นหนึ่งในนักโทษชั้นดีมีชีวิตรอดปลอดภัย สิ่งที่หม่าสือกล่าวนั้นเป็นความจริง 6 ส่วน เขารู้ดีว่าหากเขาเป็นนายจ้าง ก็ย่อมไม่ต้องการจ้างแรงงานที่เคยเป็นอดีตนักโทษแน่นอน อีกทั้งนักโทษใช้แรงงานหนักที่ค่ายกักกันเมืองหย่งโจวส่วนใหญ่เป็นนักโทษที่เคยอาศัยอยู่ในตระกูลใหญ่หรือตระกูลขุนนาง ในอดีตงานหนักไม่ค่อยได้แตะฉลาดแกมโกงและจองหองเป็นที่สุด ในเมืองชายแดนที่แร้นแค้นไม่มีผู้ใดอยากจ้างงานคนมืออ่อนเท้าบางอย่างพวกเขาเป็นแน่ และหากตนเองที่สวมเสื้อผ้าเก่าขาดเข้าเมืองไปไม่ว่าผู้ใดก็มองออกว่าต้องเป็นนักโทษที่ถูกปล่อยตัวออกมาแน่นอน ยังไม่แน่ว่าอาจจะถูกข่มเหงรังแกจากผู้อื่นด้วยซ้ำ เขาจึงไม่คิดจะเข้าเมืองจนกว่าสภาพร่างกายจะดีขึ้นหรือมองหาโอกาสและช่วงเวลาที่เหมาะสมกว่านี้ อีก 4 ส่วนที่สนับสนุนความคิดในใจของหม่าสือก็คือ ณ ที่นี้เขาแข็งแกร่งที่สุด ฉลาดที่สุด หากต้องทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยตนเองอยู่แล้ว จะเป็นการดีกว่าหากเขารีบซื้อใจผู้คนและกลายเป็นผู้นำกลุ่มโดยเร็ว อดทนล่าสัตว์หาอาหารมาแบ่งปันให้ผู้อื่นบ้าง อย่างไรตนเองเป็นหัวหน้าก็ต้องได้รับส่วนมากกว่า มีคนคอยทำงานอื่นให้อยู่เบื้องหลังอีกกลุ่มใหญ่ มีสตรีที่พร้อมจะพลีกายให้ตนอยู่ทุกเมื่อ หม่าสือยิ่งคิดก็ยิ่งมั่นใจว่าการตัดสินใจยังไม่เร่งเดินทางเข้าเมืองไปนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุด "พี่ชายหม่ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว แบ่งงานกันทำไม่เอาเปรียบกันอย่างไรก็ต้องสำเร็จ" หลี่หยวนอิงพลิกลิ้นทันควัน นางพร้อมจะเห็นดีเห็นงามกับหม่าสืออยู่แล้ว ส่วนคนอื่น ๆ เมื่อพิจารณาให้ถี่ถ้วนก็เห็นว่าคำกล่าวของหม่าสือนั้นถูกต้อง เวลานี้ทุกคนต่างก็ไร้เรี่ยวแรงและอ่อนเพลียอย่างหนัก เข้าเมืองไปก็ไม่ต่างจากซากศพเดินได้ไม่มีผู้ใดมองแน่นอน ขอเพียงให้ทุกคนแบ่งหน้าที่กันโดยไม่เอารัดเอาเปรียบกันเกินไปอย่างที่หลี่หยวนอิงกล่าวจริงๆ พวกเขาก็คิดจะหาที่ทางทำกินอยู่ชายป่าเช่นเดียวกัน และหากการอยู่ร่วมกันไม่เป็นไปอย่างที่ตกลงกันแต่แรก เวลานั้นเมื่อมีเรี่ยวแรงมากขึ้นค่อยหาทางออกใหม่ก็ยังทันจึงพากันตอบตกลงกันในที่สุด ........... คนทั้งหมดเลือกพื้นที่โล่งกว้างภายในป่า ด้านหลังเป็นภูเขา ด้านหน้าห่างไปพอสมควรมีลำธารเล็กสายหนึ่งที่ทอดยาวลงมาจากภูเขาเป็นสถานที่ก่อสร้างที่พัก ทีแรกพวกเขาก็กังวลว่าลำธารอาจจะเป็นสถานที่ที่สัตว์ลงมาดื่มน้ำ แต่เมื่อพิจารณาแล้วว่าลำธารสายนี้ทอดยาวไปเป็นเส้นทางยาวมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด โอกาสที่สัตว์ร้ายจะมาดื่มน้ำตรงนี้เป็นการเฉพาะก็น้อยลงไป จึงเลือกสร้างที่พักห่างจากลำธารมาพอสมควร การสร้างกระโจมพักง่ายๆ จากกิ่งไม้ขนาดย่อมสามท่อน แล้วมุงด้วยใบไม้แห้งเป็นสิ่งแรกที่พวกเขาริเริ่มทำขึ้นมาก่อน วันนี้ทุกคนตกลงที่จะทำเพียงกระโจมและก่อฟืนไฟไว้ป้องกันสัตว์ป่าเท่านั้น อาหารก็อาศัยกินข้าวตากแห้งที่ได้รับแจกมาจากทหารและดื่มน้ำในลำธารเล็ก พวกเขามีข้าวของเครื่องใช้จำพวกผ้าห่ม หม้อไหจานชาม ตะกร้า ถังไม้ ที่ได้รับคืนเป็นของส่วนตัวมาจากทหาร และยังมีชายหนุ่มอีกสี่คนที่มีขวานและมีดรวมกัน 5 ชิ้นไว้ใช้ แต่วันนี้ก็หมดเวลาที่จะคิดจัดการสิ่งใดแล้ว กว่าทุกคนจะสร้างกระโจมที่พักกันครบเวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงค่ำมืด ต่างคนต่างก็มุดตัวเข้าไปอยู่ในกระโจมที่มุงด้วยใบไม้ใบหญ้าเพื่อพักผ่อนหลังจากที่อ่อนล้ามาทั้งวัน หลี่หลงหยางเด็กชายอายุน้อยที่สุดในกลุ่มคน ลากกิ่งไม้ที่มีใบไม้แห้งติดอยู่มาใกล้กองไฟที่ก่อไว้ตรงกลางระหว่างกระโจมหลายหลังด้วยความยากลำบาก ร่างเล็กแคระแกร็นของเด็กชายทั้งวิ่งทั้งเดินตามผู้ใหญ่มาตลอดทั้งวันโดยที่ไม่มีผู้ใดทันได้ให้ความสนใจเขา เพราะทุกคนต่างอยู่ในช่วงเวลาของความวิตกกังวลและอ่อนเพลีย ตอนอยู่ในค่ายกักกันหลี่หลงหยางก็วิ่งไปมาช่วยเหลืองานเท่าที่ตนเองจะทำได้โดยที่ไม่มีผู้ใดสนใจเป็นประจำอยู่แล้ว เพียงแต่ภายในค่ายนั้นเขาได้มีช่วงเวลาหยุดพักผ่อน ได้กิน ได้นอนเป็นที่เป็นทาง แต่วันนี้เขาไม่รู้จะไปหาน้ำดื่มจากที่ใด ไม่รู้ว่าโรงอาหารอยู่ตรงไหน ท่านปู่กับท่านอาหญิงสองคนก็ไม่สนใจเขา ในขณะที่เด็กชายกำลังจะหมดแรงพวกผู้ใหญ่ก็เดินทางมาถึงลำธารเข้าพอดี ทำให้เด็กชายตัวน้อยรีบวิ่งไปวักน้ำด้วยสองมือน้อยๆ เข้าปากบรรเทาความหิวกระหายจนรู้สึกดีขึ้น ในช่วงเย็นหลี่หยุนยังใจดีแบ่งข้าวตากให้เขาครึ่งแผ่นเล็กๆ แม้จะไม่อิ่มท้องแต่ก็ทำให้เด็กชายไม่ต้องทนหิวตลอดทั้งคืนอีกต่อไป แต่คืนนี้เขาไม่มีกระโจมเป็นของตนเอง ตั้งแต่จำความได้ท่านปู่และท่านน้าก็ไม่เคยพาเขาเข้าไปนอนใกล้ๆมาก่อน เด็กน้อยหันมองไปรอบตัวก็พบว่าทุกคนต่างเข้ากระโจมของตนเองไปจนหมดแล้ว เขาจึงจำต้องไปลากเอากิ่งไม้ที่มีใบไม้ติดอยู่ไม่กี่ใบมานอนกอดใกล้กับกองไฟและหลับใหลไปเพียงลำพัง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD