ตอนที่5 หานเพ่ยจี

1221 Words
พระราชพิธีพระศพของไทเฮาผ่านพ้นไปแล้วจนสิ้น หากแต่ลี่เหยาถิงยังคงเศร้าสลดไม่เจือจาง นางยังคงโหยหาท่านยายทุกวัน ครั้นนึกขึ้นได้ว่าชีวิตมิได้มีเพียงเท่านี้ นางจึงพาร่างของตนเองมายืนทอดอารมณ์คิดคำนึงถึงบุคคลสำคัญในชีวิตยังเชิงเขาชายป่านอกเมือง ที่ซึ่งนางมักจะแอบหนีมาเล่นซน จนท่านยายทนไม่ไหวต้องลอบเสด็จตามมาเที่ยวด้วยกัน หลายปีมาแล้วที่เชิงเขาแห่งนี้ยังงดงามไม่เปลี่ยนแปลง แต่ที่เปลี่ยนไปก็คือตัวบุคคลที่โรยราตามวัย ส่วนตัวนางที่เคยเป็นเพียงเด็กน้อย ก็เติบใหญ่เป็นสาวงามสะพรั่ง ประโยคนี้ล้วนเป็นท่านยายที่พูดให้นางฟัง ท่านยายบอกว่า ยามที่นางยังเป็นเด็ก นางมีส่วนคล้ายท่านพ่อ แต่เมื่อโตขึ้นจนอายุสิบห้านางกลับเหมือนท่านแม่ ความงดงามที่ล้ำเลิศนี้ ทำบุรุษมากหน้าต่างหมายปอง แต่ทว่าด้วยใจที่ยึดติดไม่ต่างจากผู้ให้กำเนิด จึงทำให้นางเฝ้ารอเหอหย่งหมิงมาโดยตลอด ลี่เหยาถิงไม่เคยคิดว่าตนเองทำผิด ที่นางปักใจรักใคร่ชายผู้นี้ ตั้งแต่นางจำความได้และรับรู้เรื่องราวของลุงเหอผ่านท่านยายที่เล่าให้ฟัง นางก็ฝังใจมาโดยตลอดว่าเหอหย่งหมิงย่อมเหมือนกับลุงเหอผู้เป็นบิดาของเขา แม้จะยังไม่เคยพบหน้าแต่ทว่านางก็ยังรอคอยที่จะได้มีโอกาสพบเจอเขาอย่างมีความหวัง และยิ่งได้พบหน้ากันครานั้น นางก็มั่นใจแล้วหลายส่วนว่าต้องเป็นเขา ทว่าหลายปีผันผ่าน เขาเติบใหญ่เป็นชายกล้ากลางสนามรบ นางเติบโตเป็นหญิงงามในห้องหอ มีเพียงนางที่จำเขาได้ฝ่ายเดียว ในขณะที่เขาไม่เคยเหลียวหลังมามองนางเลยสักครา กระทั่งเวลานี้ ที่เราสองได้แต่งงานกันแล้ว ย้อนคิดกลับไปเมื่อยามที่พระราชพิธีเคลื่อนขบวนพระศพของไทเฮาจากวังหลวงไปยังสุสานหลวง เหอหย่งหมิงได้กลับมาจากค่ายทหารเพื่อยืนเคียงข้างนางในตำแหน่งสามี แต่ทว่าความเฉยชาบนใบหน้าหล่อเหลาที่นางได้เห็น ช่างตอกย้ำชัดเจนเหลือเกินถึงความห่างเหินที่มีให้กัน ทั้งๆ ที่นางชอบเขาถึงเพียงนี้ ชอบมานานปีตั้งแต่จำความได้ ลี่เหยาถิงยังคงยืนเดียวดายเงียบงันที่เชิงเขาแห่งนี้เนิ่นนาน สองสายตาเรียวสวยดั่งหงส์ ทอดมองไปยังทิวทัศน์งดงามสุดลูกหูลูกตา ทว่ากลับตกอยู่ในภวังค์มืดมน ชั่วจังหวะที่ลี่เหยาถิงกำลังจมดิ่งในห้วงคำนึงแห่งตน จู่ๆ นางก็รู้สึกเสียดหน้าท้องขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ หลายวันมาแล้วที่นางรู้สึกเจ็บท้องเช่นนี้ แต่ทว่าด้วยจิตใจที่ยังหมกมุ่นเกี่ยวกับท่านยาย นางจึงลืมว่าตนเองไม่สบาย เรียวคิ้วโก่งดั่งใบหลิวพลันขมวดกันแน่นอีกครา เมื่อรู้สึกได้ว่าท้องน้อยของตนกำลังเจ็บยิ่งกว่าเดิม ลี่เหยาถิงเพียงหลับตา รอเวลาที่จะรับรู้ได้ว่าความเจ็บนี้ค่อยๆ เจือจางไป เป็นไปได้ว่าอาจเป็นเพราะความเครียดสะสมที่มีมาอย่างต่อเนื่องช่วงหลายวันมานี้ นางกินอะไรก็ไม่รู้รสด้วยซ้ำจึงมิใช่เรื่องแปลกที่จะเจ็บท้อง ชั่วจังหวะที่หญิงสาวกำลังจัดการกับความรู้สึกของตนเอง เสียงอ่อนหวานคุ้นหูพลันดังขึ้นทางด้านหลัง “คิดเอาไว้แล้วเชียวว่าเจ้าต้องมาที่นี่” สิ้นเสียงนั้น ลี่เหยาถิงก็หาได้นำพาอันใด ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปมองผู้พูดเสียด้วยซ้ำ ทว่าผู้มาเยือนก็ยังคงพร่ำไม่หยุด “มีความสุขหรือไม่? ที่ได้แต่งงานกับชายที่รัก แล้วมีความสุขหรือไม่ ที่มายืนอยู่ตรงนี้อย่างเดียวดาย” ดวงเนตรงามล้ำพลันหรี่เล็กลง ความเศร้าซึมและความเจ็บปวดบนหน้ามลายหายไปจนสิ้น คงเหลือเพียงความเกลียดชังที่เข้ามาแทนที่ ไม่บอกก็รู้ว่า บุคคลที่เดินเข้ามาพร้อมประโยคเช่นนี้เป็นใคร ลี่เหยาถิงหันหน้าไปแล้วยกมือสะบัดขึ้นตบหน้าผู้พูดพร่ำฉาดใหญ่ เพี๊ยะ เสียงฝ่ามือกระทบผิวแก้มดังเสียจนสาวใช้ของลี่เหยาถิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลจำต้องถอยล่นไปอีกหลายก้าว ผู้ถูกตบถึงกับถลึงตาจ้องมองอย่างเดือดดาล ยกฝ่ามือขึ้นกุมแก้มนวลที่แดงก่ำเป็นรูปฝ่ามืออย่างแค้นเคือง ทั้งสองยืนนิ่งจ้องหน้ากันเนิ่นนาน ชั่วครู่ต่อมา ผู้ถูกตบเพียงลูบแก้มตนเบาๆ ก่อนจะแสยะยิ้มตรงมุมปาก แล้วเอ่ยเสียงหวานอีกครา “หย่งหมิงไม่กลับไปหาที่จวนก็เลยมาพาลเอากับคนรักของเขาหรือไร?” ลี่เหยาถิงแค่นเสียงเย็นชาต่อปากว่า “คนรักจอมปลอมเช่นเจ้า เขาก็มิได้ติดต่อเจ้ามิใช่หรือไร?” ประโยคนั้นทำดวงตากลมใสของเพ่ยจีพลันไหวระริกราวกับมีเพลิงโหมรุนแรงขึ้นมาวูบหนึ่ง ทว่าเพียงพริบตาก็กลับมาเป็นปกติ นางสามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ดียิ่งกว่ามากนัก เพราะนางรู้ดีถึงนิสัยใจร้อนของอีกฝ่าย นอกจากจะดื้อรั้นเอาแต่ใจแล้วยังอารมณ์ร้อนคิดน้อยมาแต่ไหนแต่ไร อย่างนี้ล่ะ! สนุกยิ่ง! เพ่ยจีปรับสีหน้าให้อ่อนหวานเช่นเดิม กิริยาอ่อนโยนเช่นเดิม แล้วโปรยยิ้มงดงามส่งให้ลี่เหยาถิง ก่อนเอ่ยอีกครั้งอย่างตั้งใจยั่วโทสะ “ในเมื่อเจ้ารักหย่งหมิงถึงเพียงนี้ ลงทุนใช้ตัวเองปกป้องเขาถึงเพียงนี้...คนยึดติดในรักเช่นเจ้า ข้าจะแกล้งอันใดให้สาสมกับความโง่งมดี อืม...” หญิงสาวทำท่าคิดหนักยามเอ่ยด้วยถ้อยวาจานุ่มละมุนน่าฟัง ลี่เหยาถิงพลันหรี่ตา นางรู้ดีถึงบุคลิกน่ารักน่าเอ็นดูของอีกฝ่าย ซึ่งสวนทางกับประโยคที่เอื้อนเอ่ยโดยสิ้นเชิง หญิงสาวจึงเอ่ยเสียงลอดไรฟัน ดวงตาลุกโชนด้วยไฟแห่งโทสะ “ใช่! ข้ารักเขา และข้าก็จะไม่ยอมให้เจ้าใช้เขาเป็นสะพานในการแก้แค้น เพื่อสนองต่อความพ่ายแพ้ของตัวเจ้าเอง” เพ่ยจีได้ฟังก็แค่นยิ้มเย้ยหยันใส่หน้าลี่เหยาถิง “อ้อ...เช่นนั้นหรือ แล้วเหตุใดเขาถึงไม่เชื่อเจ้าเล่า!” คำพูดนี้ทำลี่เหยาถิงพลันชะงักนิ่งไป เป็นความจริงที่ว่า นางเคยบอกกล่าวแก่เหอหย่งหมิงแล้ว ว่าเพ่ยจีร้ายกาจปานใด เป็นนางปีศาจที่ชั่วช้าแค่ไหน แต่ทว่า นอกจากเหอหย่งหมิงไม่เชื่อนางแล้ว ยังคิดว่านางทำไปด้วยหลงใหลในตัวเขาจนเห็นผิดเป็นชอบจึงทำทุกทางอย่างเอาแต่ใจเหมือนคุณหนูคนอื่นๆ ที่พยายามเข้าหาเขา ให้ตายเถิด! เป็นชายแกร่งรูปงามแล้วอย่างไร ไยไม่ฟังคนงามเช่นนางบ้างเลย… สตรีทั้งสองจึงยืนจ้องหน้ากันอีกครา เนิ่นนานยิ่งกว่าเดิม…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD