บทที่ 1 แรกเจอ...ประทับใจ?

2211 Words
โปรย... เธอ : ทริปฉลองปิดเทอมที่เธอและเพื่อนๆ วางแผนเอาไว้กลับล้มไม่เป็นท่า เมื่อผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งถูกทิ้งให้อยู่ท่ามกลางฝรั่งร่างยักษ์หน้าโจร ที่เพื่อนในกลุ่มพร้อมใจยืนยันกับเธอว่า คนพวกนี้ไว้ใจได้ เธอจะไม่เป็นอันตรายใดๆ “แค่ขออาศัยเรือข้ามไปเกาะ เธอถึงกับต้องเสียค่าโดยสารเป็นร่างกายและหัวใจเลยหรืออย่างไรกัน?” เขา : ในวันหยุดพักผ่อนที่หวังว่าจะได้มีชีวิตผ่อนคลายกับเพื่อนๆ และบรรดาสาวๆ หุ่นเซ็กซี่ขยี้ใจ อดีตเจ้าพ่อมาเฟียกลับต้องมาเจอกับยัยเด็กผู้หญิงตัวเล็กตากลมแป๋ว ที่บังอาจทำให้หัวใจของเขามันกระตุกแปลกๆ ตั้งแต่ตอนที่เห็นเธอนั่งเอนกายหลับตาพริ้ม กระดิกเท้าไปมาอยู่ตรงหน้า “เพียงแค่เก็บเธอขึ้นเรือมาด้วย เขาถึงกับต้องสูญเสียร่างกายและหัวใจให้กับเด็กเก็บตกคนนี้เชียวหรือ?” ------------------------------------------------------------------------------------------ ความสูญเสียที่วิ่งเข้าใส่ทั้งคู่ ทำไมมันดูเร่าร้อน หวานซ่าน จนใครบางคนถึงกับไม่อยากปล่อยมือ แม้สาวเจ้าจะหนีหาย แต่คนติดใจกลับตามติดและยัดเยียดบทลงโทษที่แสนรัญจวนให้กับเมียเก็บ...ตก คนนี้จนแทบไม่มีเรี่ยวแรงที่จะคิดหนีไปอีกตลอดชีวิต! @สงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 @สงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558(ฉบับเพิ่มเติม) ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือ หรือคัดลอกเนื้อหาส่วนหนึ่งส่วนใดเพื่อสร้างฐานข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์เป็นลายลักษณ์อักษรแล้วเท่านั้น ////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////// บทที่ 1 แรกเจอ...ประทับใจ? “เฮ้ย!!! เร็วๆ สิ มัวชักช้าอยู่นั่นแหละ บอกให้ตื่นแต่เช้าก็ไม่เชื่อเห็นไหม สายแล้วเนี่ย” เสียงเล็กโวยวายดังมาจากเด็กสาวร่างบางที่กำลังลากกระเป๋าสัมภาระใบไม่ใหญ่มากนัก วิ่งตรงมายังท่าเรือข้ามฟากเพื่อซื้อตั๋วโดยสาร พลางหันไปตะโกนเรียกเพื่อนที่กำลังวิ่งตามกันมาด้วยท่าทางเร่งรีบไม่แพ้กัน “ทันไหมแก” เสียงหวานของเด็กสาวร่างบางผู้กำลังเดินมาสมทบกับเด็กสาวผมสั้นเปรี้ยวจี๊ด ซึ่งเจ้าตัวภูมิใจหนักหนาเพราะเป็นคนออกแบบและสั่งช่างเจ้าประจำตัดให้ด้วยตัวเอง ครั้นเมื่อเห็นสีหน้าแสดงความผิดหวังของเพื่อนสุดเปรี้ยว มือไม้ก็พลันอ่อนแรง ปล่อยกระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่ด้านหลังให้ร่วงลงพื้นอย่างหมดแรง “ทันอะไรล่ะแก! เห็นไหม? เที่ยวแรกออกไปแล้วนั่น” เสียงตัดพ้อผิดหวัง ดังมาจากเด็กสาวผมสั้น พร้อมกับชี้ไม้ชี้มือให้เพื่อนดูเรือข้ามฟากเที่ยวแรกของวันซึ่งเพิ่งออกจากท่า ก่อนหน้าพวกเธอจะมาถึงพอดิบพอดี “แล้วนี่ไอ้อิงไปไหน ก็วิ่งตามกันมาติด ๆ ไม่ใช่เหรอแก” เมื่อเห็นว่าพลาดเรือรอบแรกแน่นอนแล้ว สาวเปรี้ยวประจำกลุ่มหันมาตรวจสอบสมาชิกร่วมทริปท่องเที่ยวฉลองสอบเสร็จในครั้งนี้ “อ้าว! ก็วิ่งตามกันมาติด ๆ เนี่ย แล้วมันหายไปไหนล่ะ” เสียงหวานจากเจ้าของเรือนผมยาวสลวยดำขลับหันมองซ้ายทีขวาทีด้วยความตกใจ เมื่อไม่มีวี่แววของเพื่อนที่ชื่อ “ไอ้อิง” “เวรแล้วไง ยิ่งเซ่อ ๆ ซ่า ๆ อยู่ด้วย” สาวผมสั้นร่างเล็กเอ่ยพร้อมยกมือขึ้นขยี้ผมเพื่อบรรเทาความหงุดหงิด ใบหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด “นั่นไงมาแล้ว! ไอ้อิงแกไปไหนมา ฉันเห็นแกวิ่งตามมาติด ๆ ไม่ใช่เหรอ” สาวผมยาวเอ่ยถามทันที เมื่อเพื่อนสาวร่างเล็กผมสั้นเคลียไหล่ ตากลมแป๋วระยิบระยับกระจ่างใส เดินเข้ามาสมทบกับเพื่อนสาวสองคนที่มาถึงก่อนหน้า พร้อมส่งยิ้มแหยสำนึกผิด ที่เป็นสาเหตุให้เพื่อนต้องหงุดหงิดกับการหายตัวไปของเธอ “คือพอดีมีฝรั่งถามทางน่ะเลยมาช้า โทษทีนะแก” รีบอธิบายถึงสาเหตุทำให้มาช้า พร้อมเอ่ยขอโทษขอโพยเพื่อนสาวทั้งสองเป็นการใหญ่ “เออ ๆ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว พวกฉันก็นึกว่าแกเดินหลงไปไหนแล้วซะอีก” สาวผมสั้นเอ่ยตัดบทเมื่อไม่มีเรื่องอะไรร้ายแรง แล้วเดินนำเข้าไปยังช่องขายตั๋ว “เดี๋ยวเข้าไปถามเขาก่อนว่าเรือจะออกอีกตอนกี่โมง แกสองคนเดินไปนั่งรอตรงโน้นก่อนไป ฝากกระเป๋าฉันไปด้วย” สาวผมสั้นส่งกระเป๋าเดินทางใบย่อมของตนให้กับเพื่อน แล้วเดินเข้าไปในช่องขายตั๋วด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง “เรือรอบแรกออกไปแล้วเหรอแพง เราก็ออกมาแต่เช้าแล้วนะ อุตส่าห์ไม่กินข้าวที่โรงแรมแล้วเชียว ยังไม่ทันอีก...เซ็งเลย” ไอ้อิงของเพื่อน ๆ เอ่ยถามสาวผมยาวข้างตัว ขณะเดินตามกันมาหาที่นั่งบริเวณซึ่งถูกจัดไว้ให้กับนักท่องเที่ยวรอขึ้นเรือ เพื่อข้ามไปยังเกาะอันเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของธรรมชาติที่ยังไม่ถูกทำลายจากนักท่องเที่ยวมากนัก “อืม ออกไปตอนไอ้ผิงมันวิ่งมาถึงพอดีแหละ ไม่เป็นไรหรอก รอไปรอบหน้าก็ได้ ดีเหมือนกันคนรอไม่เยอะแล้ว จะได้นั่งสบาย ๆ หน่อยไง” สาวผมยาวที่ถูกเรียกว่าแพงหันมาตบบ่าเพื่อนเป็นเชิงปลอบใจ เมื่อได้ยินเสียงอ่อย ๆ บ่นอุบอิบไม่ขาดปากของเพื่อนตัวเล็ก เจ้าของดวงตาใสแวววาว “เฮ้ย...แพง แกลองหันไปมองรอบ ๆ สิ ทำไมแถวนี้มันเงียบ ๆ วังเวง ๆ น่าอึดอัดยังไงไม่รู้” เมื่อหาที่นั่งได้แล้วก็หันมากระซิบกระซาบเสียงเบาราวกับสิ่งที่พูดเป็นความลับนักหนา เมื่อหันไปสังเกตบริเวณที่นั่งรอแล้วก็ให้รู้สึกแปลกใจ เมื่อเห็นชายชาวต่างชาติร่างใหญ่ยืนกันอยู่เต็มพื้นที่รอบ ๆ บริเวณ แต่ทำไมไม่มีแม้แต่เสียง พูดคุยกันให้ได้ยินเลยสักนิด ผิดกับสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ซึ่งมักจะได้ยินเสียงพูดคุยกันอย่างสนุกสนานครึกครื้นตลอดเวลา “ที่นี่ เขาห้ามส่งเสียงดังรึเปล่าแก” แพงหันมากระซิบกับเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างกันโดยอัตโนมัติ เมื่อหันไปมองตามสายตาหวาดระแวงของอิงฟ้า แล้วก็เห็นด้วยกับบรรยากาศแปลก ๆ “บ้าสิแก! คนมาเที่ยวมันก็ต้องมีการพูดคุยกันไม่ใช่หรือไง นี่พี่แกยืนนิ่งอย่างกับหุ่น ถ้าแกล้งเดินไปเหยียบตาปลาแกเล่น ฉันยังสงสัยว่าอีตายักษ์พวกนี้จะรู้สึกรึเปล่า” อิงฟ้าหันมากระซิบข้างหูเพื่อนด้วยความขบขัน “พูดจาน่าเกลียดยัยอิง เดี๋ยวเขาเกิดได้ยินขึ้นมาจะโดนยักษ์เอากระบองฟาดเอานะ ดูแต่ละคนสิ ตัวอย่างกับยักษ์เลยนะอิง” แพงเอ่ยกระซิบด้วยน้ำเสียงสั่นขาด ๆ หาย ๆ เนื่องจากพยายามกลั้นเสียงหัวเราะอย่างเต็มที่เมื่อคิดภาพตามที่อิงพูด แต่ก็แอบเตือนเพื่อนไปด้วยเพราะความที่เป็นคนเรียบร้อย ไม่ค่อยชินกับเรื่องเล่นพิเรน ๆ แบบนี้เท่าไหร่นัก เสียงพูดคุยหัวเราะคิกคักที่ดังเบา ๆ อยู่ข้างตัว ไม่อาจลอดผ่านประสาทหูอันดีเยี่ยมของชายหนุ่มร่างใหญ่ทั้งสามที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากสองสาวนัก หนุ่มเจ้าของผมดำใบหน้าหล่อ เหลือบตาคมภายใต้แว่นกันแดดสีดำสนิท มองสองสาวที่กำลังนั่งวิจารณ์เหล่าบรรดาบอร์ดี้การ์ดของตนกันอย่างสนุกปาก ไม่สนใจว่าพวกเขาจะเข้าใจสิ่งที่พวกหล่อนกำลังพูดหรือไม่ “เบน ระวังมีเด็กวิ่งมาเหยียบตาปลาแกเข้านะ” เสียงห้าวทุ้มดังมาจากหนุ่มผมทองข้างร่างใหญ่ของหนุ่มผมดำ เอ่ยปนเสียงหัวเราะเบา ๆ บอกอีตายักษ์ที่สองสาวพูดถึง แล้วหันไปพูดกับเพื่อนที่นั่งหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ “ไอ้ราฟมันไปเดินเที่ยวถึงไหนวะฟราน อีกเดี๋ยวเรือก็จะออกแล้ว ยังไม่เห็นโผล่หัวมาอีก” เจ้าของชื่อฟรานหันมามองเพื่อนหนุ่มผมทองทันทีที่ได้ยินชื่อราฟ เพื่อนอีกคนซึ่งเขาก็ลืมนึกถึงไปเลย เพราะมัวแต่ฟังเสียงหัวเราะครื้นเครงของสองสาวตัวเล็กนั่น “มันรู้เวลา เดี๋ยวคงมา” เอ่ยบอกหนุ่มผมทองนามว่า “แมทธิว” ด้วยใบหน้าเรียบนิ่งเช่นเดิม “เฮ้ย...แพง อิง ได้ตั๋วแล้วนะ แต่นานเป็นชั่วโมงเลยกว่าจะได้ขึ้นเรือ” เสียงใสตะโกนมาก่อนตัว เมื่อเห็นเพื่อนๆ กำลังนั่งหัวเราะกระซิบกระซาบกันเหมือนมีเรื่องสนุกอะไรนักหนา “จริง ๆ อีกครึ่งชั่วโมงก็มีเรือนะแกแต่โดนเหมาไปแล้ว เราต้องรอเที่ยวถัดไป” สาวผมสั้นร่างเล็กทรุดลงนั่งกับพื้นตรงหน้าเพื่อน ๆ อีกสองคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ พลางเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์นัก เมื่อนึกถึงเรือที่ถูกเหมาตัดหน้าไปก่อนพวกเธอจะมาถึงไม่กี่นาที “ทำไมวันนี้มันผิดแผนไปหมดเลยวะเนี่ย” ผิงยังบ่นไม่หยุดเมื่อคิดถึงเหตุการณ์น่าปวดหัว ตั้งแต่ตื่นนอนขึ้นมาเจอเหตุการณ์ไฟดับตอนตีห้า กว่าจะจัดการอาบน้ำ เก็บของและทำเรื่องออกจากโรงแรมได้ก็กินเวลาไปมากโขเพราะไฟดับ ระบบคอมฯ ก็ไม่ทำงาน อะไร ๆ ก็ช้าไปหมด แถมนั่งรถรับจ้างมายังท่าเรืออยู่ดี ๆ รถก็เสียกลางทางอีก พอมาถึงท่าเรือได้อย่างทุลักทุเล ยังต้องมานั่งรอเรือข้ามฟากอีกเป็นชั่วโมง นี่พวกเธอมาเที่ยวกันนะไม่ได้มาผจญภัยถึงจะต้องมาคอยแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันตลอดเวลาแบบนี้ “แมร่ง!...ไม่รวยมั่งให้มันรู้ไป แม่จะเหมามันทั้งวันเลยเรือเนี่ย เรือลำอย่างใหญ่ พี่แกเหมานั่งกันไม่กี่คน คนรวยนี่ทำไรไม่ผิดจริง ๆ แกว่าไหม?” ผิง เจ้าของผมสั้นเปรี้ยวจี๊ด เงยหน้าขึ้นมาขอเสียงสนับสนุนจากเพื่อนสาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าด้วยเสียงหงุดหงิดเหลือกำลัง เมื่อนึกถึงคำพูดของคนขายตั๋วเมื่อครู่ ‘จริง ๆ มันก็มีเรือกำลังจะออกอีกครึ่งชั่วโมงนี่แหละน้อง แต่โดนเหมาไปก่อนน้องมาถึงแป๊ปเดียวเอง’ ‘จริงเหรอพี่ น่าเสียดายจังอะ’ ‘คนมีตังค์ก็แบบนี้แหละน้อง เขาไม่ชอบเบียดคนเยอะ ๆ เลยเหมาทั้งลำ เห็นบอกว่าไปกันไม่กี่คนเอง’ “ช่างมันเถอะผิง เขามีปัญญาจ่ายก็ปล่อยไป เรานั่งรอได้นี่ใจเย็น ๆ ไปหาอะไรมานั่งกินกันดีกว่า” ด้วยความไม่อยากอารมณ์เสียกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ แพงสาวสวยแสนใจดีและมีน้ำใจประจำกลุ่มเลยพูดตัดบท แล้วชวนกันไปหาอะไรรองท้องก่อนดีกว่า เนื่องจากตั้งแต่เช้า ทั้งสามสาวยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย นี่ก็เกือบจะสิบโมงเข้าไปแล้ว “นั่นสิ ที่โมโหนี่ หิวใช่ไหม ทำเป็นหงุดหงิดโน่นนี่ หิวก็บอกตรง ๆ ไม่ต้องพูดซะอ้อมโลกขนาดนี้ก็ได้” อิงยกนิ้วขึ้นชี้หน้าสาวผมสั้นเจ้าอารมณ์ด้วยท่าทางล้อเลียนอย่างรู้ใจ เพราะเวลาหิวทีไรเพื่อนของเธอคนนี้มักจะอารมณ์เสียตลอด “เออ ๆ หรือพวกแกไม่หิว แหมพูดเรื่องกินนี่รีบลุกเลยนะพวกแกน่ะ” เมื่อพูดถึงเรื่องกิน ทั้งสามสาวดูเหมือนจะอารมณ์ดี แต่ละคนรีบลุกขึ้นยืนด้วยความกระฉับกระเฉง ไม่มีทีท่าหงุดหงิดอารมณ์เสียเลยสักนิด “เอากระเป๋าวางไว้ตรงนี้ก่อนก็ได้มั้ง คงไม่หายหรอก” แพงหันมาขอความเห็นจากสองสาว ที่กำลังเตรียมตัวจะยกกระเป๋าเป้ขึ้นสะพายหลัง “นั่นสิ คงไม่มีใครขโมยหรอกแก ยิ่งพวกหุ่นยักษ์ที่ยืนอยู่นี่ด้วยแล้ว คงไม่อยากได้ของ ๆ เราหรอก” อิงพูดติดตลกและหันมายักคิ้วหลิ่วตากับผิงอย่างรู้กัน สร้างความหงุดหงิดให้กับหนุ่มมาดเข้มที่นั่งอยู่ไม่ไกลได้อย่างไม่รู้ตัว สามสาวช่วยกันจัดวางกระเป๋าสัมภาระให้เรียบร้อย พลางเช็กของใช้ส่วนตัวที่ขาดเหลือ จะได้หาซื้อจากบนฝั่งให้เรียบร้อย เพราะของใช้บนเกาะคงจะราคาแพงน่าดู เสียงพูดคุยหยอกล้อของสามสาวที่สาละวนช่วยกันจัดวางกระเป๋า ไม่ได้ลอดพ้นไปจากบรรดาชายหนุ่มที่ยืนกันอยู่รอบๆ บริเวณเพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับเจ้านายทั้งสองที่นั่งกอดอกรอเวลา เพื่อข้ามไปยังเกาะส่วนตัวซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ เป็นเวลาชั่วโมงกว่า ๆ เนื่องจากเรือส่วนตัวที่กำลังเดินทางมารับนั้นเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง ทำให้ต้องใช้บริการเรือข้ามฝากที่มีไว้สำหรับนักท่องเที่ยว “เอี๊ยดดดดดด” “โครมมมมมม” “เฮ้ย!/อ้าว!/เวรแล้ว!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD