คลีฟดึงบานประตูห้องให้ปิดลงและก้าวเข้ามาด้วยท่าทีสง่างาม นิตายังนึกเห็นภาพบุรุษผู้นี้ตอนอยู่ในชุดลำลองและเขามักเข้ามาใกล้เพื่อยีผมเธอเล่น บางครั้งเขาก็หลอกให้เธอตกใจเหมือนเด็กเล็ก ๆ ทว่าบัดนี้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว เขาคงลืมเรื่องราวเหล่านั้นที่เคยเกิดขึ้นที่เมืองไทยหมดสิ้นกระมัง
“นีน่า...”
ประโยคแรกที่หลุดออกมาจากปากหยักหนาได้รูปทำให้นิตาถึงกับนิ่งงัน หญิงสาวกลั้นน้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วและมันกำลังจะไหลลงมาอีกเอาไว้ เธอกัดปากตัวเองเบา ๆ และคลี่รอยยิ้มให้เขาเหมือนตอนพบกันที่ห้างเวสเนอร์
“คุณ...เรียกฉันผิดแล้วล่ะค่ะ ฉันชื่อนิตา...ลอว์เรียกฉันว่า...”
“นีน่า...ยังไงผมก็ยังยืนยันที่จะเรียกคุณว่านีน่า”
น้ำเสียงห้าวลึกของเขาดูเอาจริงเอาจัง แต่สำหรับนิตามันเหมือนการเล่นละครไม่มีสิ้นสุดของศิลปินที่หาจุดจบของตัวเองไม่เจอ รอยยิ้มของหญิงสาวเจือจางลงอีกครั้ง
“เรียกผมว่าคลีฟนะ...ผมเรียกคุณว่านีน่าได้มั้ย?”
เสียงนั้นยังแจ่มชัดในหัวใจของนิตาเสมอ ทว่าบัดนี้น้ำเสียงที่เรียกเธอเปลี่ยนไป มันเย็นชาปราศจากความหวานซึ้ง และการมาครั้งนี้มันทำให้หญิงสาวฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้
บทที่ 3 The obscure ตัวตนในเงามืด
“ขอโทษทีนะคะ คุณคงจะมาตรวจดูความเรียบร้อยของห้องนี้...ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ ฉันตั้งใจไว้แล้วที่จะบอกลอว์ว่าพรุ่งนี้ฉันจะย้ายออกจากที่นี่แล้วไปหาห้องเช่าใหม่”
“ใครอนุญาตให้คุณออกจากห้องนี้ นีน่า!”
เสียงของคลีฟเข้มขึ้นกว่าเดิม นิตาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น หญิงสาวมองหน้าเขา วันนี้ที่ห้างเวสเนอร์เขาทำเหมือนไม่เคยรู้จักเธอ แต่ตอนนี้กลับจดจำสิ่งที่เกี่ยวกับเธอได้ อย่างน้อยก็คือชื่อเรียกที่เขาและเธอต่างคุ้นเคยระหว่างกันและกันดี
“ท่านประธานคะ...ขอโทษนะคะ...ฉัน...”
เสียงของนิตาขาดหายไปเมื่อร่างสูงใหญ่สืบเท้าเข้ามาหา เขาเว้นระยะห่างที่ยืนระหว่างเธอ ใบหน้าของเขาบึ้งตึง เขาไม่ยอมแม้แต่จะจับมือของเธอ บอกเธอว่าคิดถึงหลังจากที่หายหน้าไปจากชีวิตของเธอเป็นเวลาถึงสองปี
“นีน่า...ผมไม่อนุญาตให้คุณออกไปเช่าที่อยู่ใหม่”
“เหตุผลล่ะคะ?”
น้ำเสียงในคำถามนั้นเริ่มสั่นเครือ ทุกคำพูดของบุรุษตรงหน้าเหมือนเหล็กแหลมทิ่มแทงลงไปในความรู้สึกของหญิงสาว ตอนนี้เธอกับเขาเหมือนเริ่มต้นทำความรู้จักกันใหม่ ทั้งที่เวลาเหล่านั้นเคยเกิดขึ้นมาแล้ว เพียงแต่มันได้ผ่านพ้นไปกว่าสองปี แต่...เขาจะระลึกมันไม่ได้แม้เพียงเศษเสี้ยวของความทรงจำเลยเชียวหรือ
“เพราะ...ตอนนี้คุณอยู่ภายใต้สัญญาการเป็นลูกจ้าง...ของผม” เขากล่าวออกมาเสียงแผ่วต่ำ หญิงสาวเลิกคิ้ว
“เหรอคะ...แล้วถ้าฉันไม่ใช่ลูกจ้างของคุณฉันก็คงออกไปหาที่เช่าอยู่ใหม่ได้อย่างนั้นซีนะคะ”
“นีน่า...บอกแล้วยังไงว่าผมไม่ให้คุณไปไหน!”
เสียงตะคอกที่ดังขึ้นในฉับพลันและมือหนาหนักที่คว้ามือเรียวบางข้างหนึ่งของหญิงสาวที่กำลังจะหันหลังให้ไปกุมไว้แน่นทำให้เธอตกใจตัวสั่นเหมือนลูกนก นัยน์ตาสีน้ำเงินเป็นประกายดุจแซฟไฟร์คู่นั้นกำลังสะท้อนบางอย่างที่หญิงสาวไม่เข้าใจ
“คลีฟ...”
นิตาแทบไม่กล้ามองหน้าเขา เกิดอะไรขึ้นกับบุรุษตรงหน้า เกิดอะไรขึ้นกับเขาอย่างนั้นหรือ ในห้วงเวลาสองปีที่เขาห่างหายไปจากชีวิตของเธอมีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตของคลีฟที่เธอไม่รู้ รอบเบ้าตาของหญิงสาวเริ่มมีรอยรื้นน้ำ ทำอย่างไรเธอถึงจะบังคับตัวเองไม่ให้ร้องไห้ได้เสียที
แล้วหญิงสาวก็ตัดสินใจในฉับพลันที่จะลองขัดคำสั่งของเขา ร่างบางสะบัดข้อมือออกจากการเกาะกุมเพื่อหันไปคว้ากระเป๋าเดินทางของเธอขึ้นมา ในวินาทีนั้นเองคลีฟก็เหมือนจะไม่ยอมแพ้และฉุนเฉียวหนักต่อการทำตัวเป็นปฏิปักษ์ของหญิงสาว คราวนี้เขาจับไหล่บางของนิตาแล้วดึงเข้าหาอกกว้างอย่างรวดเร็ว มือหนาหนักบีบที่ไหล่เล็กบางแน่นและความปวดร้าวที่แขนทำให้หญิงสาวถึงกับต้องปล่อยกระเป๋าที่กุมไว้หล่นลงบนพื้น
“นีน่า...นี่คุณจะทำอะไร!”
ชายหนุ่มคำรามเสียงใส่ซึ่งมันทำให้นิตายิ่งตกใจ คลีฟไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้กับเธอ นัยน์ตาของเขาขุ่นมัวเหมือนน้ำที่กำลังข้นคลั่ก
“คลีฟ...โอ๊ย!...ปล่อยฉันนะคะ!”
“นีน่า...ผมไม่ให้คุณไปไหน ทำไมคุณต้องขัดคำสั่งของผมด้วย”
“คลีฟ...ปล่อยนะ...ฉันเจ็บ...ฉันเจ็บ!”
เสียงกรีดร้องของนิตาไม่ได้ทำให้คลีฟหยุดตัวเองที่จะปลดปล่อยอารมณ์อันรุนแรงซึ่งมันหลีกเร้นอยู่ในส่วนลึก มันกำลังสำแดงออกมาโดยที่ชายหนุ่มแทบไม่รู้ตัวจนกระทั่งหญิงสาวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดออกมาอีกครั้ง
“คลีฟ!”
เสียงร้องไห้ของนิตาราวกับปลายมีดบาดเข้าไปในสติที่ปราศจากการควบคุมของชายหนุ่ม ดูราวกับเขาพึ่งรู้สึกตัวและมันทำให้อารมณ์กราดเกรี้ยวของเขาค่อย ๆ ผ่อนลงจนสีหน้าที่ดุดันนั้นเปลี่ยนไป มือที่บีบไหล่บางไว้จนหญิงสาวเจ็บปวดแทบทนไม่ไหวค่อย ๆ คลายออกแต่กลับเลื่อนลงมากอบกุมข้อมือเล็กเอาไว้ นัยน์ตาของเขามีประกายสำนึกผิดทว่ามันก็วูบไหวขึ้นมาเพียงชั่วขณะก่อนที่จะปลาสนาการไปจนหมดสิ้น