พิธีปักปิ่นของซูเยว่ซินถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ตามความต้องการของนาง มีสตรีอาวุโสจากตระกูลสวี ซึ่งเป็นตระกูลเดิมของมารดา ตระกูลซู และญาติดองที่พำนักอาศัยอยู่ในเมืองหลวง ที่เดินทางมาร่วมพิธี วันนี้ซูเยว่ซินแต่งกายด้วยเป้ยจึสีเหลืองอร่าม ดูงดงามตา ราวกับดอกเบญจมาศที่เพิ่งเบ่งบาน พลอยให้ผู้พบเห็นรู้สึกเพลินตาไปด้วย รอยยิ้มและท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตน ของคุณหนูรองสกุลซู ทำให้ผู้อาวุโสทั้งหลายรู้สึกเอ็นดูได้ไม่ยาก และพิธีปักปิ่นของนางก็ผ่านไปได้ด้วยดี
พี่ชายของนางมาเยือนตามที่เขาได้บอกบิดา ทว่าเขากลับพาบุรุษหนุ่มรูปงามกลับมายังจวนตระกูลซูด้วย ทั้งสองหลีกเลี่ยงไม่เข้าไปในลานพิธีที่มีแต่สตรีอาวุโส แล้วหลบไปยังศาลากลางน้ำที่สามารถมองเห็นลานที่ใช้จัดพิธีอยู่แต่ไกลๆ เขาหันไปพูดคุยกับสหายข้างกายอย่างเป็นกันเอง
“นั่นคือน้องหญิงรองของข้าเอง”
บุรุษหนุ่มข้างกายมองตามมือที่ชี้ไป หัวใจของชายหนุ่มพลันเต้นแรง ยามที่ได้เห็นใบหน้าของสตรีวัยแรกแย้ม ที่ยามนี้กำลังถูกรายล้อมด้วยเหล่าสตรีอาวุโส ใบหน้านางประดับไปด้วยรอยยิ้ม คิ้วโก่ง จมูกโด่ง ริมฝีปากจิ้มลิ้ม สวมใส่อาภรณ์สีเหลืองอร่ามขับผิวพรรณของนางให้น่ามองยิ่งขึ้น
“พวกเจ้าห่างกันแค่สามปีเองรึ แล้วนอกจากเจ้าและน้องสาวของเจ้าแล้ว ท่านลุงกับท่านป้ายังมีทายาทผู้อื่นอีกหรือไม่” คุณชายใหญ่สกุลกู้ซักถามสหายออกมาด้วยความสนใจ ใคร่รู้
แม้เขาและอีกฝ่ายเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นานมานี้ แต่ทว่ากลับรู้สึกสนิทใจยิ่งกว่าผู้ที่คบหากันมานานเสียอีก ประมาณสิบวันก่อน เขาได้พบเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นบนถนนตรอกซืออู้ ซึ่งอยู่ห่างจากจวนแม่ทัพแห่งนี้ไปเกือบห้าลี้ อีกฝ่ายได้ยื่นมือให้ความช่วยเหลือเขาเอาไว้ เขาจึงตัดสินใจตอบแทนสหายผู้นี้ ด้วยการเลี้ยงสุราชั้นดีจากหอจิ่วเซียนสองกา ทว่าพูดคุยกันไปพูดคุยกันมา จึงทำให้ได้รู้ว่า ผู้มีพระคุณคือคุณชายใหญ่จวนแม่ทัพที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงได้ไม่นาน เขารู้สึกว่าคุยกับอีกฝ่ายถูกคอยิ่งนัก จึงคบหากันเป็นสหายตั้งแต่นั้นมา
วันนี้อีกฝ่ายเชิญเขาให้มาเยือนที่จวนตระกูลซูด้วยกัน บอกว่าที่จวนทำพิธีปักปิ่นให้แก่น้องหญิงรองในวันนี้ แม้เขาอยากจะปฏิเสธ แต่ทว่ากลับทนการรบเร้าของอีกฝ่ายไม่ไหว และเห็นแก่ไมตรีที่มีต่อกัน ก่อนที่จะติดตามอีกฝ่ายมาจึงได้กล่าวว่า ‘ข้าติดตามไปได้ แต่ไม่ขอเข้าไปด้านใน เพราะว่าดูไม่เหมาะสม’ คุณชายใหญ่สกุลซูยิ้มรับด้วยความยินดี เขาจึงได้ติดตามสหายมา
“ท่านพ่อกับท่านแม่มีข้ากับน้องหญิงรองแค่สองคนนี่แหละ ตระกูลซูของเราถือเกียรติมีภรรยาเดียวมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ตระกูลของเราจึงมีญาติสายตรงอยู่เพียงน้อยนิด” ซูเยว่คงกล่าวออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“ช่างดีเหลือเกิน ข้าเองก็อยากให้ท่านพ่อของข้ามีเพียงแต่ท่านแม่บ้าง แต่ถึงกระนั้นมันก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
น้ำเสียงที่ฟังดูแล้วรู้สึกหดหู่ ทำให้ซูเยว่คงหันไปมองสหายข้างกาย ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาวางลงไปบนบ่าของอีกฝ่าย แล้วตบเบาๆ กู้มู่เฉินหันมองอีกฝ่ายมุมปากพลันยกขึ้นเพียงเล็กน้อยอย่างซึ้งใจ เท่าที่ซูเยว่คงสืบเรื่องราวของสหายผู้นี้มา คุณชายใหญ่สกุลกู้มีบิดาเป็นถึงขุนนางในตำแหน่ง สิงปู้ เจ้ากรมตุลาการ ทำหน้าที่พิจารณาคดีความและการลงทัณฑ์อยู่ในศาลอู่จง นับได้ว่ามีเกียรติและน่าเกรงขามอยู่ไม่น้อย
อีกทั้งท่านใต้เท้ากู้ยังเป็นผู้นำของตระกูลกู้ มีบุตรชายและบุตรสาวจากภรรยาเอก มีบุตรชายจากอนุภรรยาอีกหนึ่งคน ทว่าบุตรชายที่เกิดจากอนุภรรยานั้น มีความทะเยอทะยานอยู่ไม่น้อย การที่กู้มู่เฉินถูกลอบทำร้ายในวันที่เขาได้พบกับอีกฝ่าย ก็อาจจะเป็นฝีมือของน้องชายต่างมารดาก็เป็นได้ เขาจึงรู้สึกไม่ค่อยชอบใจบุตรอนุผู้นัั้นยิ่งนัก
“ข้าฝากพู่หยกชิ้นนี้ให้แก่น้องสาวของเจ้าได้หรือไม่ ถือเสียว่ามอบให้น้องสาวของเจ้า เพื่อเป็นของกำนัลในวัยปักปิ่นของนาง”
คราแรกซูเยว่คงจะไม่ยอมรับ แต่ทว่าเห็นแววตาที่จริงใจเปิดเผยของอีกฝ่าย จึงยอมรับน้ำใจของกู้มู่เฉินเอาไว้แต่โดยดี เขาแอบลอบสำรวจใบหน้าของสหายหนุ่มอีกคราก็รู้สึกว่าพึงพอใจอยู่ไม่น้อย หากไม่ติดที่ว่าเรื่องราวภายในตระกูลของอีกฝ่ายค่อนข้างจะยุ่งเหยิง เขาก็คงจะยินดี หากอีกฝ่ายมาหมายตาน้องสาวของเขา
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน พอดีว่าต้องรีบกลับไปเตรียมตำราเพื่อเข้าสำนักศึกษาโจวซื่อในวันพรุ่ง"
คุณชายใหญ่สกุลกู้กล่าวออกมา ซูเยว่คงไม่กล่าวรั้งเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นอาจารย์ของสำนักศึกษาโจวซื่อ ซึ่งเป็นสำนักศึกษาขนาดใหญ่ของเมืองหลวง ให้การอบรมศึกษาบรรดาลูกหลานขุนนาง ชนชั้นสูง เขาเดินนำหน้าพาสหายหนุ่มออกไปส่งที่หน้าประตูจวน ก่อนที่จะกลับเข้ามาเพื่อมอบของกำนัลให้น้องสาว จากนั้นเขาจึงเดินทางกลับเข้าวังหลวงทันที
ซูเยว่ซินก้มมองพู่หยกที่อยู่ในมือ พลันหัวใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก ยามที่พี่ชายส่งมอบพู่หยกชิ้นนี้ให้แก่นาง แล้วบอกกับนางว่าสหายของเขาเป็นผู้ที่มอบให้ อีกฝ่ายเป็นสหายของเขาที่เพิ่งคบหากันได้ไม่นาน จึงยังไม่ได้แนะนำให้คนในตระกูลได้รู้จัก แต่ว่าอีกฝ่ายเป็นบุรุษที่มีจิตใจดี น่าคบหา
ครั้นนางถามพี่ชายใหญ่ว่า เขาคือคุณชายจากตระกูลใดหรือ พี่ชายก็ตอบกลับมาอย่างกระตือรือร้นว่า ตระกูลกู้ นางยังแอบนึกกังวลเกรงว่าจะเป็นกู้อี้เหวิน ที่ชีวิตนี้เข้าหานางเร็วกว่าในชีวิตก่อน ครั้นได้ยินว่าเป็นคุณชายใหญ่สกุลกู้ นั่นก็ยิ่งทำให้นางรู้สึกประหลาดใจ ว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงได้กลายมาเป็นสหายของพี่ชายไปเสียได้ ทั้งที่ในชีวิตก่อนทั้งสองคนไม่เคยผูกมิตรกันเลยด้วยซ้ำ
หรือเรื่องราวในชีวิตนี้จะเปลี่ยนไปจากในชีวิตก่อน หากคนพวกนั้นไม่ใช่คนเลวขึ้นมา นางจะตัดใจทำร้ายพวกเขาได้ลงหรือ ทว่าความตั้งใจเดิมของนางย่อมไม่เปลี่ยนแปลง ชีวิตก่อนนางต้องทนทุกข์ทรมาน มองคนที่รักนางตายจากไปทีละคน ชีวิตนี้ได้รับโอกาสให้กลับมา นางจะยอมปล่อยวางหรือไม่มีทาง
“คุณหนูรองเจ้าคะ บ่าวให้คนไปสืบเรื่องของสหายคุณชายใหญ่มาแล้วเจ้าค่ะ” ชิงหลัวรีบเข้ามารายงานคุณหนูรองทันที หลังจากที่ซูเยว่ซินมอบหมายงานสำคัญงานแรกให้นางทำ
“ได้เรื่องว่าเยี่ยงไรบ้าง”
“พี่ซูจ้วนบอกว่า เมื่อสิบวันก่อนยามที่คุณชายใหญ่กลับออกมาจากไปรายงานตัวที่ในวังหลวง พวกเขาได้ผ่านตรอกซืออู้ ทว่าระหว่างนั้นกลับได้พบชายชุดดำกำลังจะทำร้ายคุณชายใหญ่สกุลกู้เข้าพอดี คุณชายใหญ่จึงได้ให้ความช่วยเหลืออีกฝ่าย คุณชายใหญ่สกุลกู้ซาบซึ้งใจและนับว่าเป็นพระคุณ จึงตอบแทนคุณชายใหญ่ด้วยการพาไปเลี้ยงสุราที่หอจุ้ยเซียน ทั้งสองพูดคุยกันอย่างถูกคอ และตัดสินใจคบหาเป็นสหายที่ดีต่อกันเจ้าค่ะ”
สิ่งที่ชิงหลัวเล่าออกมาทำให้ซูเยว่ซินประหลาดใจนัก ชีวิตก่อนกู้มู่เฉินได้เผชิญเหตุการณ์เช่นนี้หรือไม่ นางก็มิอาจรู้ได้ เพราะยามนี้นางกับเขายังไม่รู้จักกัน แต่ที่นางจดจำได้พี่ชายไม่เคยให้ความช่วยเหลือผู้ใด แท้จริงแล้วนางกับคุณชายใหญ่กู้มู่เฉินจะพบกันที่จวนของเขาโดยบังเอิญ ในวันเทศกาลชมดอกเบญจมาศที่กู้ฮูหยินเป็นผู้จัดขึ้น
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตนี้ เหตุใดถึงได้ต่างออกไปจนทำให้นางรู้สึกฉงนใจได้เช่นนี้ ซูเยว่ซินสลัดความคิดของตน ก่อนที่จะหยิบเงินสองอีแปะส่งให้แก่ชิงหลัว เพื่อเป็นรางวัลในการทำงานให้แก่นาง คราแรกชิงหลัวไม่กล้ารับ ทว่าชิงหลวนกลับกล่าวว่า น้ำใจของเจ้านาย พวกนางควรรับไว้ด้วยความยินดี
ชิงหลัวรู้สึกดีใจยิ่งนักที่คุณหนูรองเป็นคนใจกว้าง นางจึงยื่นมือไปรับเงินมา ก่อนที่จะเก็บซ่อนเอาไว้อย่างดี ชิงหลวนได้แต่นึกขันในท่าทางของสาวรับใช้รุ่นน้อง หากซื่อสัตย์และภักดีกับคุณหนูรอง ภายภาคหน้าย่อมได้มากกว่านี้อีก เพราะคุณหนูรองของนางนั้นทั้งใจกว้าง และเป็นผู้ที่มีน้ำใจให้สาวรับใช้เสมอมา