บ่ายวันนี้ฟ้าฝนดูจะไม่น่ารักสักเท่าไหร่นัก เนื่องจากแดดที่ส่องสว่างในยามปกติตอนนี้พลันเปลี่ยนไปเป็นสายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
จะว่าไปแล้วช่วงนี้ก็อยู่ในช่วงเข้าใกล้หน้าฝน คงไม่แปลกที่ฟ้าอากาศจะเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ดีหน่อยที่อินทัชพกร่มอันน้อยๆมาด้วย การเดินทางไปยังที่จอดรถซึ่งต้องผ่านลานกว้างจึงไม่เป็นอุปสรรค์เท่าไหร่นัก
วันนี้อินทัชขอตัวกลับบ้านก่อนไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนออกัสซ้อมดาวเดือน กานต์กับออกัสจึงได้อยู่ต่อที่มหาลัยด้วยกัน ส่วนเรื่องไปรับไปส่งไม่ต้องห่วงเลย เพราะไอ่ออกัสมันคงไม่ปล่อยให้เมียตัวเองโหนรถกลับคนเดียวแน่ๆ
จริงๆกานต์ก็มีรถส่วนตัวเป็นของตัวเอง จะเอามาสลับใช้กับอินทัชบ่อยๆ แต่ด้วยที่ว่าอยู่คอนโดเดียวกัน การเดินทางของทั้งคู่จึงได้ใช้รถคันเดียว
หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งเดินมาหยุดตรงทางเชื่อมที่จะไปโรงจอดรถ ก่อนที่มือเรียวจะกดร่มให้กางออกเพื่อบังฝน ทว่าสองขายังไม่ทันก้าวไปไหน เขาก็ดันไปเตะตากับร่างของใครคนหนึ่งเข้าเสียก่อน
ถัดไปจากฝั่งซ้ายมือของเขาไม่ใกล้ไม่ไกล เจ้าของดวงตาสีรัตติกาลเหม่อมองฟ้าฝนโดยรอบที่ไม่มีท่าทีจะหยุดตก
อินทัชไม่ได้เจอพระเอกสุดหล่อมาระยะนึงได้แล้ว เนื่องจากทั้งคู่อยู่คนละคณะ ซึ่งเรียกได้ว่าไกลกันคนละโยชน์ ถ้าไม่ใช่ที่โรงอาหารใหญ่ หรือห้องประชุมที่มีคนหลายๆคณะมารวมกันจริงๆ พระเอกกับพระรองคู่นี้ก็จะไม่ได้เจอกันเลย
รวมไปถึงนายเอกคนน่ารักด้วย ไม่รู้ว่าในนิยายคณะของแต่ละคนห่างคนละที่ขนาดนี้นักเขียนแต่งให้ตัวละครไปสปาร์คกันได้ยังไง แล้วอีเว้นการพบปะก็เรียกได้ว่าไม่ใช่น้อยๆด้วยนะ
นัยน์ตาสีดำปีกกาเลื่อนมองไปยังท้องฟ้าขมุกขมัวซึ่งมีเม็ดฝนตกลงมาไม่ขาดสาย ก่อนจะขยับสายตาไปยังร่มน้อยๆในมือตัวเอง แล้วจึงเคลื่อนมองที่ร่างสูงที่อยู่ห่างออกไป
บนโลกมีคนเป็นล้านคน ในมหาลัยกว้างเป็นไม่รู้กี่ร้อยไร่ คนที่ศึกษาที่นี่ก็มีเป็นพันเป็นหมื่นคน
แต่พระเจ้าส่งกูมาเป็นสารถีให้พระเอก!
มองจากดาวพลูโตลงมาก็รู้ว่าพระรองคนนี้ต้องรับหน้าที่พาพระเอกไปส่งที่รถโดยสวัสดิภาพ หากให้พี่แกไปเองก็เกรงว่าขวัญใจนักเขียนจะเป็นไข้เอาได้ พระรองคนดีคนนี้จึงได้แต่ถอนหายใจ แล้วเดินไปหนุ่มร่างสูงที่อยู่ถัดจากไป
อินทัชขยับไปยืนอยู่ข้างฉลาม เมื่อร่างสูงสัมผัสได้ว่ามีคนมายืนข้างๆจึงได้หันมองตามไป ด้วยความที่ฉลามสูงถึง190+เซนฯ การสนทนากับอีกฝ่ายของอินทัชจึงทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย
เจ้าของใบหน้าหล่ออย่างพระเจ้าสรรค์สร้างมองคนที่ไม่คิดว่าจะเจอในเวลานี้พลางเลิกคิ้วเล็กน้อย แม้ว่ารอบข้างจะมืดสลัวมีเพียงแสงไฟจากหลอดLED ดวงตาสีรัตติกาลก็ยังมองใบหน้าอีกคนได้อย่างชัดเจน
อินทัชรวบรวมความกล้าที่ไม่รู้ว่าจะรวบรวมไปเพื่ออะไรในการถามคำถามอีกคน เสียงทุ้มนุ่มสั่นเล็กน้อยอย่างประหม่า แต่เจ้าตัวก็ยังคงคีพคาแรคเตอร์ตัวเองได้อย่างดี
"ติดร่มไปด้วยกันมั้ย"
เสียงของอินทัชเหมือนก้องกังวาลในหู ฉลามในตอนนี้เหมือนกับว่าโดนขนแมวทิ่มหัวใจจึกๆ ฉลามเหมือนสังเกตได้ว่าแม้ใบหน้าของอินทัชจะเรียงเฉย แต่แววตากลับสั่นไหวซะอย่างงั้น
เจ้าของถึงกับหัวเราะในลำคอ ทั้งๆที่เขาควรจะเป็นคนเกรงใจอีกฝ่ายที่ให้ติดร่มไปด้วย แต่ตอนนี้ดันกลายเป็นอินทัชที่ตัวเกร็ง ทำตัวอย่างกับว่ามาขอร่มเขาแทนซะอย่างงั้น
"งั้นเดี๋ยวถือให้"
เสียงทุ้มเข้มบอกกับอีกคนแผ่วเบา มือหนาคว้าร่มในมือคนข้างกายมาถือ ก่อนจะขยับตัวเข้าใกล้อีกฝ่ายจนร่างทั้งสองชิดติดกัน
"ปะ..ไปเถอะ"
อินทัชว่าเสียงเบาตอนนี้เขางงมากว่าทำไมตัวเองถึงได้เกร็งขนาดนี้ มันคือพลังทรงอำนาจของพระเอกใช่มั้ย นี่มันปรากฏการณ์อะไรกัน
เขาเป็นถึงพระรอง ทำไมถึงได้เทียบรัศมีพระเอกไม่ได้เลยล่ะ ขนาดตัวร้ายเองยังจะดูน่าเกรงขามมากกว่าด้วยซ้ำล่ะมั้ง พระรองก็ควรจะเป็นรองแค่พระเอกไม่ใช่รึไง แล้วทำไมพระรองคนนี้ถึงได้ดูเป็นเหมือนแค่ตัวประกอบหลักได้ขนาดนี้
เสียงฝนกระทบลงบนร่มทันทีที่ร่างทั้งสองก้าวพ้นอาคารไป พวกเขาเลือกเส้นทางที่ใกล้ที่สุดในการไปยังที่จอดรถ แม้ว่ามันจะสู้ชีวิตสักเล็กน้อยที่ต้องฝ่าฝนที่ตกหนักไปก็ตาม
ช่วงไหล่ด้านขวาที่หันออกไปข้างนอกของอินทัชเปียกเล็กน้อย ฉลามที่เห็นแบบนั้นจึงได้ขยับร่มเข้าไปให้ใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น
ร่างกายของฉลามกระทำการโดยอัตโนมัติ รู้ตัวอีกทีก็เผลอดึงตัวอีกคนเข้าหาตัวเองซะแล้ว กลิ่นสายฝน กลิ่นดินโดยรอบที่ว่าทำให้ใจสงบ ไม่ได้ทำให้ทั้งสองร่างที่ตัวใกล้กันจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจสงบลงได้เลย
ด้วยความสูงที่ต่างกันใบหน้าหล่อเหลาของฉลามจึงได้ไปอยู่ตรงกับช่วงบริเวณใบหูของอินทัชพอดี ลมหายใจอุ่นร้อนเป่าดูใบหูของร่างโปร่ง อินทัชพยายามท่องนโมในใจให้ใจสงบเพราะไม่ใช่บ่อยครั้งนักที่เขาจะใกล้ชิดกับคนที่ไม่สนิท
โดยปกติอินทัชมักจะเว้นระยะห่างและมีเส้นแบ่งจากคนอื่นๆเป็นของตัวเองเสมอ ถ้าหากว่าคนๆนั้นเป็นคนที่เขาไม่สนิทด้วยล่ะก็ น้อยถึงน้อยมากๆที่เขาจะอยู่ใกล้จนตัวติดกันขนาดนี้ถ้าไม่ใช่เหตุสุดวิสัย
แล้วแบบนี้เขาจะเรียกว่าเหตุสุดวิสัยได้มั้ยนะ
"ถึงแล้ว ขอบคุณมากนะ"
เจ้าของดวงตาดุคมบอกกับอีกคนเมื่อเจ้าตัวเดินถึงรถของตัวเอง อินทัชจึงได้พยักหน้าตอบและรับร่มของตัวเองกลับคืนมา
"อื่อ ไม่เป็นไร"
ร่างโปร่งตอบกลับเสียงเรียบพลางกดยิ้มเล็กน้อยตามฉบับของเจ้าตัว อินทัชเมื่อทำภารกิจส่งลูกรักพระเจ้าถึงที่หมายสำเร็จก็หันหลังกลับไปยังที่หมายของตัวเองทันที
ร่างสูงมองตามอีกคนไปจนสุดทาง ฉลามรู้สึกว่าเวลาตัวเองอยู่กับอินทัชทีไรหัวใจของเขาเหมือนกับจะโดนแมวข่วนทุกที
แล้วยิ่งเมื่อกี้ที่ได้อยู่ใกล้อีกฝ่าย แม้แต่กลิ่นธรรมชาติรอบข้างก็กลบกลิ่นกายของเจ้าตัวไม่มิด กลิ่นหอมอ่อนๆให้ความรู้สึกเหมือนดอกไม้ที่อาบด้วยแสงอาทิตย์ ทั้งอ่อนนุ่มและอบอุ่น
"อ่า..แมวข่วนอีกแล้ว"
ยิ่งคิดถึงอีกฝ่ายหัวใจของเขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนโดนแมวข่วนจริงๆ มันยุบยิบแปลกๆในใจอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร แต่ที่แน่ๆ คือมันเกิดขึ้นเพราะชายที่ชื่ออินทัช
"พี่อินคะ คือว่า..หนูขอไลน์หน่อยได้มั้ยคะ"
เด็กสาวในชุดนักศึกษาใบหน้าน่ารักขึ้นริ้วสีแดงจากความเขินอาย เธอเอ่ยถามรุ่นพี่ที่ตนชื่นชอบ ทางอินทัชได้แต่ยิ้มแหยๆตอบกลับอีกฝ่าย
เขาเองก็ปฏิเสธใครไม่ค่อยเก่งถ้าจะให้ปฏิเสธคนจริงๆ มันก็คงไม่ใช่ทางเขาเท่าไหร่
"ขอโทษนะครับถ้าจะจีบพี่ พี่ขอไม่ให้นะ พี่ไม่ได้ชอบเราน่ะ"
โอเคปฏิเสธไม่เป็น แต่ชัดถ้อน ชัดคำ ชัดเจนมาก
ทางเด็กสาวที่ได้รับคำตอบก็ถึงกับหน้าเจื่อนเล็กน้อย เพราะเธอได้ข่าวว่าอินทัชค่อนข้างใจดีและอ่อนโยน แล้วไหงคนที่เธอมาเจอถึงได้ไม่เห็นเป็นอย่างข่าวลือเลยล่ะ
หรือว่าพี่แกโมโหหิวกันนะ?
"โห แรงมากไอ่อิน หล่อมากมั้งมึงอะ"
ออกัสที่ได้ยินเพื่อนตอบกลับสาวก็ถึงกับเอ่ยแซว ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะทำตาดุใส่ใคร แล้ววันนี้มันไปกินอะไรมาล่ะถึงได้ปากเจ็บแบบนี้
"หรือมึงจะสานต่อกับน้องเขาแทนกูล่ะ ไม่ดีม้าง~ กานต์ทุบหัวแตกนาา~"
"เกี่ยวอะไรกับเราก่อน อย่ามาพาดพิงนะ"
เจ้าเพื่อนตัวเล็กโวยวายทันทีที่วงสนทนาตนถูกลากไปคาบเกี่ยว ส่วนน้องผู้หญิงคนน่ารักก็ปลีกตัวไปทันทีเมื่อรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรอยู่ที่นี่ต่อ
"แหม อย่าว่าแต่กูเลย ไอ่กัสมึงก็ใช่ย่อย หักอกสาววันละเกือบสิบคนกูยังไม่แซวเลย ก็รู้อยู่หรอกว่าเก็บใจไว้ให้น้องกานต์'เพื่อน'รัก แต่ถ้าไม่ยอมชัดเจนสักทีก็เป็นได้แค่'เพื่อน'ล่ะวะ"
อินทัชยิ้มเยาะเพื่อนพร้อมกับเล่าขวัญเพื่อนสนิทอีกคนกลางวงสนทนาเหมือนกับว่าเจ้าตัวไม่ได้อยู่ตรงนี้
กานต์ว่ากานต์อยากอยากมุดโต๊ะหนีมากนะ
"ไหนมึงบอกว่าไม่แซวไงวะ ไอ่ที่มึงทำนี่ยิ่งกว่าแซวอีก เป็นบาริสต้าหรอไอ่สัส ชงเก่งจัง"
ออกัสถกแขนเสื้อเป็นเชิงหาเรื่อง อินทัชที่มีสายเลือดนักสู้จึงยอมเล่นตามน้ำมัน ถกแขนเสื้อขึ้นเหมือนกัน
"โอ้ยหยุดเถอะ อายเขา! พวกมึงนี่มันหล่อเสียของจริงๆ ชอบทำตัวประหลาดๆ ไม่เข้าใจทำไมยังมีคนมาชอบได้อีก"
"ก็เหมือนกับที่มึงชอบไอ่กัสไงกานต์-- โอ้ย! ไอ่กัส ไอ่สัส เตะขากู"
"สมน้ำหน้า"
"แหม แตะต้องไม่ได้เลยนะคนนี้"
อินทัชรับบทนักชง บอกเลยไม่ว่าสองตัวนี้ทำอะไรเขาก็พร้อมโยงเข้าเรื่องที่พวกแม่งชอบกันได้ตลอด และดูเหมือนความพยายามของอินทัชคนนี้จะไม่ไร้ผล เพราะจากปกติที่พวกมันทำตัวเอื่อยเฉื่อยไม่ยอมพัฒนาความสัมพันธ์
เดี๋ยวนี้แม่งก็เริ่มรู้จักหยอกรู้จักจีบกันละ เมื่อก่อนทำไรไปแม่งก็ไม่คิดมากกันเพราะมีคำว่าเพื่อนค้ำคอ เดี๋ยวนี้นี่เครื่องฟิตสตาร์ทติดง่ายเหลือเกิน แค่มองตาก็รู้ใจ โดนตัวกันนิดๆหน่อยๆทำเป็นเขิน
สลิดชิบหาย
"มองค*ยไร นินทาพวกกูอยู่ล่ะสิ"
"แสนรู้เหมือนหมาเลยนะมึง ไอ่กานต์ล่ามโซ่หมากัสดีๆดิ้"
เพื่อนตัวเล็กถึงกับหัวเราะร่วนทันที ในใจก็อยากจะช่วยแก้ต่างให้ไอ่กัสนะ แต่สภาพคือขำนำแล้ว
ออกัสที่เห็นเจ้าตัวเล็กของตัวเองเห็นด้วยไปกับอินทัชก็ถึงกับเบะปาก คนตัวสูงจึงดึงอีกคนเข้าหาตัวก่อนจะแกล้งอีกฝ่ายโดยการจักจี้
สภาพกานต์ตอนนี้คือปิดปากขำหนักมาก เนื่องจากคนที่นี่ก็เยอะ มันไม่อยากเสียงดัง ต้องกลั้นเสียงไว้ ภาพผัวเมียพลอดรักกันทำให้อินทัชรู้สึกอยากสำรอกอาหารกลางวันที่กินเข้าไปออกมาให้รู้แล้วรู้รอด
ร่างโปร่งขยับตัวลุกออกจากเก้าอี้ บอกไอ่สองตัวบาทว่าจะไปเข้าห้องน้ำหนีภาพบาดตาของคนโสด
ทุกวันนี้ยังไม่รู้เลยว่าคิดถูกคิดผิดที่กูมาเป็นพ่อสื่อให้พวกแม่งเนี่ย
เหม็นความรักชิบหาย
โห ข้างบนกับข้างล่างโครตคนละมู๊ด555555
หนังคนละม้วนจัด55555