หลังจากทั้งสามเรียนจบวิชาภาคเช้า กานต์และอินทัชก็ต้องไปส่งออกัสไปดูแลการประกวดดาวเดือนต่อ เนื่องจากเพื่อนสุดหล่อคนนี้ของพวกเขาได้รับหน้าที่คุมประกวด แน่นอนว่าเพราะเจ้าตัวคือเดือนคณะหน้าที่นี้เลยหนีไม่พ้น
พอทั้งสามเดินเข้าลาน สายตาพราวระยับมากมายหลายคู่ก็ต่างจดจ้องมองมาอย่างไม่ปิดบัง กลุ่มของอินทัชจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มคนหน้าตาดีระดับท็อปของคณะ ของมหา'ลัย การจะตกเป็นเป้าสายตาจึงไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลก
นักศึกษาหลายคณะหลายชั้นปีมารวมตัวกันโดยมีจุดประสงค์หลักๆคือเตรียมตัวเข้าประกวดดาวเดือน ในที่นี้จึงไม่ได้มีเพียงแค่เด็กวิศวะอย่างพวกเขาแต่มีเด็กอีกหลากหลายคณะปะปนอยู่ด้วย
"เด็กปีนี้หน้าตาดีใช้ได้"
กานต์ว่าพลางเอานิ้วมาถูๆคางตัวเอง เพื่อนตัวเล็กของกลุ่มแม้ว่าจะตัวกะเปี๊ยกที่สุด แต่ในเรื่องความฮอตก็ยังไม่เป็นรองใคร เพราะนอกจากเจ้าตัวจะมีผู้หญิงมาตามจีบเป็นปกติแล้ว บ่อยครั้งเองผู้ชายก็มักจะเข้าหาเช่นกัน
ออกัสถึงกับหันมองเพื่อนสนิท ก่อนจะหันกลับไปดูรอบๆห้องพักดาวเดือน
"กูหล่อกว่าตั้งเยอะ"
เพื่อนหน้าหล่อว่าด้วยน้ำเสียงติดจะไม่พอใจ อินทัชจึงได้แต่กระตุกยิ้มมุมปากให้กับเพื่อนตัวสูงที่ชอบทำเก๊กอยู่ตลอด
"ออกัสมันหึงมึงอะกานต์ อย่าไปชมใครมั่วซั่วดิ"
คนทั้งสองที่โดนกล่าวถึงหันมามองอินทัชโดยพลัน ออกัสใจจริงก็อยากจะต่อยปากเพื่อนตัวดีสักทีให้หายพูดมาก แต่ต้องเก็บมือเก็บเท้าเมื่อคิดได้ว่าอินทัชเองก็มือหนักตีนหนักไม่ต่างกัน ส่วนกานต์ตอนนี้ก็หน้าแดงจนต้องหลบฉากไปแล้ว
เออ เอาเข้าไป รีบๆรู้ใจกันได้สักที
"แล้วนี่ปกติดาวเดือนต้องทำไรกันวะ ประกวดแค่หน้าตาต้องทำอะไรด้วยหรอ"
อินทัชหันไปถามเพื่อนตัวสูง เพราะเขาเองไม่ว่าชาตินี้หรือชาติที่แล้วก็ไม่ค่อยจะเข้าใจการมีอยู่ของดาวเดือนสักเท่าไหร่ การแข่งขันที่วัดกันด้วยหน้าตาเป็นหลัก แบบนั้นก็แปลว่าทุกอย่างถูกตัดสินตั้งแต่คนๆนึงได้เกิดมาแล้วสิ
หรือจริงๆเขาอาจจะเข้าไม่ถึงเอง เพราะถึงแม้เขาจะเป็นคนที่หน้าตาดี แต่มันก็ไม่ได้เป็นอยู่ในค่านิยมของคนสมัยนี้จนเข้าแข่งหน้าตาตัวเองได้
"ดาวเดือนเขาไม่ได้ประกวดแค่หน้าตา แต่มันรวมถึงความสามารถด้วย ที่มาซ้อมกันก็มาซ้อมความสามารถเดี่ยว กับซ้อมการแสดงกลุ่ม ดาวเดือนเป็นเหมือนหน้าตาของมหาลัย ช่วยนำเสนอมหาลัยให้มีคนมาสนใจ เหมือนกับพวกดาราที่พรีเซนต์เตอร์สินค้านั่นแหละ"
ออกัสอธิบายเสียงเรียบ เจ้าตัวคนถามจึงได้ถึงบางอ้อขึ้นมา เหล่านักศึกษาจากที่ดูจากสายตาบางคนก็เหมือนจะเริ่มฝึกความสามารถของตัวเองกันแล้ว ทั้งการร้องเพลง เล่นกีตาร์ หรือจะเต้น ก็มีให้เห็นทั่วไป
จะว่าไปเด็กวิศวะนี่ก็หน้าตาดีเยอะจริงๆ โดยเฉพาะผู้ชาย มีแต่คนงานดีทั้งนั้น
"เห้ยมึง นั่นไอ่ฉลามป่าว"
กานต์ว่าพลางสะกิดเพื่อนทั้งสองคนให้หันไปดูยิกๆ อินทัชที่นั่งหันหลังให้ทางที่เพื่อนตัวเล็กชี้ไปก็แทบจะหันคอเคล็ด
ฉลาม ชื่อคุ้นๆ
ดวงตาสีปีกกาหันมองตามทิศทาง เมื่อทอดมองไปยังอีกฝั่ง สองสายตาก็ประสานหากันพอดี เบื้องหน้าของพระรองอย่างอินทัช คือพระเอกโคตรพ่อโคตรแม่หล่อที่ชื่อฉลาม
ร่างสูงผิวขาวละเอียด ใบหน้าหล่อคมเข้ม สันกรามคมกริบ ทั้งยังมีดวงตาสีรัตติกาลเข้ากับดวงตาดุคม จมูกโด่งเป็นสันอย่างลูกครึ่งยุโรป ปากได้รูปและรูปร่างกำยำสมส่วน กล้ามเนื้อใต้ร่มผ้าที่คาดว่าหากถอดออกมาคงต้องเห็นซิกแพคเป็นลอนๆแน่
ไอ่เหี้* หล่อสั*
คำอุทานแรกในหัวของอินทัชเมื่อได้ประสบพบหน้าพระเอกของเรื่อง เหมือนกับเจ้าตัวมีออร่าบางอย่างกระจายออกมารอบตัว แค่ยืนเฉยๆแม้จะมีคนรายล้อมมากมาย นายพระเอกคนนั้นก็ยังเด่นขึ้นมาได้
พลันความคิดพิเรนในหัวของเขาก็ผุดขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ชีวิตนี้ของพระรองอย่างอินทัชไม่เคยแม้แต่จะคิดที่จะยุ่งกับนายเอกคนน่ารัก เหตุผลหลักๆคือไม่อยากไปพัวพันกับเรื่องราววุ่นวาย ส่วนเหตุผลรองที่ดูจะสำคัญกว่าเหตุผลหลักก็คงเป็น..
จริงๆแล้วเขาเป็นรับ
ตั้งแต่โลกเก่าเขายอมรับว่าตัวเองเป็นเกย์และชอบผู้ชายจริงๆ ถึงกระนั้นเขาไม่ใช่เกย์คิงที่จะเป็นฝ่ายรุก แต่เป็นเกย์ควีนที่เป็นฝ่ายรับต่างหาก เพราะงั้นแล้วในตอนนี้เขาจึงไม่ได้สนใจจะจีบนายเอกแต่อย่างใด ทว่าตอนนี้กลับสนใจพระเอกสุดหล่อตรงหน้ามากกว่า
น่าเสียดายถึงจะหล่อเพอร์เฟคขนาดไหน พระนางก็ต้องคู่กัน พระรองยังไงก็เป็นพระรองวันยันค่ำ อินทัชคงต้องตัดใจแล้วมูฟหาผู้ใหม่ซะแล้ว
จริงๆอย่างออกัสก็น่าสนใจ แต่เขาน่าจะโดนไอ่กานต์เมียมันตบบ้องหูหลุดก่อนจะได้ไปต่อ
มุมปากเรียววาดยิ้มอัตโนมัติ ถึงจะไม่ได้ไปต่อกันแต่ก็ขอผูกมิตรกับคุณพระเอกไว้หน่อยก็คงไม่เสียหาย รอยยิ้มพิมพ์ใจรับกับใบหน้าเรียวเพิ่มเสน่ห์ด้วยขี้แมลงวันที่ริมฝีปากล่างฝั่งขวา กับหางตาซ้ายที่มีถึงสองจุด องค์ประกอบโดยรวมแม้ว่าเจ้าของใบหน้าจะไม่ได้หล่อเหลาปานเทวา แต่ก็ยังมีเสน่ห์เหลือล้นที่เรียกได้ว่าใครเห็นเป็นต้องหลง
รวมถึง 'ฉลาม' ผู้ที่อินทัชสถาปนาว่าเป็นพระเอกสุดเพอร์เฟค ร่างสูงถึงกับนิ่งค้างไม่ไหวติง จากความแปลกใจและสงสัยที่ไม่ได้รับคำตอบ เมื่อก่อนฉลามกับอินทัชเรียกได้ว่าไม่ค่อยถูกกันสักเท่าไหร่ เพราะทั้งคู่ค่อนข้างมีสเปคคนที่ชอบคล้ายๆกัน บ่อยครั้งที่ทั้งสองจึงมักจะบังเอิญไปชอบคนเดียวกัน แม้จะไม่เคยปะทะกันตรงๆ แต่ก็ยังเรียกได้ว่าถูกสร้างสงครามประสาทขนาดย่อมโดยไม่รู้ตัว
จากที่ปกติเมื่ออินทัชได้เห็นหน้าฉลามแล้วเขาก็มักจะเบือนหน้าหนีไม่ก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์ใส่ทุกครั้งไป ทว่าครั้งนี้กลับแปลกไป ตรงที่นอกจากเจ้าตัวจะไม่ทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ ยังจะยิ้มให้อีก
รอยยิ้มที่ยากจะได้เห็นจากคนตรงหน้าทำให้ฉลามใจกระตุกไปวูบหนึ่งอย่างไม่มีสาเหตุ สุดท้ายจึงเป็นเขาเองที่หันหน้าหนีแล้วเดินออกไปทางอื่น
ทางอินทัชเองก็หันกลับมาหากลุ่มเพื่อนอย่างเดิม เหตุการณ์ก่อนหน้าที่ดวงตาคู่คมทั้งสองได้สบกันเป็นเพียงเสี้ยววิเท่านั้น หากแต่มันกลับดูเนิ่นนานอย่างกับว่ามีใครมาหยุดเวลาไว้
เพื่อนทั้งสองของเขาหันไปคุยกันอย่างเดิม วงสนทนาเข้าสู่หัวข้องานประกวดดาวเดือนและอีเว้นต่างๆที่จะตามมาในภายหลัง ชีวิตมหาลัยของอินทัชเหมือนจะได้กลับมาอีกครั้ง ในชาติก่อนตัวเขาเองก็เรียนวิศวะโยธานี่แหละ ซ้ำยังเรียนจบปี3ไปแล้วซะด้วย
ถึงกระนั้นตัวเขาเองก็ดูเหมือนจะใช้ชีวิตในรั้วมหาลัยได้ไม่คุ้มค่าเท่าไหร่ อินทัชเลยคิดว่าชีวิตใหม่ที่ได้มาจะสนุกสุดเหวี่ยงกับช่วงวัยรุ่นอย่างที่ควรจะเป็น จากคนที่เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องก็คงจะเริ่มออกมาสังสรรค์บ้างแล้ว จากที่กิจกรรมไม่เคยเข้าก็คงต้องมีส่วนร่วมมากขึ้น
ไหนๆก็ได้เกิดใหม่ เขาเองก็อยากจะเปลี่ยนตัวเป็นคนใหม่เช่นกัน จากนี้ก็คงต้องใช้ชีวิตให้สุดไม่เอาแต่หมกตัวในห้องอย่างเคยแล้ว
"กินไรเดี๋ยวกูไปซื้อ"
อินทัชหันไปถามเพื่อนทั้งสอง ตอนนี้เขารู้สึกหิวไม่น้อยจึงจะไปหาอะไรกิน
หลังจากได้รับภารกินการซื้อของเป็นที่เรียบร้อย อินทัชจึงมุ่งหน้าไปทางโรงอาหารที่ใกล้ที่สุด สั่งอาหารตามสั่งสำหรับตัวเองและเพื่อน แต่เหมือนมันจะติดปัญหาตรงที่เขาสั่งใส่กล่องแต่เจ๊แกดันใส่จานให้นี่แหละ แล้วคือ3จานอะป้า จะให้มนุษย์สองมือแบบเขาถือยังไงก่อน
ถ้าจะให้ประคองแขนไปจริงๆก็กลัวว่าเครื่องจะแลนดิ้งกลางทางไปไม่ถึงจุดหมายซะก่อน อินทัชจึงได้ยืนเงอะๆงะๆอยู่ตรงนั้นพักใหญ่ ก่อนที่ในที่สุดจะมีคนเสนอตัวมาช่วย
"เดี๋ยว..ช่วยถือ"
เสียงทุ้มเข้มบอกกับเจ้าของดวงตาสีปีกกา อินทัชที่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้มาเจอฉลามในสถานะการณ์นี้ก็ถึงกับชะงักไปสักพัก แต่พอได้สติ เจ้าตัวก็รีบพยักหน้าให้ทันที
ฉลามเองก็กะจะมาซื้อข้าวที่ร้านนี้เหมือนกัน แต่เมื่อเห็นเพื่อนมนุษย์ดูจะต้องการความช่วยเหลือเลยเสนอตัวเข้าช่วย ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาก็อาจจะปล่อยผ่าน แต่ในตอนนี้เขาอยากจะลองทำความรู้จักกับอีกฝ่ายมากขึ้นจึงได้ให้ความช่วยเหลือ
"ขอบใจ"
หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งตอบกลับพลางกดยิ้มมุมปากเล็กน้อย พลันความรู้สึกไม่คุ้นเคยก็กลับเข้ามาหาฉลามอีกครั้ง แต่ด้วยไม่อยากให้คนตรงหน้าสังเกตเห็นอาการผิดปกติ ร่างสูงจึงได้เดินนำไปข้างหน้าซะก่อน
"อ่าวมึง ทำไมไม่ให้เจ๊แกใส่กล่องมาวะ"
"กูบอกเจ๊แกแล้ว แต่สภาพก็เป็นอย่างที่มึงเห็นนี่แหละ"
"ลำบาก ไอ่ฉลามช่วยถือเลย มานั่งแดกกับพวกกูป้ะ"
ออกัสหลังจากสนทนากับเพื่อนตัวเองก็หันไปถามผู้มาใหม่อย่างเป็นกันเอง รายนี้เรียกได้ว่าเข้ากับคนง่าย ไหลไปตามน้ำเก่งเป็นที่หนึ่ง
ส่วนทางคนหน้าหล่อที่ถูกชักชวนตอนแรกก็กะว่าจะปลีกตัวออกไป แต่เมื่อเห็นสายตาของคนด้านข้าง เขาก็ตัดสินใจนั่งลงทันที
ตำแหน่งที่นั่งโดยปัจจุบันจากที่อินทัชนั่งคนเดียวก็กลายเป็นว่าตอนนี้มีพระเอกหน้าหล่อมานั่งด้วยซะอย่างงั้น ความสัมพันธ์น่าพิศวง พระเอกกับพระรองมาญาติดีกันแบบงงๆ
วงสนทนาค่อนข้างเงียบ โดยปกติแล้วคนที่พูดกันก็มักจะเป็นกานต์กับออกัส แต่ด้วยที่ว่ามีคนไม่คุ้นเคยมานั่งด้วย กานต์ที่เป็นคนไม่ค่อยสุงสิงกับคนแปลกหน้าจึงก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียว ส่วนพระรองอย่างอินทัชที่นั่งข้างสุดหล่อของมหาลัยดันมาตัวเกร็งอย่างไม่มีสาเหตุ
หรือว่านี่คืออำนาจทรงพลังของพระเอก แค่นั่งกินข้าวก็ทำให้คนรอบข้างเย็นยะเยือกถึงกระดูกดำ ออร่าทรงอำนาจที่ไม่รู้มาจากไหน กับความน่าเกรงขามที่ติดตัวมาตั้งแต่แรกพบหน้า ไม่แปลกเลยทำไมพระเอกคนนี้ถึงเป็นที่น่าหวั่นเกรงของใครหลายๆคน
"ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้"
เสียงทุ้มเข้มว่าเหมือนพูดกับลมฟ้าอากาศ คนทั้งสามที่นั่งอยู่ที่โต๊ะถึงกับหยุดชะงักเพราะไม่รู้เจ้าตัวคนพูดพูดกับใคร แต่ที่แน่ๆไอ่ที่เกร็งก็คือเกร็งกันทั้งสามคนเลย
"ก็เลิกทำหน้าดุก่อนสิ"
เป็นอินทัชที่ปากไวพูดสิ่งที่คิดออกไปโดยไม่รู้ตัว แต่พอจะยกมือมาปิดปาก ก็ดันพึ่งคิดได้ว่าประโยคก่อนหน้าอีกคนได้ยินเต็มสองหูไปแล้ว
"ไม่ได้ทำหน้าดุ หน้าแบบนี้เป็นมาแต่เกิดแล้ว"
ฉลามตอบเสียงเรียบตามฉบับ อินทัชที่ได้ยินถึงกับเม้มปากไม่คิดพูดอะไรเพิ่มเติมอีก คนอะไรน่ากลัวชิบหาย ไม่เข้าใจเลยว่านายเอกชอบอะไรในตัวพี่แก
แต่เมื่อได้นึกถึงคำว่า 'ร้ายกับคนทั้งโลกแต่แสนดีกับเธอคนเดียว'อินทัชก็ถึงบางอ้อ ก็เขาไม่ใช่นายเอกคนน่ารักคนนั้นหนินะ ไม่แปลกเลยที่จะเป็นได้แค่พระรองอาภัพ
ทางฉลามที่ลอบมองอีกคนก็เก็บคำพูดของอินทัชมาคิดในใจ บอกให้เขาเลิกทำหน้าดุ เขาก็อยากจะสวนอยู่หรอกว่าอีกฝ่ายก็ควรเลิกทำหน้าเหมือนแมวสักที แง้วๆอะไรก็ไม่รู้อยู่คนเดียว บางทีก็บ่นไม่ออกเสียงแต่เขาก็อ่านปากออก
จะนินทาใครก็ไม่สืบประวัติเขาสักหน่อยล่ะว่าเขาไม่ได้โง่ แต่ก็เอาเถอะ ถือว่าปล่อยแมวเหมียวๆไปแล้วกัน
มะ..เหมี๊ยว
แง้วๆเลยหรอพิ้หลาม
ฉันจำได้นะว่าลูกฉันก็ไม่ได้ตัวเล็กตัวน้อย