บทที่ 2

1151 Words
บทที่ 2 จวนตระกูลหนิง จวนตระกูลหนิง "คุณหนูรอง อย่าวิ่งสิเจ้าคะ เดี๋ยวก็ถูกฮูหยินใหญ่ดุเอาได้นะเจ้าคะ" ผิงผิง สาวใช้วัยสิบเจ็ดปี กำลังวิ่งตาม หนิงซือซือ พร้อมกับเอ่ยปากห้ามปรามนางเหมือนเช่นทุกวัน หนิงซือซือเพียงหันมาส่งยิ้มให้ผิงผิง ก่อนจะวิ่งตรงไปที่ห้องครัว แต่แล้วนางกลับวิ่งเข้าไปชนกับใครบางคนเข้า "เดินเช่นไรของเจ้ากัน หนิงซือซือ วิ่งมาชนข้าเช่นนี้ ไม่แหกตาดูหรือไรกัน!!!" หนิงซือซือหยุดชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะทำความเคารพสตรีตรงหน้าอย่างขอไปที "คารวะพี่หญิงเจ้าค่ะ" "ข้าบอกเจ้ากี่คราแล้ว ให้เรียกข้าว่าคุณหนูใหญ่ เจ้าเป็นเพียงบุตรสาวของอนุต่ำศักดิ์ คิดจะมาตีสนิทกับข้า ช่างไม่เจียมตน!!!" หนิงเซียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูแคลนอย่างไม่ปิดบัง แต่ไหนแต่ไรนางก็ไม่ชอบน้องสาวต่างมารดาผู้นี้เท่าใดนัก ด้วยเพราะหนิงซือซือนั้นทั้งขี้โรคมาตั้งแต่วัยเด็ก กิริยามารยาทก็ทำให้นางขายหน้าได้ไม่เว้นวัน นางจึงเกลียดชังหนิงซือซือเป็นอย่างมาก "ขออภัยด้วยเจ้าค่ะคุณหนูใหญ่ หากไม่มีสิ่งใดแล้ว ข้าขอตัวก่อน" "หึ!!!" หนิงเซียนปรายตามองหนิงซือซืออีกครา ก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปที่เรือนดอกกุ้ยฮวาซึ่งเป็นเรือนของไท่ฮูหยินในทันที หนิงซือซือลอบเบ้ปากใส่หนิงเซียนคราหนึ่ง ก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องครัวอย่างไม่รอช้า เมื่อมาถึงภายในห้องครัว หนิงซือซือก็รีบเดินเข้าไปหาป้าเจิน ซึ่งเป็นแม่ครัวใหญ่ในจวนทันที "ป้าเจิน!!!" "คุณหนูรอง! หิวแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ" "ป้าเจินรู้ใจข้าที่สุดเลย วันนี้ข้าจะต้องกินเต้าหู้เหม็นโรยหน้าด้วยหอมซอยฝีมือป้าเจินให้ได้" "ได้สิเจ้าคะ รอสักครู่ บ่าวจะรีบทำให้เดี๋ยวนี้เลย" "ข้ารักป้าเจินที่สุด" หนิงซือซือยิ้มตาหยี ก่อนจะทิ้งกายนั่งลงตรงเก้าอี้ที่ป้าเจินจัดเตรียมเอาไว้ให้ ป้าเจินมองหนิงซือซือด้วยความเอ็นดูคราหนึ่ง ก่อนจะเริ่มลงมือทำเต้าหู้เหม็นอาหารจานโปรดให้กับนาง เรือนดอกกุ้ยฮวา "เซียนเอ๋อร์ เจ้าจะใส่ใจไปไยกัน นางก็มีนิสัยเช่นนั้นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เจ้าน่ะกิริยางดงามกว่านางมากนัก ปล่อยนางไปเถิด" "ท่านแม่ ลูกไม่ชอบนางเลยเจ้าค่ะ ทุกคราที่ได้เห็นหน้านางลูกก็สะอิดสะเอียนแทบทนไม่ไหว" "เซียนเอ๋อร์!!! อย่าเอ่ยวาจาดูแคลนซือเอ๋อร์ให้ย่าได้ยินอีกนะ" "ท่านย่า" หนิงเซียนและหนิงฮูหยินที่กำลังพูดถึงเรื่องหนิงซือซืออย่างออกรส แต่แล้วทั้งสองก็ต้องเงียบปากเสีย เมื่อไท่ฮูหยิน ผู้เป็นท่านย่าของนางก้าวเดินเข้ามาในเรือนดอกกุ้ยฮวาพอดี ไท่ฮูหยินคุมอำนาจในจวนตระกูลหนิงตั้งแต่สามีของนางตายจากไป ซึ่งก็คือนายท่านใหญ่ของจวน อดีตรองแม่ทัพผู้ทำความดีความชอบช่วยฮ่องเต้รวบรวมแผ่นดินไท่เหลียงให้เป็นปึกแผ่นมั่นคง จนสามีของนางล้มป่วยตายจากไป บุตรชายเพียงคนเดียวของนาง ก็ได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพต่อจากบิดา และไม่นานมานี้ก็ได้เลื่อนขั้นเป็นแม่ทัพใหญ่ ถือเป็นเกียรติยศให้แก่ตระกูลหนิงเป็นอย่างมาก "คารวะท่านย่า" "คารวะท่านแม่" ไท่ฮูหยินปรายตามองลูกสะใภ้และหลานสาวของตนคราหนึ่ง ก่อนจะเดินตรงไปนั่งที่โต๊ะใหญ่กลางเรือน หนิงเซียนไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอีก นางเพียงนั่งลงและยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างเงียบ ๆ "ข้าเพียงออกไปรับลมด้านนอกกลับมาก็ได้ยินเจ้าสองแม่ลูกเอ่ยวาจาให้ไม่สบายใจเสียแล้ว เซียนเอ๋อร์เจ้าน่ะปล่อยซือซือไปบ้างเถิด อย่าตั้งแง่รังเกียจนางนัก เจ้าน่ะเก่งศิลปะทั้งสี่แขนง อีกทั้งหลักสามเชื่อฟังสี่จรรยาเจ้าก็ไม่ขาดตกบกพร่อง ในไท่เหลียงแห่งนี้มีสตรีใดบ้างจะเทียบเจ้าได้ แม้แต่ซือเอ๋อร์ก็ยังไม่เก่งเท่าเจ้า" "หลานเข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านย่า" "เข้าใจก็ดี" "หลานเพียงแค่อยากสั่งสอนหนิงซือซือให้นางรู้จักการวางตัวที่ดีกว่านี้ หลานรู้ว่ามารดาของนางเป็นสตรีบ้านป่าไร้การอบรมสั่งสอน..." "หนิงเซียน!!! อย่าพูดจาเช่นนี้อีกนะ!!!" "ขออภัยเจ้าค่ะท่านย่า" "ข้าไม่อยากอยู่สนทนากับพวกเจ้าสองแม่ลูกแล้ว เชิญพวกเจ้าสองคนอยู่กันตามสบายเถิด" ไท่ฮูหยินเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะให้สาวใช้พยุงนางเดินเข้าไปในห้องนอนของตน เมื่อเข้ามาในห้องนอนแล้ว ไท่ฮูหยินก็ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า "เฮ้อ แต่เล็กจนโต ซือเอ๋อร์ก็มีชีวิตอย่างยากลำบากมาโดยตลอด มีมารดาก็เหมือนไม่มี " ไท่ฮูหยินเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเปลี่ยนเรื่องทันที "แล้วนี่ซือเอ๋อร์อยู่ที่ใด ไปตามนางมาพบข้าที" "ได้ยินว่าอยู่ที่โรงครัวเจ้าค่ะ" เมื่อได้ยินเช่นนั้นไท่ฮูหยินก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย "เจ้าเด็กคนนี้ วัน ๆ ก็นึกห่วงแต่เรื่องของกิน" ด้านหนิงซือซือที่กำลังจะยกจานแตงโมมุ่งหน้าไปหาไท่ฮูหยิน ก็ได้พบกับสาวใช้ของเรือนดอกกุ้ยฮวาที่มาตามนางพอดี หนิงซือซือยิ้มตาหยี ก่อนจะรีบเดินตรงไปหาท่านย่าที่เรือนดอกกุ้ยฮวาทันที เมื่อมาถึงนางก็รีบตรงเข้าไปออดอ้อนไท่ฮูหยินอย่างเช่นทุกวัน "ท่านย่าเจ้าขา หลานนำแตงโมมาให้เจ้าค่ะ ยามนี้อากาศค่อนข้างร้อน ท่านย่าต้องกินแตงโมเพื่อให้ร่างกายรู้สึกเย็นสบายนะเจ้าคะ" "เจ้านี่ช่างพูดเอาใจย่าเสียจริง มานั่งข้างย่าเถิด" หนิงซือซือพยักหน้า ก่อนจะเดินตรงเข้าไปนั่งข้างกายของไท่ฮูหยินอย่างว่าง่าย ไท่ฮูหยินยื่นมือไปลูบศีรษะของหลานสาวด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา "เจ้าอย่าได้ถือสาเซียนเอ๋อร์เลยนะ นางก็เป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร" "ข้าชินชาแล้วเจ้าค่ะ คำด่าของพี่หญิงไม่เข้าหูข้าหรอก" "เจ้านี่นะ" ไท่ฮูหยินตีมือหนิงซือซือคราหนึ่งพร้อมกับหัวเราะขบขัน ยิ่งได้มองใบหน้างดงามของหนิงซือซือ ก็ทำให้นางนึกถึงใครบางคนขึ้นมาได้ ใครบางคนที่ใจร้ายใจดำถึงขนาดทิ้งบุตรของตนเองได้ลงคอ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD